คิดซ์ แอนด์ คิทซ์ จับมือบริษัทสุดครีเอทแดนปลาดิบ เปิดฉากรุกตลาดของสะสมแหวกแนว นำร่องด้วย “รีเม้นท์ ของสะสมเชิงไลฟ์สไตล์ขนาดจิ๋ว” เจาะตลาดคนรุ่นใหม่เมืองไทย

ข่าวทั่วไป Wednesday November 14, 2007 14:16 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--14 พ.ย.--โฟว์ดี คอมมิวนิเคชั่น
2 พี่น้องตระกูล “กิจเลิศไพโรจน์” โชว์ฝีมือเปิดบริษัทของเล่นและของสะสมน้องใหม่ “คิดซ์ แอนด์ คิทซ์” เน้นขายสินค้าทันสมัยดีไซน์เก๋ ตอบโจทย์ช่องว่างของตลาดยุคปัจจุบัน นำร่องด้วยการจับมือ รีเม้นท์ ประเทศญี่ปุ่น สั่งนำเข้า “รีเม้นท์ ของสะสมเชิงไลฟ์สไตล์ขนาดจิ๋ว” มาจำหน่ายในเมืองไทยเป็นครั้งแรก พร้อมสานต่อความร่วมมือพัฒนาสินค้าที่มีดีไซน์ชูเอกลักษณ์ไทยส่งขายทั่วโลก
นายวีระศักดิ์ กิจเลิศไพโรจน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท คิดซ์ แอนด์ คิทซ์ จำกัด เปิดเผยว่า ด้วยประสบการณ์กว่า 10 ปีในธุรกิจจำหน่ายของเล่นในเมืองไทย ทำให้ตัดสินใจเปิดบริษัท คิดซ์ แอนด์ คิทซ์ จำกัด ขึ้น เพราะมองเห็นโอกาสใหม่ๆ ในธุรกิจของเล่นและของสะสมที่ยังไม่มีผู้ประกอบการรายใดมองเห็น หรือ “Blue Ocean” โดยเชื่อว่าปัจจุบันตลาดของเล่นและของสะสมในประเทศไทยยังมีรูปแบบใหม่ๆ อีกมากที่ยังไม่ได้ถูกนำเสนอแก่ผู้บริโภค โดย คิดซ์ แอนด์ คิทซ์ จะพยายามแสวงหาสิ่งใหม่ๆ เหล่านั้นเพื่อนำเสนอสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุด บริษัทฯ ได้นำของสะสมเทรนด์ใหม่ “รีเม้นท์” ของสะสมเชิงไลฟ์สไตล์ขนาดจิ๋วจากประเทศญี่ปุ่นเข้ามาจำหน่ายในเมืองไทยเป็นครั้งแรก ซึ่งน่าจะเป็นสินค้านำร่องเทรนด์ใหม่ในตลาดได้ ประกอบกับประเทศไทยเองก็มีกระแสความนิยม J-Pop K-Pop เป็นอย่างมาก กระแสวัฒนธรรมญี่ปุ่นมาถึงเมืองไทย ดังนั้นจึงคิดว่า รีเม้นท์ น่าจะได้รับการยอมรับจากคนไทยได้ไม่ยาก
“ต้องบอกว่า รีเม้นท์ ไม่ใช่ของเล่น แต่เป็น “Collectable & Life Style Product” ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาตลาดของเล่นเปลี่ยนแปลงไปมาก ของเล่นไม่ใช่เพียงแค่ หุ่นยนต์ และ ตุ๊กตา อีกต่อไป มีการนำเทคโนโลยีเข้ามามีส่วนร่วมในการผลิตของเล่นมากขึ้น อีกทั้ง Game Electronic และ Computer Internet เข้ามามีส่วนในการ Share ตลาดของเล่นเพิ่มมากขึ้น ทำให้กลุ่มเด็กที่เล่นของเล่นถูก Share ไปมาก อีกทั้งปัจจุบันเด็กที่เล่นของเล่นประเภท หุ่นยนต์ ตุ๊กตา เริ่มมีช่วงอายุที่แคบลง จากเดิมช่วงอายุของเด็กกลุ่มนี้จะอยู่ที่ 4 — 14 ปี แต่ปัจจุบันเหลือเพียง 4 — 10 ปี เท่านั้น ส่วนเด็กที่อายุมากกว่า 10 ปี เริ่มสนใจอย่างอื่นแทน เช่น Game หรือ Internet เป็นต้น นอกจากนี้เรามองว่ากระแสสินค้าประเภท Miniature หรือสินค้าขนาดจิ๋ว กำลังเริ่มเป็นที่นิยมมากขึ้น โดยกลุ่มเป้าหมายของเราจะไม่ใช่เด็ก แต่เรามองไปที่กลุ่มวัยรุ่น และวัยทำงาน ทั้งนี้จากข้อมูลการวิจัยด้านประชากรศาสตร์ พบว่าในอนาคต ทั้งจำนวน และสัดส่วนของประชากรในวันเด็ก (อายุต่ำกว่า 15 ปี) จะลดลง ในขณะที่จำนวน และสัดส่วนของประชากรวัยทำงาน (อายุ 15 — 59 ปี) จะเพิ่มขึ้น ซึ่งกลุ่มคนวัยแรงงานนี้เองเป็นกลุ่มเป้าหมายที่สำคัญของสินค้าของเรา ซึ่งสัดส่วนของวัยแรงงานมีประมาณ 66% หรือประมาณ 41 ล้านคนและเมื่อพิจารณาตลาดในญี่ปุ่นเองก็ตาม จะพบว่า “รีเม้นท์” สามารถครองตลาดส่วนวัยรุ่นและคนทำงานได้มากถึง 70%” กรรมการผู้จัดการ บริษัท คิดซ์ แอนด์ คิทซ์ จำกัด กล่าว
