กรุงเทพฯ--13 พ.ย.--กระทรวงพลังงาน
นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ขณะนี้กระทรวงพลังงานจะยังไม่ปรับลดการจัดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง โดยจะขอดูสถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลกในช่วงต้นสัปดาห์นี้ก่อน เนื่องจากว่าราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกปลายสัปดาห์ที่ผ่านมาได้ปรับตัวลดลงกว่า 1 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ราคาน้ำมันดิบดูไบอยู่ที่ระดับ 87.68 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล
ราคาน้ำมันในตลาดโลกในช่วงนี้จะมีความผันผวนสูง โดยจะปรับตัวขึ้นลงเนื่องจากกระแสข่าวเป็นหลัก ปลายสัปดาห์ที่ผ่านมาราคาน้ำมันดิบเบรนท์และดูไบ ได้ปรับตัวลดลง หลังจากแหล่งผลิตน้ำมันในทะเลเหนือซึ่งหยุดการผลิตจากภาวะอากาศแปรปรวน ได้กลับมาทำการผลิต และการรั่วไหลของท่อขนส่งน้ำมันดิบของบริษัท Kuwait Oil ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการส่งออก นอกจากนี้ข่าวที่ซาอุดิอาระเบียจะหารือเรื่องการเพิ่มปริมาณการผลิตน้ำมันกับประเทศสมาชิกโอเปคในการประชุมโอเปค ในวันที่ 17-18 พ.ย. นี้ ได้ทำให้ตลาดน้ำมันคลายความกังวล อย่างไรก็ตาม สำหรับน้ำมันดิบ WTI หลังจากได้อ่อนตัวลงในวันพฤหัสบดีก่อน แต่ในวันศุกร์ได้ปิดตลาดด้วยราคาที่สูงขึ้น 0.8 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล เนื่องจากความกังวลในเรื่องปริมาณสำรองน้ำมันที่ลดลง และข่าวเพลิงไหม้ของโรงกลั่นในเท็กซัส
สำหรับแนวโน้มราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก ในระยะสั้นคาดว่าราคาน้ำมันจะแกว่งตัวขึ้นลงในระดับสูงจากความกังวลเกี่ยวกับอุปทานน้ำมันตึงตัว หลังจากปริมาณสำรองน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ลดลง สำหรับแนวโน้มของราคาน้ำมันในระยะใกล้นี้ จะขึ้นอยู่กับความรุนแรงของฤดูหนาวที่จะมาถึงและสภาพเศรษฐกิจ โอเปคได้มองว่าราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นมาอยู่ในระดับ 100 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล เป็นภาวะชั่วคราวเนื่องจากการเก็งกำไร และหากเป็นไปตามสภาวะที่แท้จริงของตลาด ราคาน้ำมันควรปรับลดลงมาอยู่ในระดับ 80-85 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้ชี้แจงเพิ่มเติมว่า การอ่อนตัวลงของเงินเหรียญสหรัฐอย่างรวดเร็ว คือ สาเหตุสำคัญประการหนึ่งที่ทำให้ราคาน้ำมันสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ดังจะเห็นได้ว่าตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2550 จนถึงปัจจุบันเงินเหรียญสหรัฐอ่อนตัวลงถึงร้อยละ 9.1 เมื่อเทียบกับเงินยูโร ซึ่งบรรเทาผลกระทบของราคาน้ำมันที่สูงขึ้นได้พอสมควรสำหรับผู้ใช้น้ำมันในสหพันธ์ยุโรป อย่างไรก็ตามนโยบายในการรักษาค่าเงินบาทไม่ให้แข็งเกินไปของรัฐเพื่อช่วยเหลือผู้ส่งออก โดยการแทรกแซงค่าเงินบาทอย่างหนักตั้งแต่กลางปีนี้ ทำให้ค่าเงินบาทแข็งขึ้นเพียงร้อยละ 1.5 เมื่อเทียบกับเงินเหรียญสหรัฐ ดังนั้น จึงปรากฏว่าตั้งแต่เดือนมิถุนายนที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน ราคาน้ำมันดิบเบรนท์เมื่อคิดเป็นเงินเหรียญสหรัฐ เงินบาท และเงินยูโรเพิ่มขึ้นร้อยละ 31.0 ร้อยละ 29.0 และร้อยละ 19.1 ตามลำดับ กล่าวคือ หากเงินบาทแข็งขึ้นตามเงินยูโรแล้วราคาน้ำมันเมื่อคิดเป็นบาทจะลดลงถึง 2 บาทต่อลิตร