กรุงเทพฯ--15 พ.ย.--ซีบี ริชาร์ด เอลลิส
ซีบี ริชาร์ด เอลลิส ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของไทย แสดงความเชื่อมั่นต่อแนวโน้มตลาดอสังหาริมทรัพย์พัทยาในระยะยาวและได้ตัดสินใจเปิดสาขาที่ให้บริการครบวงจรในพัทยา โดยจะมีพีธีเปิดสาขาอย่างเป็นทางการในวันเสาร์ที่ 17 พฤศจิกายน 2550 นี้
พัทยาเป็นแหล่งพักผ่อนตากอากาศที่สามารถเดินทางเข้าถึงได้ง่ายที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทย และเป็นศูนย์กลางของแถบอีสเทิร์นซีบอร์ด อีกทั้งการเปิดสนามบินสุวรรณภูมิได้ทำให้พัทยาเป็นสถานที่ที่สามารถเดินทางไปมาได้สะดวกมากยิ่งขึ้น
“พัทยามีระบบสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานที่ได้รับการพัฒนาให้ดียิ่งขึ้น มีโรงพยาบาลโรงพยาบาลที่ดี รวมถึงมีร้านค้าที่หลากหลาย และแหล่งบันเทิงต่างๆมากมาย โดยรูปแบบการดำเนินชีวิตดังกล่าวทำให้พัทยาเป็นเมืองที่มีความน่าสนใจเป็นอย่างมาก” นางสาวอลิวัสสา พัฒนถาบุตร กรรมการผู้จัดการ ซีบี ริชาร์ด เอลลิส กล่าว
“เราเชื่อว่า ประเทศไทยมีความได้เปรียบทางการแข่งขันเป็นอย่างมากในภาคธุรกิจการท่องเที่ยวเพื่อการพักผ่อน ซึ่งรวมถึงตลาดบ้านพักตากอากาศสำหรับผู้เกษียณอายุ และบ้านพักตากอากาศซึ่งใช้เป็นบ้านหลังที่ 2 และนี่คือเหตุผลที่ทำให้เราเปิดสำนักงานต่างๆตามแหล่งพักผ่อนตากอากาศหลักของไทย ซีบี ริชาร์ด เอลลิสมุ่งเน้นการขยายธุรกิจในการให้บริการต่อตลาดโรงแรมและรีสอร์ท และสาขาพัทยาจะเป็นสาขาที่ 4 ของ ซีบี ริชาร์ด เอลลิสในประเทศไทย”
จากการสำรวจของฝ่ายวิจัยและพัฒนาของซีบี ริชาร์ด เอลลิส พบว่า ณ สิ้นปี 2549 คอนโดมิเนียมในพัทยามีจำนวนทั้งสิ้นราว 24,800 ยูนิต และคาดว่าจะมีจำนวนเพิ่มขึ้นถึงระดับ 27,800 ยูนิตในช่วงสิ้นปีนี้ โดยในจำนวนนี้ คิดเป็นคอนโดมิเนียมระดับหรูน้อยกว่า 10%
ซีบี ริชาร์ด เอลลิส เห็นว่าจะมีการเปิดคอนโดมิเนียมในพัทยาเพิ่มขึ้นอีกหลายแห่ง โดยโครงการ ไวท์ แซนด์ บีช บริเวณหาดจอมเทียน ซึ่งมีจำนวน 543 ยูนิต เป็นโครงการคอนโดมิเนียมระดับหรูโครงการล่าสุดในพัทยา โครงการนี้ประกอบด้วย โรงแรมมูฟเว่นพิคซึ่งเป็นโรงแรมระดับหรู คอนโดมิเนียมแนวสูงอีกหนึ่งอาคาร ซึ่งมีห้องชุดจำนวน 303 ยูนิต และคอนโดมิเนียมแนวราบอีก 10 อาคาร โดยมีจำนวนห้องชุด 240 ยูนิต การก่อสร้างโครงการไวท์ แซนด์ บีช มีกำหนดที่จะแล้วเสร็จในปี 2553
โครงการคอนโดมิเนียมอีกแห่งซึ่งเพิ่งเปิดตัวไปเมื่อเร็วๆนี้ คือ โครงการเดอะ ชาโต จอมเทียน ซึ่งตั้งอยู่บริเวณพระตำหนัก มีทั้งหมด 4 อาคาร รวม 317 ยูนิต โครงการเดอะ ชาโต จอมเทียน มีห้องชุดขนาด 1-3 ห้องนอน พื้นที่ใช้สอย 78-199 ตารางเมตร และห้องชุดแบบเพนท์เฮาส์ 2 ชั้น ขนาด 253-320 ตารางเมตร พร้อมทัศนียภาพของทะเลและเมืองพัทยา โครงการคอนโดมิเนียมแห่งนี้คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2553
