MINT มีกำไรสุทธิ 371 ล้านบาทในไตรมาส 3 ปี 2550 เพิ่มขึ้นร้อยละ 55

ข่าวทั่วไป Tuesday November 13, 2007 15:08 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--13 พ.ย.--ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล
ในไตรมาส 3 ปี 2550 บริษัทไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จํากัด (มหาชน) (MINT) มีกําไรสุทธิ 371 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 55 และมีรายได้รวม 3,340 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 16 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ทั้งนี้ ปัจจัยสําคัญที่มีส่วนทําให้ กําไรสุทธิของ MINT เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสําคัญในไตรมาสนี้ เนื่องจากกําไรจากการดําเนินธุรกิจอาหารและธุรกิจโรงแรม และ รายได้ค่าธรรมเนียมการบริหารที่เกิดขึ้นจากการบรรลุข้อตกลงใหม่กับ แมริออท เวเคชั่น คลับ ในการพัฒนาโครงการ พักผ่อนแบบปันส่วนเวลา (timeshare) สําหรับผลการดําเนินงานในงวด 9 เดือนแรกของปี 2550 MINT มีกําไรสุทธิ 1,052 ล้านบาท เพิ่มขึ้น ร้อยละ 19 อย่างไรก็ดี MINT คาดว่าจะมีผลการดําเนินงานที่แข็งแกร่งในไตรมาสที่ 4 เนื่องจากเป็นฤดูการ ท่องเที่ยว ประกอบกับโรงแรมที่เปิดใหม่ในปีนี้ ได้แก่ โรงแรมนาลาดู ที่มัลดีฟส์ และ โรงแรมโฟร์ซีซ่ันส์ ที่สมุย จะสามารถ สร้างรายได้ที่ดีในช่วงเทศกาลปีใหม่ที่กําลังจะมาถึง
ด้านธุรกิจอาหารของบริษัทในไตรมาส 3 ปี 2550 ไมเนอร์ฟูดส์กรุ๊ป (MFG) มีรายได้รวม 1,535 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 4 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีการเติบโตของยอดขายรวมทุกสาขา (Total system sales) เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.7 เมื่อ เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ในเดือนตุลาคม MFG ประกาศแผนการเข้าซื้อเงินลงทุนในเดอะ คอฟฟี่ คลับ (The Coffee Club) ในสัดส่วนร้อยละ 50 ซึ่งเป็นบริษัทผู้นําในธุรกิจอาหารและธุรกิจแฟรนไชส์ร้านอาหารและกาแฟที่มีขนาดใหญ่ที่สุด และเติบโตเร็วที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศออสเตรเลีย โดยมียอดขายรวมทุกสาขา 145 ล้านเหรียญออสเตรเลีย และมีสาขา ร้านอาหารภายใต้แบรนด์ "The Coffee Club" ซึ่งเป็นแบรนด์ของตนเองมากกว่า 180 สาขา โดยที่ MINT ได้เล็งเห็นถึง ศักยภาพของแบรนด์ "The Coffee Club" เนื่องเป็นแบรนด์ที่มีการบริหารจัดการที่ดี และมีความเป็นไปได้สูงที่จะขยายธุรกิจ ออกไปทั้งในประเทศออสเตรเลียและในระดับสากลต่อไป
ในด้านธุรกิจโรงแรมมีผลการดําเนินงานที่ดีเยี่ยมในไตรมาส 3 โดยมีรายได้เพิ่มขึ้นร้อยละ 18 หรือ 1,171 ล้านบาท เนื่องจาก รายได้เฉลี่ยต่อห้องปรับตัวสูงขึ้นร้อยละ 20 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยอยู่ที่ระดับ 3,243 บาท สาเหตุที่ทําให้มี อัตราการเติบโตของรายได้เฉลี่ยต่อห้องที่แข็งแกร่ง เนื่องจากมีการรับรู้รายได้จากโรงแรมที่เปิดใหม่ อาทิ โรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ ที่เกาะสมุยที่เปิดให้บริการในไตรมาส 1 ปี 2550 และผลการดําเนินงานที่ดีเยี่ยมของโรงแรมทั้ง 3 แห่งที่มัลดีฟส์ ซึ่งหนึ่งใน นั้น คือ โรงแรมนาลาดู ที่เริ่มเปิดให้บริการในไตรมาส 1 ปี 2550 และในเดือนตุลาคม MINT ได้ทําสัญญาเช่าเกาะระยะยาว ที่ประเทศมัลดีฟส์ สําหรับการก่อสร้างโรงแรมอนันตราแห่งที่ 2 ซึ่ง MINT จะเป็นเจ้าของและบริหารด้วยแบรนด์ของตนเอง ประกอบด้วย 55 พูลวิลล่า และคาดว่าจะเปิดให้บริการได้ในปี 2552 จะเห็นได้ว่าการพัฒนาโรงแรมแห่งใหม่ในแหล่งดึงดูด นักท่องเที่ยวที่หลากหลายอย่างต่อเนื่อง ถือเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ในการสร้างความเติบโตให้กับ MINT โดยอยู่บน พื้นฐานของการกระจายแหล่งที่มาของรายได้ที่หลากหลาย
บริษัทไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จํากัด (มหาชน) (MINT) เป็นบริษัทผู้นําในธุรกิจอาหารที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศ ประกอบไปด้วยร้านอาหารจํานวนสาขาทั้งหมด 653 สาขา ภายใต้เครื่องหมายการค้า เดอะพิซซ่า สเวนเซ่นส์ ซิซซ์เลอร์ แด รี่ควีน เบอร์เกอร์คิง และเลอแจ๊ซ อีกทั้งยังเป็นผู้นําในธุรกิจโรงแรมซึ่งประกอบด้วย 15 โรงแรม และห้องพักประมาณ 2,300 ห้อง ภายใต้เครื่องหมายการค้า แมริออทส์ โฟร์ซีซั่นส์ อนันตรา และในเครือไมเนอร์อินเตอร์เนชั่นแนล ทั้งในประเทศไทย มัลดีฟส์ และเวียดนาม นอกจากนี้ MINT ยังเป็นผู้ให้บริการด้านสปาที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค โดยมีสถานบริการ 23 แห่ง ในประเทศไทย จีน และประเทศแถบตะวันออกกลาง ภายใต้เครื่องหมายการค้ามันดารา เดอะ สปา และอนันตรา
รายละเอียดเพิ่มเติมเยี่ยมชมได้ที่เว็บไซต์ www.minornet.com
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ
Punnee Ruangwaewmanee
Investor Relations Officer
Minor International PCL
DID: + 66 2 365 7636
Tel: +66 2 381 5151 ext 7636
Fax: +66 2 3815137

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