กรุงเทพฯ--13 พ.ย.--ปภ.
กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เตือนประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ลาดเชิงเขาของภาคใต้ บริเวณจังหวัดสุราษฏร์ธานี นครศรีธรรมราช และพื้นที่ใกล้เคียงให้เพิ่มระมัดระวังอันตรายจากสภาวะน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลากในระยะนี้ เบื้องต้นได้สั่งการเจ้าหน้าที่ติดตามสถานการณ์ในพื้นที่เสี่ยงภัยตลอด 24 ชั่วโมง หากเกิดสถานการณ์ฉุกเฉิน จะได้เตรียมการป้องกันและช่วยเหลือผู้ประสบภัยได้อย่างทันท่วงที
นายอนุชา โมกขะเวส อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบสภาพอากาศจากกรมอุตุนิยมวิทยาระยะนี้ พบว่า หย่อมความกดอากาศต่ำมีทะเลจีนใต้ ได้เคลื่อนตัวสู่อ่าวไทยตอนล่าง ส่งผลให้ลมมรสุมตะวันอกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยมีกำลังแรง ทำให้คลื่นลมในอ่าวไทยและทะเลอันดามันมีกำลังแรงขึ้น บริเวณภาคใต้ มีฝนตกเพิ่มมากขึ้นและมีฝนตกหนักในบางพื้นที่ ซึ่งคาดว่าฝนตกหนักต่อเนื่องอีกระยะหนึ่ง จึงขอเตือนประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยบริเวณที่ลาดเชิงเขาและพื้นที่ใกล้ทางน้ำไหลผ่านในจังหวัดสุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช และพื้นที่ใกล้เคียง ระมัดระวังอันตรายจากน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่ม รวมทั้งภัยที่อาจเกิดจากฝนตกหนักและลมกระโชกแรงในระยะนี้ โดยให้หมั่นติดตามพยากรณ์อากาศจากกรมอุตุนิยมวิทยาและสังเกตสัญญาณความเปลี่ยนแปลงทางธรรมชาติ หากมีฝนตกหนักติดต่อกันเป็นเวลานาน สีน้ำเปลี่ยนเป็นสีแดงขุ่น ระดับน้ำในลำห้วยขึ้นสูงอย่างรวดเร็ว มีเสียงดังจากต้นน้ำ ให้รีบขนย้ายทรัพย์สินและอพยพไปอยู่ในพื้นที่ปลอดภัยทันที
สำหรับการเตรียมการรับมือสถานการณ์ฝนตกหนักในพื้นที่ภาคใต้ กรม.ปภ.ได้สั่งการไปยัง ศูนย์ ปภ. เขต และสำนักงาน ปภ.จังหวัด ให้แจ้งเตือนประชาชนที่อาศัยบริเวณพื้นที่เสี่ยงภัยระมัดระวังอันตรายที่อาจเกิดขึ้น พร้อมทั้งจัดเตรียมเครื่องจักรกล ยานพาหนะ เรือท้องแบน และเครื่องมืออุปกรณ์ต่างๆ เพื่อให้การช่วยเหลือและอพยพประชาชนออกนอกพื้นที่ หากเกิดสถานการณ์ฉุนเฉิน และจัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังสถานการณ์ในพื้นที่เสี่ยงภัยตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมกำชับมิสเตอร์เตือนภัยให้ติดตาม
ข่าวพยากรณ์อากาศและเฝ้าระวังสถานการณ์ รวมทั้งตรวจสอบข้อมูลปริมาณน้ำฝนและระดับน้ำอย่างใกล้ชิด หากพบสิ่งผิดปกติทางธรรมชาติให้รีบแจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่ เพื่ออพยพไปยังพื้นที่ปลอดภัยทันที่
สำหรับนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางไปท่องเที่ยวทางภาคใต้ขอให้ตรวจสอบภาพอากาศติดตามการรายงานพยากรณ์อากาศและต้องปฏิบัติตามคำเตือนของเจ้าหน้าที่และป้ายเตือนในบริเวณสถานที่ท่องเที่ยวอย่างเคร่งครัด
เพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน สุดท้ายนี้ หากประชาชนในพื้นที่ใดได้รับความเดือดร้อนจากสาธารณภัยสามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ที่ สายด่วนสาธารณภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานและให้การช่วยเหลือ โดยด่วนต่อไป