กรุงเทพฯ--14 พ.ย.--มาสเตอร์ มายด์ คอมมิวนิเคชั่นส์
‘กระเบื้องหลังคาตราเพชร’ ยังคงเติบโตต่อเนื่อง ไตรมาส 3 ทำกำไรได้ 87.2 ล้านบาท โตกว่างวดเดียวกันของปีก่อนถึง 19.1% ผู้บริหาร DRT ระบุพอใจผลงาน ชี้ขยายตัวสวนทางเศรษฐกิจจากยอดขายที่ยังดีต่อเนื่อง และการลดต้นทุนการผลิตอย่างได้ผล ยันเดินหน้าใช้พลังงานเอ็นจีวีกับครึ่งหนึ่งของรถขนส่ง ภายในไตรมาส 2 ปี 51
นายอัศนี ชันทอง กรรมการผู้จัดการ บริษัทกระเบื้องหลังคาตราเพชร จำกัด (มหาชน) หรือ DRT ผู้ผลิตและจำหน่ายกระเบื้องหลังคาตราเพชร อะดามัส และเจียระไน เปิดเผยว่า ในไตรมาสที่ 3 ของปี 2550 (กรกฎาคม - กันยายน 2550) บริษัทฯ มีรายได้รวม 613.5 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 87.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 19.1
สำหรับผลการดำเนินงานรอบ 9 เดือนแรกของปี 2550 สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2550
บริษัทฯ สามารถทำรายได้ 1,974.1 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่างวดเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 6.1 และมีกำไรสุทธิ 316.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 30.5
“จะเห็นว่าบริษัทยังคงรักษาการเติบโตของกำไรสุทธิได้อย่างต่อเนื่อง เป็นเพราะความสำเร็จจากการขายสินค้าใหม่ ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ ‘เจียระไน’ ที่ผลิตด้วย Green Technology นอกจากนี้ ตลาดต่างประเทศก็มีการเติบโตถึง 24% และการลดต้นทุนอย่างได้ผล เช่น การใช้ก๊าซธรรมชาติแทนน้ำมันเตาในกระบวนการผลิต และใช้แทนน้ำมันดีเซลในรถบรรทุกขนส่งสินค้า ทำให้ไม่ได้รับผลกระทบมากนักแม้ราคาน้ำมันจะสูงขึ้น ในส่วนของตลาดโครงการนั้น สินค้าของบริษัทก็เป็นที่ยอมรับ และเติบโตไปตามแผนงานที่วางไว้” นายอัศนี กล่าว
ด้านนายสาธิต สุดบรรทัด รองกรรมการผู้จัดการสายการขายและการตลาด DRT กล่าวว่า ในปีนี้ บริษัทฯ มุ่งเน้นที่จะผลิตสินค้าที่มีนวัตกรรมมากขึ้น เน้นดีไซน์ที่โดดเด่น โดยเมื่อต้นปีได้เปิดตัวสินค้า
แบรนด์ใหม่ ชื่อ “เจียระไน” ซึ่งก็ได้รับการตอบรับที่ดี และล่าสุดได้นำเสนอสินค้าใหม่ “กระเบื้องลอนคู่ตราเพชร รุ่นกรีน” เพื่อเป็นทางเลือกใหม่ให้กับผู้บริโภคด้วย โดยที่ผ่านมาลูกค้าให้การตอบรับค่อนข้างมาก
