ฮิตาชิ ดาต้า ซิสเต็มส์ พบแนวโน้มความต้องการและการปรับใช้ ระบบคลาวด์ในภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิกพุ่งสูงขึ้น

ข่าวเทคโนโลยี Monday July 25, 2011 16:54 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--25 ก.ค.--คอร์ แอนด์ พีค ความน่าสนใจที่เพิ่มขึ้นนี้เกิดจาก กลยุทธ์ที่ประสบความสำเร็จของบริษัทฯ ที่ประยุกต์เทคโนโลยี, โซลูชั่น และบริการของระบบคลาวด์ ภายใต้การพัฒนาให้รวมกันเป็นหนึ่ง บนแพลตฟอร์มเดียวกัน บริษัท ฮิตาชิ ดาต้า ซิสเต็มส์ คอร์ปอเรชัน หรือ เอชดีเอส ธุรกิจในเครือของบริษัท ฮิตาชิ จำกัด (ชื่อในตลาดหุ้นนิวยอร์ก: HIT) กำลังพิจารณาถึงความต้องการและการปรับใช้ตามแบบของระบบคลาวด์จากการดำเนินการธุรกิจต่างๆ ในภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิก ซึ่งแสดงให้เห็นว่าบริษัทเหล่านั้นกำลังเดินหน้ากลยุทธ์เพื่อการพัฒนาระบบคลาวด์อย่างต่อเนื่อง จากการที่ผู้ใช้ระบบประมวลผลแบบคลาวด์และผู้ให้บริการด้านไอทีในเอเชีย แปซิฟิก กำลังนำโซลูชั่นของบริษัท ฮิตาชิ ดาต้า ซิสเต็มส์ มาปรับใช้เพิ่มขึ้น โดยโซลูชั่นของดาตา เซ็นเตอร์ที่ผสานรวม (Converged Data Center Solution (CDCS) ) ที่เปิดตัวใหม่ล่าสุดได้ผสานร่วมกับการปรับแต่งกับเาระบบจัดเก็บข้อมูลขนาดใหญ่ โดยที่ Hitachi Compute Blade Server และระบบโครงสร้างเครือข่ายมาตราฐาน จะช่วยเสริมกันในการพัฒนาระบบคลาวด์ของภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิก ให้เกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว โซลูชั่นของบริษัท ฮิตาชิ ดาต้า ซิสเต็มส์ ช่วยให้ลูกค้านำไปประยุกต์ใช้ทั้งด้านบริการและโซลูชั่นในลักษณะของคลาวด์ได้ ด้วยการทำให้เป็นเรื่องง่ายและร่นระยะเวลาในการปรับใช้ระบบคลาวด์เพื่อตอบสนองความต้องการของบริษัทใน ทุกขนาด นอกจากนี้ การเป็นหนึ่งเดียวกันภายใต้แพลตฟอร์มหลักเพียงหนึ่งเดียวนี้ ยังช่วยให้ลูกค้าสามารถสร้างและปรับขนาดโซลูชั่นระบบคลาวด์ได้เร็วหรือช้าตามต้องการโดยไม่จำเป็นต้องยกเลิกระบบไอทีที่มีอยู่เดิม ดังนั้นจึงเป็นปกป้องการลงทุนของลูกค้าเอาไว้ด้วย นายเควิน เอกเกลสตัน รองประธานอาวุโสและผู้จัดการทั่วไปประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก บริษัท ฮิตาชิ ดาต้า ซิสเต็มส์ ได้กล่าวไว้ว่า “ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเป็นตลาดที่มีการพัฒนาอย่างรวดเร็วในแบบแยกส่วน เมื่อองค์กรในภูมิภาคแห่งนี้ต้องการโซลูชั่นระบบคลาวด์ พวกเขาจะมีความต้องการที่แตกต่างกันอย่างมากอันเป็นผลมาจากเงื่อนไขของตลาดภายในประเทศ แต่แนวทางระบบคลาวด์ของบริษัท ฮิตาชิ ดาต้า ซิสเต็มส์มีความโดดเด่น ที่องค์กรในเอเชียแปซิฟิกจะสามารถสร้าง ปรับขนาด และปรับเพื่อนำไป ทั้งบริการและโซลูชั่นคลาวด์ ได้อย่างคล่องตัวตามแนวทางของตนเพื่อตอบสนองความต้องการที่มีหลากหลายได้อย่างครอบคลุม” อีกทั้งเสริมอีกว่า “ถ้าลูกค้าจำเป็นต้องติดตั้งโซลูชั่นเพิ่มเมื่อธุรกิจเปลี่ยนแปลงและขยายตัว สิ่งนี้จะช่วยให้บรรลุผลได้อย่างรวดเร็วและราบรื่นด้วยการเพิ่มส่วนประกอบใดๆก็ตาม ที่ต้องการเท่าที่จำเป็นเพียงส่วนเดียวแค่นั้นเอง” เคล็ดลับหนึ่งที่จะช่วยให้สามารถนำเอาสำหรับกลยุทธ์ระบบคลาวด์ของบริษัท ฮิตาชิ ดาต้า ซิสเต็มส์ ไปใช้ได้จริง คือการผสานรวมของระบบจัดเก็บข้อมูล , เซิร์ฟเวอร์ และระบบเครือข่ายข้อมูล ให้เป็นหนึ่งเดียวเพื่อเป็นรากฐานของโครงสร้างพื้นฐานระบบคลาวด์ หรือที่เรียกว่า ระบบคลาวด์ในรูปแบบโครงสร้างพื้นฐาน ทั้งนี้องค์กรที่ทำการผสานรวมตามหลักการดังกล่าวจะได้ประโยชน์มากมาย ทั้งด้านการเพิ่มประสิทธิภาพ ความเร็ว, ลดเวลาในการปรับใช้ระบบ, เสถียรภาพของระบบที่เชื่อถือได้ และการบริหารจัดการของระบบเหล่านี้ ที่ช่วยคลายความกังวลที่องค์กรมีเกี่ยวกับการปรับใช้โซลูชั่นคลาวด์ การใช้โซลูชั่นระบบคลาวด์ของบริษัท ฮิตาชิ ดาต้า ซิสเต็มส์ จะทำให้ลูกค้ารับรู้ได้ถึงค่าใช้จ่ายที่แท้จริง ในการดำเนินงานที่ลดลง ความสามารถในการทำงานร่วมกันที่คล่องตัวยิ่งขึ้น ได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนที่สูงขึ้น ลดขั้นตอนการนำไปใช้ที่สั้นลง ซึ่งทั้งหมดนี้ไม่จำเป็นต้องปรับสถาปัตยกรรมระบบที่มีอยู่เดิมใหม่ เมื่อไม่กี่เดือนมานี้ บริษัท ฮิตาชิ ดาต้าซิสเต็มส์ ได้ประกาศถึงความสำเร็จของลูกค้ารายสำคัญที่ได้ปรับใช้โซลูชั่นระบบคลาวด์ของบริษัท ได้แก่ ศูนย์ประมวลผลปักกิ่ง(Beijing Computing Center) จากประเทศจีน บริษัท ไซไฟ เทคโนโลยีส์ จำกัด (Sify Technologies Limited) จากประเทศอินเดีย และบริษัท เทลิติ อินเตอร์เนชั่นแนล (Teliti International) จากประเทศมาเลเซีย ซึ่งได้นำโซลูชั่นระบบคลาวด์ของบริษัท ฮิตาชิ ดาต้า ซิสเต็มส์ มาปรับใช้ในแนวทางที่แตกต่างกันเพื่อตอบสนองความต้องการด้านการดำเนินงานที่จำเป็นของตน ดังนี้ - Beijing Computing Center เลือกใช้ Hitachi NAS Platform (HNAS) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและสมรรถนะด้านการแบ่งปันไฟล์และข้อมูล ด้วยการจำกัดการขยายตัวของระบบแบบขาดการควบคุม และปัญหาคอขวดด้านการจราจรข้อมูล ด้วยฟังก์ชันระบบเสมือนจริงของ HNAS เช่น เซิร์ฟเวอร์เสมือน ไดรฟ์ข้อมูลเสมือน และพูลระบบจัดเก็บข้อมูลเสมือน