กรุงเทพฯ--28 ก.ค.--บลจ.บัวหลวง
กองทุนเปิดบัวหลวงเชโกลด์อีทีเอฟ หรือ BCHAY เกิดขึ้นจากการร่วมมือกันระหว่างบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม บัวหลวง จำกัด (บลจ.บัวหลวง) บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง และ 4 พันธมิตรผู้ค้าทองคำ ได้แก่ บริษัท ห้างขายทองจินฮั้วเฮง จำกัด บริษัท ฮั่วเซ่งเฮง คอมโมดิทัซ จำกัด บริษัท ออสสิริส จำกัด และบริษัท วาย แอล จี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด โดยความร่วมมือระหว่างกันในครั้งนี้ เพื่อเสนอทางเลือกแก่นักลงทุนซึ่งต้องการสะสมความมั่งคั่งผ่านการถือทองคำ คาดว่าจะมีนักลงทุนสนใจจำนวนมาก โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการที่กองทุนมีโครงสร้างการลงทุนที่เข้าใจง่าย เพราะเป็นการซื้อทองคำแท่งจากร้านขายทองในประเทศ และหน่วยลงทุนมีสภาพคล่องเพราะสามารถซื้อขายได้ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย อีกทั้งมีปัจจัยที่เอื้อต่อการเพิ่มขึ้นของทองคำในระยะยาว อาทิ การขยายตัวเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศ Emerging Market เช่น จีน และอินเดีย แรงผลักดันจากภาวะเงินเฟ้อ และความไม่แน่นอนในการคลี่คลายปัญหาวิกฤตทางเศรษฐกิจของประเทศในกลุ่มสหภาพยุโรปและประเทศสหรัฐอเมริกา
ช่วงเช้าของวันที่ 27 กรกฎาคมที่ผ่านมา นางวรวรรณ ธาราภูมิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.บัวหลวง และผู้บริหารระดับสูง พร้อมด้วย คุณจิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี ประธานกรรมการ บริษัท ห้างขายทองจินฮั้วเฮง จำกัด คุณปรีดา พสวงศ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ฮั่วเซ่งเฮง คอมโมดิทัซ จำกัด คุณบุญเลิศ สิริภัทรวณิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออสสิริส จำกัด คุณพวรรณ์ นววัฒนทรัพย์ รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท วาย แอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด และผู้บริหารจากบริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) ซึ่งได้แก่ คุณพิเชษฐ สิทธิอำนวย กรรมการผู้อำนวยการ ร่วมกันลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในการจัดตั้งกองทุนเปิดบัวหลวงเชโกลด์อีทีเอฟ ซึ่งเป็นกองทุนรวม อีทีเอฟทองคำ ประเภทรับซื้อคืนหน่วยลงทุน ที่ลงทุนตรงในทองคำแท่งภายในประเทศ
นายวศิน วัฒนวรกิจกุล กรรมการผู้จัดการ กลุ่มธุรกิจกองทุนรวม บลจ.บัวหลวง เปิดเผยว่ากองทุนเปิด บัวหลวงเชโกลด์อีทีเอฟ มีนโยบายลงทุนในทองคำแท่งในประเทศ (ความบริสุทธิ์ไม่น้อยกว่า 96.5%) โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ซึ่งหลังจากการปิดเสนอขายครั้งแรกแล้ว บลจ.บัวหลวงจะนำหน่วยลงทุนเข้าจดทะเบียนเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เพื่อให้ผู้สนใจสามารถซื้อและขายหน่วยลงทุนผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ซึ่งคาดว่าจะเสนอขายหน่วยลงทุนของกองทุนเปิดบัวหลวงเชโกลด์อีทีเอฟภายในไตรมาส 3 ของปีนี้
ปัจจุบันกองทุนรวมที่ให้ผลตอบแทนอ้างอิงกับราคาทองคำที่เสนอขายในประเทศส่วนมากเป็นกองทุนที่นำเงินผู้ถือหน่วยไปลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมต่างประเทศ ซึ่งแตกต่างจากกองทุนเปิดบัวหลวงเชโกลด์อีทีเอฟ ซึ่งจะลงทุนและถือครองทองคำแท่งในประเทศ ความบริสุทธิ์ไม่น้อยกว่า 96.5% โดยตรง
นายวศิน กล่าวต่อว่า บลจ.บัวหลวง คาดว่ากองทุนเปิดบัวหลวงเชโกลด์อีทีเอฟ จะได้รับความสนใจจากนักลงทุน ทั้งนี้ด้วยปัจจัยสนับสนุนจากจุดเด่นของตัวกองทุนเอง และปัจจัยจากภาวะเศรษฐกิจ โดยจุดเด่นของกองทุนประการแรก ได้แก่ ความคุ้นเคยและเชื่อมั่นในมาตรฐานของทองคำภายในประเทศจากร้านทองชั้นนำ ประการที่สอง ความสะดวกและความคล่องตัวในการซื้อหรือขายหน่วยลงทุน เนื่องจากหน่วยลงทุนของกองทุนเปิดบัวหลวงเชโกลด์อีทีเอฟจะสามารถซื้อและขายผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยทุกวันทำการ ประการถัดมา ได้แก่ ความโปร่งใสของโครงสร้างการจัดการของกองทุนเปิดบัวหลวงเชโกลด์อีทีเอฟ ซึ่งมีขั้นตอนตรวจสอบทองคำรวมถึงกระบวนการจัดเก็บทองคำที่ชัดเจนและได้มาตรฐาน
นายวศิน กล่าวต่อว่า กองทุนเปิดบัวหลวงเชโกลด์อีทีเอฟ อยู่ในระหว่างการพิจารณาคำขออนุมัติจัดตั้งและจัดการกองทุนจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ สำหรับความคืบหน้าของการเปิดขายกองทุน นักลงทุนสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ บลจ.บัวหลวง 0-2674-6488 กด 8
การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน