กรุงเทพฯ--28 ก.ค.--MMM Digital Asset
คำถาม: ชีวิตช่วงวัยรุ่นของคุณส่วนใหญ่เกิดขึ้นบนจอภาพยนตร์ จากการวิเคราะห์ครั้งสุดท้ายแล้ว คุณมีช่วงเวลาที่รู้สึกอาจยเป็นพิเศษในฉากตลอดช่วงถ่ายทำมั้ย?
ทอม เฟลตัน: โห เพียบเลย จะเริ่มจากตรงไหนดี? [หัวเราะ] ผมเดาว่าที่น่าอายที่สุดสำหรับนักแสดง คือเวลาที่เราถูกรายล้อมไปด้วยเหล่านักแสดงคนอื่นๆ ที่เราดูแล้วเขากำลังพึมพำบทของเราอยู่ มีอยู่ครั้งหนึ่งที่ผมมองอย่างสนใจมาก ผมว่าเป็นหนังภาคสามนะหรือน่าจะเป็นภาคสอง มันมีประโยคปิดท้ายของเดรโกที่ดีมากสำหรับตอนท้ายเรื่อง ที่บอกว่าผมไม่สามารถนำมาแลกกับความรักหรือเงินได้ ผมไม่รู้ว่ามันคืออะไร บางครั้งเราฝึกซ้อมมากเกินไปหรือผมก็ไม่แน่ใจว่ามันเพราะอะไร แต่ผมแสดงไม่ได้และก็เริ่มร้องไห้ออกมา ตอนนั้นผมอายุ 13, 14 ขวบ ผมพูดว่า ‘ขอโทษครับ ขอโทษจริงๆ ผมเล่นไม่ได้’
และคริส โคลัมบัส ผู้กำกับที่กำกับภาพยนตร์ร่วมกับเด็กมามากที่สุด เขารู้ดีว่าควรพูดกับพวกเขาอย่างไร เขาบอกผมว่า ‘ไม่เป็นไรนะ ไม่เป็นไร เราเข้าใจ มันอยู่ในม้วนของหนัง มันต้องเกิดขึ้นในหนัง’ พวกเขาตัดมันออกจากหนัง มันไม่เคยได้ฉายเลย [หัวเราะ] ผมเลยได้เรียนรู้จากจุดนั้นอย่างรวดเร็วว่าอย่าไปหมกมุ่นกับบทของเรามาก นั่นแหละเป็นเรื่องที่น่าอายมากที่ต้องร้องไห้ในฉาก มันแย่จัง ไม่รู้ว่าทำไมผมมาเล่าให้คุณฟัง แต่ผมก็พูดตรงๆ นะ [หัวเราะ]
คำถาม: คุณรับบทแสดงเป็นเดรโกในภาพยนตร์เรื่องแฮร์รี่ พอตเตอร์ หากคุณเลือกที่จะเป็นตัวละครตัวอื่นได้ คุณอยากแสดงเป็นใครและทำไม? คุณออดิชั่นในบทอื่นด้วยไม่ใช่หรอ?
ทอม เฟลตัน: ใช่ครับ ผมไม่เคยอ่านหนังสือมา ผมไม่รู้ว่าแฮร์รี่ รอน เดรโกเป็นอย่างไร บอกตามตรงว่าผมแทบไม่มีเบาะแสอะไรเลย ผมคิดว่าผมจะได้แสดงเป็นแฮกริดผู้ยิ่งใหญ่ แต่พวกเขาก็ไม่ได้เห็นมัน [หัวเราะ] ไม่หรอก ผมสนุกมากกับครอบครัวมัลฟอยจริงๆ นะ สิ่งเดียวที่ผมจะจินตนาการได้คือการแสดงเป็นพ่อของผมในหนังรีเมคอีก 20 ปีข้างหน้าหรืออะไรทำนองนั้น ไม่ใช่แค่ผมมองตัวเองในบทบาทตัวละครอื่นไม่ออกนะ แต่ตัวละครที่พวกเขาแสดงเป็นแฮร์รี่ รอนและที่เหลือล้วนเป็นที่จดจำแล้ว ผมไม่อาจไปลบล้างการแสดงทั้งหมดนั่นได้แน่นอน
คำถาม: คุณมีปฏิกิริยาอย่างไรเมื่อคุณเห็นตอนที่คุณโตขึ้นในช่วงท้ายของเรื่อง?
ทอม เฟลตัน: มันสนุกมากและก็เท่ห์ดี เราเตรียมตัวอยู่หลายเดือน พวกเขาอยากได้ภาพของพ่อและพี่น้องของผม จากนั้นพวกเขาก็โหลดและโหลดไปทดสอบอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ผมว่ามันเป็นสาระสำคัญถึงเด็กๆ ที่บอกว่าไม่ควรสนใจเรื่องอาชญากรรม และเป็นการเตือนว่าไม่ควรไว้ใจคนที่มีเคราแพะ ผมมั่นใจว่างั้นนะ มันสนุกมาก มันยิ่งสนุกมากขึ้นที่ได้วางมันลงในท้ายที่สุดและได้กลับไปใช้ชีวิตปกติ แต่จริงๆ แล้วมันเป็นหนึ่งในฉากสุดท้ายที่ผมถ่ายทำ มันจึงเป็นเรื่องดีมากที่มันจะสิ้นสุดแล้วสำหรับผม โดยเฉพาะเมื่อมันเป็นเวลาเกือบ 10 ปีตั้งแต่วันที่ผมเป็นเด็กถูกจับมาใส่ในรถไฟ มันเลยรู้สึกเหมือนชีวิตของผมผ่านไปชั่วพริบตา แต่ที่แน่ๆ คือมันเป็นเรื่องที่ดีที่ถ่ายจบแล้ว
คำถาม: ตัวละครนี้ส่งผลอะไรกับชีวิตคุณมั้ย เช่น เวลาคุณไปซูเปอร์มาเก็ตเพื่อซื้อเนื้อสเต็กแล้วมีใครเรียกคุณว่า ‘เดรโก’ หรือเปล่า?
ทอม เฟลตัน: ไม่ได้เรียกเจาะจงแบบนั้น แต่คงไม่ต้องบอกเลยว่าเรามีเด็กๆ และผู้ใหญ่นับร้อยที่มาทัวร์รอบฉากแฮร์รี่ พอตเตอร์ ทุกวัน และโดยปกติแล้วไม่มีเด็กที่อายุต่ำกว่า 7 ปีคนไหนที่อยากมายุ่งกับผม ซึ่งเป็นเรื่องที่ผมกังวลอยู่บ้างในช่วงแรกๆ
พวกเขาจะตื่นเต้นกันเวลาที่ได้พบกับแดเนียล [แรดคลิฟฟ์], รูเพิร์ท [กรินท์] และเอ็มม่า [วัตสัน] แล้วก็จะไปหลบอยู่หลังขาพ่อแม่ทันทีเมื่อมาถึงผม และผมเองก็คงจะหลบหลังพ่อแม่ ผมต้องทำตัวเป็นมิตรสุดๆ ว่า ‘สวัสดี ดีใจที่ได้เจอทุกคนนะ’ และพวกเขาก็พูดว่า ‘โอ้พระเจ้า แปลกจัง’ [หัวเราะ]
เจสันวางตัวได้ดีมาก เขาคงความเป็นตัวละครเอาไว้และพวกเขาก็รักมัน ผมรักที่จะรับมันไว้เป็นความชมเชยตลอดช่วงเฝลาหลายปี อันที่จริงแล้วเด็กๆ ค่อนข้างทำให้ผมกลัว แต่ยังไม่มีใครตะโกนต่อว่าที่ซูเปอร์มาร์เก็ต ผมคอยเลี่ยงเรื่องนั้นอยู่
คำถาม: ตอนนี้คุณรู้สึกอย่างไรบ้าง? รู้สึกสบายใจ? คาดหวังในอนาคต?