ทำให้ขณะนี้ผู้ดูแลระบบจัดเก็บข้อมูลของศูนย์ประมวลผลสามารถจัดสรรความจุระบบจัดเก็บข้อมูลสำหรับแอพพลิเคชั่นและผู้ใช้ต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ - Sify Technologies Limited ผู้นำด้านการให้บริการ อินเทอร์เน็ตทั้งสำหรับผู้ใช้รายย่อย และ องค์กรขนาดใหญ่ ในอินเดีย ได้เปิดตัวบริการระบบจัดเก็บข้อมูลตามต้องการแบบใหม่ที่มีบริการระบบจัดเก็บข้อมูลตามต้องการสอดคล้องกับข้อตกลงระดับการบริการ (SLA) ในลักษณะระบบจัดเก็บข้อมูลตามสั่ง(On-demand Storage Services) ภายใต้การสนับสนุนจากบริษัท ฮิตาชิ ดาต้า ซิสเต็มส์ ทั้งการรองรับการปรับเพิ่มลดขนาดตามที่ต้องการได้ รวมไปถึงการบริหารจัดการอุปกรณ์ต่างๆ อย่างครบถ้วน - Teliti Datacentres ธุรกิจในเครือของบริษัท เทลิติ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ผู้ให้บริการด้านไอทีชั้นนำ ที่กำลังสร้างศูนย์ข้อมูลขนาดใหญ่ที่สุดในเอเชีย ด้วยการปรับใช้โซลูชั่นโครงสร้างพื้นฐานของฮิตาชิ , Hitachi Content Platform (HCP) และ HNAS เข้าด้วยกันโดยศูนย์ข้อมูล “สีเขียว” ที่ทันสมัยแห่งนี้ตั้งอยู่ที่นิคมอุตสาหกรรมด้านไฮเทคที่ชื่อว่า Enstek บริเวณชานเมืองของกรุงกัวลาลัมเปอร์และจะพร้อมให้บริการในปี 2555 โดยจะนำเสนอบริการต่างๆ ที่ครอบคลุมรวมไปถึงบริการการบริหารจัดการ(Managed Services) ให้แก่ลูกค้าทั้งภายในประเทศและทั่วโลก ทั้งนี้ บริษัท เทลิติ เลือกใช้ Hitachi Virtual Storage Platform (VSP) เนื่องจากข้อดีหลายอย่างในด้านประสิทธิภาพ ความยืดหยุ่น การใช้พลังงาน และต้นทุนรวมในการเป็นเจ้าของ (TCO) นอกจากนี้ บริษัท เทลิติ ยังกำลังทำงานร่วมกับบริษัท ฮิตาชิ เพื่อนำเสนอ การจัดเก็บข้อมูลถาวร(Archived Data) และการสำรองข้อมูล ในลักษณะบริการรับเหมาจัดเก็บ ให้แก่ลูกค้า โดยใช้ HCP อีกด้วย นายวู อี้เฟย นักวิจัย แผนกวิจัยและพัฒนาของศูนย์ประมวลผลปักกิ่ง กล่าว ว่า “เพื่อตอบสนองการขยายตัวที่มีอย่างต่อเนื่องของธุรกิจและเทคโนโลยีสารสนเทศในกรุงปักกิ่ง แพลตฟอร์มบริการแบบคลาวด์สำหรับอุตสาหกรรมในปักกิ่งจำเป็นต้องมีโครงสร้างพื้นฐานระบบจัดเก็บข้อมูลที่มีประสิทธิภาพ เชื่อถือได้ และมีความสามารถในการปรับขนาดได้ที่เหนือกว่า” และยังกล่าวว่า “โซลูชั่นระบบจัดเก็บข้อมูลของบริษัท ฮิตาชิ ดาต้า ซิสเต็มส์ ได้แสดงให้เห็นมากกว่าที่คาดคิด ถึงประสิทธิภาพและความเชื่อถือได้ ที่ทำให้เราสามารถเอาชนะปัญหาที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานต่างๆ ได้อย่างไร้กังวล” นายมูซา โมห์ ลาซิม ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหาร (ซีอีโอ) บริษัท เทลิติ ดาต้าเซ็นเตอร์ เอสดีเอ็น บีเอชดี กล่าว ว่า “บริษัท ฮิตาชิ ดาต้า ซิสเต็มส์ มีส่วนสำคัญในการช่วยให้เราสามารถตอบสนองความต้องการที่เพิ่มมากขึ้นด้านโซลูชั่นระบบจัดเก็บข้อมูลชั้นเยี่ยมภายในสภาพแวดล้อมแบบคลาวด์ ที่จะถูกนำเสนอโดยบริษัท เทลิติ ดาต้าเซ็นเตอร์” และกล่าวอีกว่า “ด้วยการสนับสนุนอย่างต่อเนื่องของบริษัท ฮิตาชิ ดาต้า ซิสเต็มส์ ทำให้บริษัท เทลิติ อยู่ในฐานะการเป็นผู้นำด้านไอที ที่ไม่เพียงแต่ในตลาดมาเลเซียเท่านั้น แต่ยังครอบคลุมตลาดทั่วโลก ที่เราเดินหน้าขยายตลาดของเราที่มีอยู่ อย่างต่อเนื่องนั่นเอง” นายซีวีเอส ซูริ ประธานและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหาร (ซีอีโอ) บริษัท ไซไฟ เอ็นเตอร์ไพรซ์ เซอร์วิส กล่าว ว่า “บริษัท ไซไฟ ได้ลงทุนเชิงกลยุทธ์ในด้านการสร้างแพลตฟอร์มแบบคลาวด์สำหรับองค์กรในช่วง 16 เดือนที่ผ่านมา ด้วยคำมั่นที่จะนำเสนอบริการการประมวลผลแบบคลาวด์ให้แก่ลูกค้าระดับองค์กรขนาดใหญ่ ปัจจุบันบริการแบบคลาวด์ของบริษัท ไซไฟ กำลังช่วยให้องค์กรต่างๆ สามารถตอบสนองเงื่อนไขทางธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วได้เร็วยิ่งขึ้น อีกทั้งยังรับประกันได้ถึงความพร้อมใช้งาน ความเชื่อถือได้ ความสามารถในการปรับขนาดได้ และ การรับรองประสิทธิภาพตามการใช้งาน(Workload)ที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา” และเสริมอีกว่า “การเป็นพันธมิตรของเรากับผู้นำด้านเทคโนโลยี อย่างบริษัท ฮิตาชิ ดาต้า ซิสเต็มส์ ในด้านระบบจัดเก็บข้อมูล ช่วยให้เราสามารถสร้างและนำเสนอโซลูชั่นระบบจัดเก็บข้อมูลที่พร้อมสำหรับอนาคตและเป็นไปตามความต้องการที่แตกต่างกัน ภายใต้การรับประกันของข้อตกลงระดับการบริการ(SLA) ที่ระดับ 99.99%” ความได้เปรียบหลักและเหตุผลที่ว่าเหตุใดลูกค้าในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกจึงเลือกใช้แนวทางของโครงสร้างพื้นฐานระบบคลาวด์ของบริษัท ฮิตาชิ ดาต้า ซิสเต็มส์ นั่นก็คือ ค่าใช้จ่ายด้านการบริหารระบบที่ลดลง การทำให้ให้ระบบคลาวด์เป็นเรื่องง่ายขึ้น การใช้งานระบบมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น การนำไปใช้ที่เริ่มจากระบบขนาดเล็กที่พร้อมปรับเพิ่มได้ภายหลัง ความสามารถปรับใช้ระบบคลาวด์จาก ทรัพยากรต่างๆที่มีอยู่ ภายใต้สภาพแวดล้อมที่ใช้อยู่เดิมได้โดยไม่ต้องหยุดการทำงานของระบบหรือล้างระบบของผู้ใช้และแอพพลิเคชั่นเดิมที่มีอยู่ ตลอดจนปกป้องการลงทุนด้านไอทีที่ใช้ไปจากของเดิมได้อีกด้วย

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