กรุงเทพฯ--27 ก.ค.--แปลน ฟอร์ คิดส์
ให้ดูมดเป็นตัวอย่าง
คำสอนจากคุณหญิงแอ้จากนิทานเรื่อง “มดมหัศจรรย์”
เพราะความรักของคุณยายที่มีต่อน้องแจน น้องจีน และน้องจุน หลานๆตัวน้อยที่มักสงสัยใครรู้เกี่ยวกับธรรมชาติรอบตัว และชอบมีคำถามแปลกๆ มาถามคุณยายเสมอ ผสานกับความตั้งใจที่อยากให้เด็กไทยทุกคนได้เรียนรู้เรื่องราวของธรรมชาติอย่างสนุกและสร้างสรรค์ “มด” จึงเป็นสิ่งใกล้ตัวที่คุณหญิงรัชนีวรรณ วัฒนชัย หรือคุณยายแอ้ นำมาเขียนเป็นนิทานกึ่งสารคดี ชุด 10 ปี หนังสือดีเพื่อเด็ก ในโอกาสที่มูลนิธิหนังสือเพื่อเด็กได้มอบความสุขให้แก่เด็กๆ ด้วยเสียงเล่านิทานและการอ่านหนังสือมาครบ 10 ปี โดยมีคุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา ประธานมูลนิธิหนังสือเพื่อเด็กและผู้เขียน “หิวจัง หิวจัง” หนังสือเล่มแรกของโครงการมาร่วมงาน พร้อมด้วยคุณเรืองศักดิ์ ปิ่นประทีป หรือที่เด็กๆ รู้จักกันในนาม ตุ๊บปอง นักเขียนนิทานชื่อดังในฐานะกรรมการผู้จัดการมูลนิธิฯ พร้อมด้วยคุณริสรวล อร่ามเจริญ กรรมการผู้จัดการบริษัท แปลน ฟอร์ คิดส์ จำกัด ในฐานะบรรณาธิการกิจและผู้จัดพิมพ์ และคุณธีระ ธัญไพบูลย์ ที่มาในบทบาทคุณพ่อและพิธีกรในคราวเดียวกัน
มดมหัศจรรย์ เป็นหนังสือนิทาน 1 ใน 5 เรื่องที่มูลนิธิหนังสือเพื่อเด็ก ร่วมกับบริษัทแปลน ฟอร์ คิดส์ จำกัด จัดทำขึ้นเพื่อเป็นของขวัญทางปัญญาให้กับเด็ก โดยใช้มดเป็นสัญลักษณ์ของความขยัน ซื่อสัตย์ ประหยัด และอดทนแฝงไว้เป็นข้อคิด
“เรื่องนี้เกิดขึ้น เพราะพาหลานๆ เข้าไปเก็บต้นไม้ ใบไม้แห้งที่สวนหน้าบ้าน เราเห็นมดเดินเรียงแถว เลยเรียกหลานมาดูว่า มดนี่มีระเบียบนะ เดินเป็นแถวยาวเรียงกันเลย และแนะนำเขาว่าเราควรต้องเป็นคนที่มีระเบียบ ให้เอาอย่างมดนะคะ มดจะขยัน ตั้งแต่เช้าถึงกลางคืนมดจะเดินตลอด เก็บกิ่งไม้ ขนอาหาร จะเล่าให้หลานฟังถึงความรอบคอบของมด ว่ามดไม่ประมาท คอยกักตุนอาหารไว้กินยามยาก เวลาที่ฝนตกหนัก มดออกมาจากรังไม่ได้ ก็นำอาหารที่สะสมเก็บไว้มาแบ่งปันกันกิน ได้สอนหลานๆ ว่าต้องเป็นคนที่ขยัน รู้จักเก็บ อดออม รู้จักใช้ทุกอย่าง เวลาลำบากก็จะนำมาใช้ได้” คุณหญิงรัชนีวรรณกล่าว
นอกจากเนื้อหาที่ช่วยจุดประกายความคิดให้กับเด็ก สามารถพูดคุยและเล่าเรื่องราวได้แล้ว ภาพประกอบในหนังสือนิทานเล่มนี้ยังสะท้อนให้เห็นถึงคนสองรุ่นที่สามารถอยู่ด้วยกันได้โดยไม่ต้องมีคนกลางอยู่ด้วย เป็นการสื่อสารที่ผู้วาดภาพจำเป็นต้องศึกษาทั้งองค์ความรู้เกี่ยวกับมด และใช้จินตนาการในการวาดภาพในหน้าทุกหน้าด้วยสีน้ำอย่างดีที่สุด เพื่อให้มดมหัศจรรย์ออกมาเป็นตัวเล่มอย่างสมบูรณ์แบบ
คุณริสรวลเล่าว่า “เราจะทำเรื่องมด เราต้องรู้เรื่องมด ประวัติของมด ประเภทของมด และภาพประกอบทั้งหมดควรเป็นอย่างไร ในเรื่องนี้จะเป็นมดแดงผู้ทรงพลัง สามารถยกของได้หนัก 5 เท่าของตัวเอง การที่ใช้สัตว์เป็นเพื่อน จะทำให้เด็กสนุก แต่ก็ขึ้นอยู่กับคนที่เขียนนิทานเค้ามีมุมอะไรที่จะสอน นิทานดีๆ สมัยก่อน มีการนำกลับมาตีพิมพ์เยอะมาก โครงการหนังสือเด็กก็เปลี่ยนไปเยอะเหมือนกัน เพราะทุกคนเข้าใจแล้วว่าต้องใช้หนังสือกับเด็ก ที่สำคัญทุนของนิทานที่ยังคงอยู่ในตัวเด็กคือความคิดสร้างสรรค์และจินตนาการ ต้องให้ตั้งแต่เล็กๆ เพราะมนุษย์เราแรกเกิดถึงสามขวบ เป็นช่วงอัตราการแตกของเซลล์สมองเยอะที่สุด ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับพ่อแม่ด้วยว่าจะกระตุ้นแบบไหนให้เหมาะสมกับลูกของเรา”
ปัจจุบันถึงแม้เราจะปฏิเสธเรื่องของเทคโนโลยีที่เข้ามาแทรงแซงวิถีความเป็นอยู่ของเด็กไม่ได้ แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือผู้ใหญ่ต่างหากที่จะจัดความพอดีให้กับเด็กได้อย่างไร หากพ่อแม่เข้าใจในศาสตร์ของหนังสือว่ากว่าเด็กจะอ่านออก อ่านได้ อ่านแตก และอ่านอย่างสนุกได้ต้องใช้เวลาและความอดทนมาก แต่ในความอดทนนั้น จะมีความรักของพ่อแม่แฝงอยู่ด้วยทุกระยะ ซึ่งจะเป็นสิ่งที่ประคับประคองและชี้นำให้เด็กเติบโตมาอย่างมีความสุข ดังที่คุณเรืองศักดิ์แนะนำว่า “เวลาอ่านหนังสือเรากอดลูกได้ การกอด การสัมผัส ไม่มีใครให้ได้ดีไปกว่าพ่อแม่ หรือปู่ย่าตายาย เพราะมันมีความรักทางสายเลือด สิ่งเหล่านี้จะถ่ายโอนไปถึงเด็กๆ และทำให้เด็กๆ เติบโตมาอย่างความมั่นคงทางจิตใจ”