กรุงเทพฯ--25 ส.ค.--โตโยต้า มอเตอร์
ตลาดส่งออกรถยนต์เดือนกรกฎาคมสดใสรถยนต์สำเร็จรูป 29,480 คัน
มูลค่าส่งออกรวม 21,506 ล้านบาท เติบโต 159%
ส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปสะสม 7 เดือน 173,897 คัน
มูลค่าส่งออกรวม 123,244 ล้านบาท
นายวุฒิกร สุริยะฉันทนานนท์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด รายงานสถิติการส่งออกรถยนต์ประจำเดือนกรกฎาคม มีมูลค่ารวมทั้งสิ้น 21,506 ล้านบาท เติบโต 159% แบ่งเป็นการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป (CBU) 29,480 คัน เติบโต 129% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีที่ผ่านมา คิดเป็นมูลค่า 13,650 ล้านบาท ชิ้นส่วนเพื่อการประกอบ 6,650 ล้านบาท เติบโต 185% เครื่องยนต์และอะไหล่ อื่นๆ 1,206 ล้านบาท เติบโต 247%
สำหรับสถิติการส่งออกสะสม 7 เดือน มีมูลค่ารวมทั้งสิ้น 123,244 ล้านบาท เติบโต 157% โดยแบ่งเป็นตัวเลขการการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป (CBU) มีจำนวนทั้งสิ้น 173,897 คัน เติบโต 129% เมื่อเทียบช่วงเวลาเดียวกันของปี 2547 มูลค่ารวมทั้งสิ้น 77,866 ล้านบาท ชิ้นส่วนเพื่อการประกอบ 38,304 ล้านบาท เติบโต 192% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีที่ผ่านมา และเครื่องยนต์และอะไหล่ อื่นๆ 7,074 ล้านบาท เติบโต 193%
ปริมาณการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป / มูลค่ารวม
ประจำเดือนกรกฎาคม 2548
อันดับ 1 โตโยต้า 11,615 คัน เติบโต 226% ส่วนแบ่งตลาด 39.39%
มูลค่า 5,353 ล้านบาท
อันดับ 2 มิตซูบิชิ 6,632 คัน เติบโต 71% ส่วนแบ่งตลาด 22.49%
มูลค่า 2,858 ล้านบาท
อันดับ 3 อีซูซุ 4,900 คัน เติบโต 264% ส่วนแบ่งตลาด 16.62%
มูลค่า 2,641 ล้านบาท
ปริมาณการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป / มูลค่ารวม
สะสม 7 เดือนของปี 2548
อันดับ 1 โตโยต้า 57,019 คัน เติบโต 185% ส่วนแบ่งตลาด 32.78%
มูลค่า 25,277 ล้านบาท
อันดับ 2 มิตซูบิชิ 47,607 คัน เติบโต 98% ส่วนแบ่งตลาด 27.37%
มูลค่า 20,947 ล้านบาท
อันดับ 3 อีซูซุ 22,920 คัน เติบโต 156% ส่วนแบ่งตลาด 13.18%
มูลค่า 12,102 ล้านบาท
นายวุฒิกรกล่าวว่า “การส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป เครื่องยนต์ ชิ้นส่วนอะไหล่สำหรับการประกอบรถยนต์ และอื่นๆ ของไทยเติบโตขึ้นเป็นอย่างมาก จากตัวเลขการส่งออกในรอบ 7 เดือน ที่ผ่านมา อุตสาหกรรมยานยนต์เป็นอุตสาหกรรมหลักที่สามารถนำเงินตราเข้าประเทศได้ถึง 123,244 ล้านบาท ซึ่งจะช่วยลดการขาดดุลการค้าและสร้างความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งรถกระบะขนาด 1 ตัน ดังจะเห็นได้จากผู้นำตลาดการส่งออก ล้วนเป็นบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ซึ่งผลิตรถกระบะขนาด 1 ตัน โดยมีอัตราการเจริญเติบโตของการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปที่สูงถึง 129% คิดเป็นมูลค่าการส่งออกทั้งสิ้น 77,866 ล้านบาท”
“ในการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป เราคาดว่าจะมีแนวโน้มการเจริญเติบโตไปในทิศทางเดียวกันกับตลาดรถยนต์ภายในประเทศ ซึ่งคาดว่าประเทศไทยจะมียอดส่งออกรถยนต์ในปีนี้สูงถึง 500,000 คัน สำหรับโตโยต้าเอง ในปีนี้เราได้ส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป (CBU) ไปแล้วทั้งสิ้นกว่า 57,000 คัน เติบโต 185% ซึ่งเป็นผลมาจากการส่งออกรถกระบะไฮลักซ์ที่เพิ่มขึ้นอย่างมากตั้งแต่เดือนกรกฏาคม โดยมียอดส่งออกในเดือนนี้สูงถึง 7,864 คัน ไปยังประเทศในแถบเอเชีย โอเชียเนีย นิวซีแลนด์ ยุโรป อัฟริกาใต้ และประเทศกลุ่มตะวันออกกลาง แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของผู้บริโภคหลายประเทศที่ยอมรับคุณภาพของรถกระบะของไทย นอกจากนี้ โตโยต้าได้ส่งออกชิ้นส่วนเพื่อการประกอบรถยนต์ไปแล้วเป็นจำนวน 10,000 ตู้คอนเทนเนอร์ คิดเป็นมูลค่ากว่า 47,800 ล้านบาท และในช่วงครึ่งปีหลังราจะขยายการส่งออกให้มากยิ่งขึ้น โดยมีเป้าหมายในการส่งออกเป็นมูลค่ากว่า 130,000 ล้านบาท แบ่งเป็นการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป 150,000 คัน และส่งออกชิ้นส่วนเพื่อการประกอบรถยนต์จำนวน 17,000 ตู้คอนเทนเนอร์ ซึ่งจะทำให้โตโยต้ามีส่วนแบ่งในตลาดส่งออกรถยนต์ และชิ้นส่วนอะไหล่ของไทยถึง 30% และในปีหน้าเราจะยังคงขยายการส่งออกอย่างต่อเนื่อง โดยวางแผนที่จะส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปถึง 200,000 คัน” นายวุฒิกรกล่าวในที่สุด--จบ--