ด้านตลาดวิลล่าในพัทยาเพิ่งเริ่มเกิดขึ้นในปี 2546 ซึ่งเป็นผลมาจากการเติบโตของธุรกิจท่องเที่ยว และแนวโน้มความต้องการบ้านพักตากอากาศเพื่อเป็นบ้านหลังที่ 2 และเพื่อการเกษียณอายุในประเทศไทยที่เพิ่มมากขึ้น ปัจจุบันมีโครงการวิลล่าระดับหรูทั้งหมด 17 โครงการ คิดเป็น 626 ยูนิต ที่เปิดขาย ณ ไตรมาสที่ 3 ปี 2550 และมียอดขายประมาณ 54% โครงการวิลล่าระดับหรูโดยส่วนใหญ่จะตั้งอยู่ติดหรือใกล้กับชายหาด โดยมีระดับราคาระหว่าง 6.8 — 60 ล้านบาท ซึ่งมากกว่าครึ่งหนึ่งตั้งอยู่บริเวณหาดจอมเทียน แต่อย่างไรก็ตาม จากการที่ราคาที่ดินปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น ทำให้โครงการวิลล่าเริ่มขยายไปยังบริเวณนาจอมเทียน และบางเสร่ จรดฝั่งตะวันออกของถนนสุขุมวิท
สำหรับตลาดโรงแรมประเภท 1 ในพัทยา ซึ่งมีราคาห้องพักมากกว่า 2,500 บาทต่อคืน ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2550 ทั้งสิ้น 6,500 ห้อง เพิ่มขึ้น 4% จากในช่วงต้นปี แต่อย่างไรก็ตาม มีเพียงโรงแรม 4 แห่ง ซึ่งมีห้องพักรวม 1,300 ห้องเท่านั้นที่เป็นโรงแรมระดับหรูที่แท้จริง ซึ่งมีราคาห้องสูงกว่า 5,000 บาทต่อคืน โดยจำนวนห้องพักในโรงแรมระดับหรูคิดเป็น 3% ของจำนวนห้องพักทั้งหมดที่มีในพัทยา ในขณะที่โรงแรมส่วนใหญ่ในพัทยาเป็นโรงแรมระดับกลางและระดับราคาประหยัดซึ่งมีราคาห้องพักต่ำกว่า 1,500 บาทต่อคืน มีสัดส่วน 70% ของตลาดในพัทยา
โดยภาพรวมตลาดที่พักอาศัยในพัทยาต้องเผชิญกับความท้าทายจากการบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการเป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ที่เข้มงวด โดยชาวต่างชาติสามารถเป็นเจ้าของคอนโดมิเนียมได้ไม่เกิน 49% ของสัดส่วนกรรมสิทธิ์ในโครงการคอนโดมิเนียมนั้นๆ ในหลายโครงการพบว่าความต้องการจากผู้ซื้อชาวต่างชาติมีปริมาณมากกว่าจำนวนโควต้า หรือผู้ซื้อที่เป็นกลุ่มเป้าหมายส่วนใหญ่ของโครงการเป็นชาวต่างชาติ จึงเป็นความท้าทายสำหรับเจ้าของโครงการคอนโดมิเนียมในการขายโควต้าของคนไทยที่มีสัดส่วน 51% เพื่อเป็นการกระตุ้นตลาดบ้านพักตากอากาศให้เติบโตดียิ่งขึ้น จึงควรที่จะมีการปรับเพิ่มเพดานการถือครองโดยชาวต่างชาติให้มีสัดส่วนมากยิ่งขึ้น