ทอม เฟลตัน: ผมให้ความสนใจดูสิ่งที่แฟนๆ มีปฏิกิริยาต่อหนังตอนสุดท้ายมาก เราเฝ้ารอสิ่งนี้มานานแสนนาน และเรารู้สึกว่านี่คือเหตุผลที่ทำไมเราถึงสร้างหนัง 7 ตอนที่ผ่านมา นั่นคือเพื่อที่เราจะได้มาถึงตอนสุดท้ายนี้ เรารู้สึกตื่นเต้นกับมันมากและมีแต่สิ่งดีๆ เกิดขึ้นจนถึงตอนสุดท้าย เราตื่นเต้นว่าทุกอย่างจะจบลงอย่างดี บอกตรงๆ ว่าโดยส่วนตัวแล้วมันเหมือนเรื่องน่ากลัวแต่เวลาเดียวกันก็เป็นช่วงที่น่าตื่นเต้น เพราะเราไม่รู้ว่าอะไรรอเราอยู่ข้างหน้า ฉะนั้นมันจึงเป็นเรื่องสนุกเสมอ
คำถาม: นี่เป็นโอกาสที่จะได้สนใจเรื่องดนตรีของคุณมากขึ้นด้วยมั้ย?
ทอม เฟลตัน: ครับ ก็ไม่เชิงเท่าไหร่ บอกตรงๆ ว่าผมไม่อยากเปลี่ยนการทำดนตรีเป็นเส้นทางอาชีพของผม ผมว่าเรากำลังดื่มด่ำกับชีวิตและรู้ซึ้งไปกับมัน ถ้าผมทำแบบนั้น มันเป็นแค่งานอดิเรก มันเป็นสิ่งที่ผมทำฆ่าเวลา โดยเฉพาะเวลาที่รอฉากทั้งหลายสร้างขึ้นมาและอะไรทำนองนั้น ผมอยากเก็บมันไว้แบบนั้นมากกว่า มันเป็นสิ่งที่ผมให้ความหลงใหล และผมหวังว่าจะได้ช่วยนักดนตรีรุ่นเยาว์ในเส้นทางนั้นหากเป็นไปได้ แต่โดยส่วนตัวแล้วผมขอเกี่ยวก้อยเลยว่า ผมหวังที่จะได้แสดงหนังต่อไป
คำถาม: คุณมีการวางแผนว่าจะกลับมาร่วมงานกับเหล่านักแสดงบ้างหรือยัง? คุณจะยังติดต่อกนัมั้ย?
ทอม เฟลตัน: ครับ แน่นอน มันเป็นเรื่องยากเพราะโดยส่วนใหญ่พวกเราอยู่ใน 4 มุมของโลกที่ห่างกันในช่วงเวลาหนึ่ง แต่ผมโชคดีมากที่สุดท้ายได้เห็นการแสดงของแดเนียล ซึ่งสำหรับคนที่ไม่ได้ชมจะรู้สึกว่ามันน่าเหลือเชื่อ มันรู้สึกแปลกมากที่ได้เห็นเขาไปอยู่ตรงนั้น หลังจากช่วง 10 ปีที่ได้เห็นเขาในบทของแฮร์รี่ แต่เขาก็สร้างผลงานเอาไว้ได้อย่างไม่น่าเชื่อเลย
แต่ที่แน่ๆ ผมคิดว่ามันเป็นเรื่องของมิตรภาพหรือความผูกพันที่ผมคิดว่ามันจะไม่ตายจากไป โดยไม่ต้องกังวลว่าเราจากกันไปนานกี่ปี เพราะเรามีประสบการณ์สุดพิเศษร่วมกันมา และพวกเราสร้างความสำเร็จมาด้วยกัน ผมรู้สึกโชคดีมากที่ผมเป็นส่วนหนึ่งร่วมกับเด็กๆ รุ่นเดียวกับผมที่ร่วมแชร์ประสบการณ์กับผม