ทั้งนี้หากพิจารณาเรื่องพฤติกรรมการบริโภคของเด็กๆ เทียบกับกลุ่มผู้ใหญ่วันทำงาน นายวีระรัตน์ กิจเลิศไพโรจน์ กรรมการ และผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท คิดซ์ แอนด์ คิทซ์ จำกัด ชี้แจงว่า “พฤติกรรมของทั้ง 2 กลุ่ม มีความแตกต่างกันอย่างมาก ซึ่งเด็กที่มีอายุน้อย จะเปลี่ยนใจง่าย หากมีแรงจูงใจใหม่ เพราะเบื่อง่าย ชอบลองอะไรใหม่ เด็กบางคนเล่นของเล่นเพียง 1 วันก็เบื่อแล้ว ส่วนกลุ่มผู้ใหญ่วัยทำงานนอกจากการเล่นเพื่อความเพลิดเพลินแล้ว ยังชอบการสะสม หากชอบอะไรแล้ว จะศึกษาและสะสมไว้เป็น Collection ส่วนตัว เอาไว้ชื่นชมเอง หรือ ให้ผู้อื่นชื่นชมด้วย ซึ่งเป็นความภูมิใจอย่างหนึ่ง ประกอบกับกลุ่มวัยทำงานนั้น มีกำลังซื้อในตัวเอง ต่างจากเด็กที่ยังต้องขอเงินผู้ปกครองในการซื้ออยู่ โดยเฉพาะ รีเม้นท์ นั้นเป็นของสะสมที่คำนึงถึงเรื่องประสบการณ์การดำเนินชีวิตของคนด้วย โดยการออกแบบผลิตภัณฑ์จะนึกถึงประสบการณ์ของผู้คนที่ใช้ชีวิตประจำวัน หรือ ท่องเที่ยวไปยังสถานที่ต่างๆ ที่พบเจอสิ่งต่างๆ ที่ชื่นชอบ แต่แน่นอนเราไม่สามารถเก็บสิ่งต่างๆ เหล่านั้นไว้ได้หมด เช่น เราไปเที่ยวญี่ปุ่น แล้วได้ทานอาหารญี่ปุ่นที่สวยงาม ที่จัดวางบนภาชนะที่เราไม่เคยเห็น เป็นวัฒนธรรมของญี่ปุ่น ซึ่งเราคงไม่สามารถซื้อมาเก็บไว้ได้ทั้งหมด รีเม้นท์ ก็นำสิ่งเหล่านั้นมาย่อส่วนให้เก็บสะสมกันได้ เรียกว่าย่อประสบการณ์และจินตนาการมาให้สะสม ซึ่งเราเชื่อว่าภายหลังจากการเปิดตัวไปได้ไม่นาน เราจะสามารถสร้าง “Re-ment Society” ให้เกิดขึ้นในประเทศไทยได้อย่างแน่นอน เพราะเรามีแผนสานต่อกิจกรรมทางการตลาดอย่างต่อเนื่อง และเรามุ่งหวังไปกว่านั้นว่าจะสามารถแสดงพลังกลุ่มคนรักสินค้าประเภท Collectable & Life Style ในเมืองไทยให้เผยแพร่ไปยังต่างประเทศอีกด้วย”
ด้านยาโยอิ โทริไค ผู้จัดการ ฝ่ายจัดซื้อและบริหารการผลิต บริษัท รีเม้นท์ จำกัด ประเทศญี่ปุ่น กล่าวถึงแผนความร่วมมือในการพัฒนาสินค้าขนาดจิ๋วอันเป็นเอกลักษณ์ไทยเผยแพร่สู่ตลาดโลกว่า “เมืองไทยถือเป็นเมืองที่มีเอกลักษณ์ของตนเองในหลากหลายรูปแบบ ทั้งด้านศิลปวัฒนธรรม และโดยเฉพาะอาหารและขนมไทย ที่เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก เราจึงได้เจรจากับ คิดซ์ แอนด์ คิทซ์ เพื่อหาแนวทางในการพัฒนาสินค้าอันเป็นเอกลักษณ์ของไทยเพื่อผลิตเป็น Mass Product ให้เหมือนกับสินค้าของ รีเม้นท์ เพื่อส่งขายทั่วโลก และเชื่อว่าจะได้รับการตอบรับอย่างดีจากกลุ่มลูกค้าแน่นอน แต่ต้องศึกษารายละเอียดอย่างลึกซึ้งก่อนพัฒนา”
ทั้งนี้ บริษัท คิดซ์ แอนด์ คิทซ์ จำกัด ได้ทดลองนำสินค้า “รีเม้นท์” วางตลาดในประเทศไทยในช่วงไตรมาส 4 ของปี โดยคาดการยอดขายมากกว่า 5 ล้านบาท ซึ่งในปีหน้า บริษัทฯ คาดว่าจะสามารถเพิ่มยอดขายได้มากกว่า 3-5 เท่า
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
วิภาวริศ เกตุปมา หรือ จาจิญา เพ็งพันธ์
บริษัท โฟว์ดี คอมมิวนิเคชั่น จำกัด 02-951-9119, 081-890-3568 และ 084-155-1987

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