“ตามปกติแล้ว DRT จะมียอดขายลดลงในครึ่งหลังของทุกปี แต่ในปีนี้ต้องยอมรับว่ายอดขายกระเบื้องช่วงที่ผ่านมาปรับเพิ่มขึ้นดีกว่าไตรมาสเดียวกันของปีก่อน เนื่องมาจากความต้องการซื้อในประเทศขยายตัวมากขึ้น รวมทั้งบริษัทฯ มีการออกสินค้ารูปแบบใหม่ที่ตรงกับความต้องการของลูกค้ามากขึ้น ในขณะที่ผลิตภัณฑ์ใหม่ก็ได้รับผลตอบรับที่ดี โดยบริษัทฯ เชื่อว่ากลุ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ดังกล่าวนี้ จะมาช่วยเสริมรายได้
ของบริษัทฯ ให้เติบโตได้ตามเป้าทั้งปีที่ตั้งไว้ 2,600 ล้านบาท และบริษัทฯ จะทยอยเปลี่ยนสินค้าให้เป็นลักษณะนี้ให้หมดได้ภายใน 3-5 ปีนี้” นายสาธิต กล่าว
ทั้งนี้ DRT มีโครงสร้างรายได้จากการส่งออกสินค้าประมาณ 10% โดยส่งออกไปยังประเทศเพื่อนบ้านเป็นหลัก ได้แก่ เวียดนาม ลาว พม่า และกัมพูชา แต่ในระยะนี้ได้รุกตลาดไปยังประเทศในอาเซียนเพิ่มขึ้นด้วย เช่น ตะวันออกกลาง เกาหลี อินเดีย และญี่ปุ่น ขณะที่ DRT ยังมีรายได้หลักจากขายภายในประเทศอีก 90% โดยเป็นการขายให้กับผู้ใช้โดยตรงหมายถึงการขายผ่านร้านค้าผู้จำหน่ายที่มีอยู่กว่า 600 ราย ทั่วประเทศ
รองกรรมการผู้จัดการสายการขายและการตลาด DRT กล่าวเพิ่มเติมว่า ในภาวะที่ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น บริษัทฯ ยังได้ปรับกลยุทธ์ด้านการขนส่งด้วย โดยให้ร้านค้ามารับสินค้าเองมากขึ้น และยังหันมาขนส่งสินค้าทางน้ำในเส้นทางที่สามารถทำได้ เช่น เส้นทางเรือในแม่น้ำเจ้าพระยา ตลอดจนบริษัทฯได้หันมาใช้ก๊าซธรรมชาติ NGV เป็นเชื้อเพลิงในรถบรรทุกขนส่งสินค้าของบริษัทฯ แทนน้ำมันดีเซล จึงเชื่อว่าจะทำให้บริษัทฯ ประหยัดต้นทุนการดำเนินงานลงได้มาก
“ขณะนี้บริษัทฯ ได้ใช้ก๊าซธรรมชาติ NGV ในรถบรรทุกขนส่งขนาดเล็ก โดยใช้ประมาณ 10% ของรถขนส่งทั้งหมด อย่างไรก็ตามเราตั้งเป้าไว้ว่าภายในไตรมาส 2 ของปี 51 จะสามารถเปลี่ยนมาใช้ก๊าซNGV ในรถขนส่งสินค้าได้ครึ่งหนึ่งของรถขนส่งทั้งหมด ซึ่งก็จะทำให้ประหยัดพลังงาน และเป็นการลดต้นทุนด้วย” รองกรรมการผู้จัดการ สายการขายและการตลาด DRT กล่าว
ทั้งนี้ การใช้ก๊าซธรรมชาติ NGV จะสามารถประหยัดค่าเชื้อเพลิงได้ถึง 3 เท่า เมื่อเปรียบเทียบกับน้ำมันดีเซล และเมื่อเทียบกับน้ำมันเบนซิน 91 และ 95 จะประหยัดไปประมาณ 65% เลยทีเดียว อีกทั้งเครื่องยนต์เอ็นจีวี ยังมีข้อดี คือ ไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและช่วยลดมลพิษในอากาศได้ดี โดยมีค่าควันดำเป็นศูนย์ นอกจากนี้ ยังเป็นการส่งเสริมนโยบายประหยัดพลังงานของรัฐบาลอีกด้วย
เผยแพร่ข่าวประชาสัมพันธ์ในนามบริษัท มาสเตอร์ มายด์ คอมมิวนิเคชั่นส์ จำกัด
รายละเอียดเพิ่มเติม ติดต่อ: คุณวารุณี คำไชย (แนน) โทร: 0-2643-1191 ต่อ 23 หรือ 08-1496-6762
e-mail : c_mastermind@hotmail.com,sun_manee@yahoo.com