ซีบี ริชาร์ด เอลลิส เชื่อว่าในตลาดอสังหาริมทรัพย์ของพัทยากำลังอยู่ในช่วงขาขึ้นของวัฏจักรแม้ว่าจะมีอัตราการเติบโตในระดับต่ำกว่าที่ควรจะเป็น ซึ่งเป็นผลกระทบโดยตรงจากกรณีการแก้ไขพระราชบัญญัติประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว อัตราการเติบโตโดยเฉลี่ยของตัวเลขนักท่องเที่ยวที่เดินทางมายังพัทยาในระดับ 9% ต่อปี นับเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับทั้งตลาดโรงแรมและตลาดที่พักอาศัย ซีบี ริชาร์ด เอลลิส คาดว่าจะมีผู้ประกอบการเปิดโครงการคอนโดมิเนียมและบ้านพักตากอากาศในพัทยาเพิ่มมากขึ้น และพัทยาจะได้รับความสนใจเพิ่มมากขึ้นทั้งจากผู้ซื้อคนไทยและต่างชาติ ในการซื้อเพื่อพักอาศัยและเพื่อการลงทุน นอกจากนี้ การเติบโตของจำนวนโรงแรมในเครือจากต่างประเทศจะเป็นปัจจัยบวกต่อการยกระดับภาพลักษณ์ของโรงแรมในพัทยาผ่านอำนาจทางการตลาดของเครือโรงแรมดังกล่าวในการ โปรโมทพัทยา
นางสาวอลิวัสสา กล่าวเพิ่มเติมว่า “การเปิดสาขาในพัทยานับเป็นอีกก้าวที่สำคัญของ ซีบี ริชาร์ด เอลลิส ในการแสดงให้เห็นถึงความพยายามอย่างต่อเนื่องที่จะขยายธุรกิจในประเทศไทย และขยายการให้บริการในตลาดรีสอร์ทให้มีความครอบคลุมมากยิ่งขึ้น ด้วยการเปิดสาขาเพิ่มในพัทยา เราเชื่อมั่นว่าเราจะสามารถบรรลุเป้าหมายทางธุรกิจและสามารถตอบสนองความต้องการด้านอสังหาริมทรัพย์ของลูกค้าได้ทั่วประเทศ”
นางลินดา ออร์ด ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้จัดการทั่วไปประจำสาขาพัทยา รับผิดชอบการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ทุกประเภทในพัทยา นางลินดาประสบความสำเร็จในการเป็นผู้นำทีมงานฝ่ายซื้อขายที่พักอาศัยในพัทยานับตั้งแต่ปี 2548 และมีประสบการณ์ในการบริหารงานขายให้กับโครงการระดับไฮเอนด์ในประเทศไทยเป็นเวลา 2 ปี โดยก่อนหน้าที่จะมาร่วมงานกับซีบี ริชาร์ด เอลลิส ประเทศไทย นางลินดาได้ร่วมงานกับซีบี ริชาร์ด เอลลิส ในประเทศเวียดนาม รับผิดชอบเกี่ยวกับการซื้อขายที่พักอาศัย และธุรกิจค้าปลีก
นางลินดากล่าวว่า ซีบี ริชาร์ด เอลลิส สาขาพัทยาให้บริการด้านอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจร ครอบคลุมถึงตลาดคอนโดมิเนียมและวิลล่าระดับหรู อาคารพาณิชย์ การลงทุน และโรงแรม โดยให้บริการซื้อขาย ให้เช่า การศึกษาวิจัยตลาด การให้คำปรึกษา การประเมินราคาทรัพย์สิน และการบริหารอาคาร ทั้งนี้ สาขาพัทยาให้บริการครอบคลุม 9 พื้นที่หลักในพัทยา ได้แก่ นาเกลือ ตัวเมืองพัทยา พระตำหนัก จอมเทียน นาจอมเทียน บางเสร่ ด้านตะวันออกของพัทยา มาบประชัน และห้วยใหญ่ รวมถึงบริเวณอีสเทิร์นซีบอร์ด
ซีบี ริชาร์ด เอลลิส สาขาพัทยา
นางลินดา ออร์ด — ผู้จัดการทั่วไป
ที่อยู่ : 306/96-97 หมู่ 12 ถนนทัพพระยา ตำบลหนองปรือ อำเภอบางละมุง
จังหวัดชลบุลี 20150
โทรศัพท์ : 66 38 364 969
โทรสาร : 66 38 364 963
Email : pattaya@cbre.co.th
เกี่ยวกับ ซีบี ริชาร์ด เอลลิส
ซีบี ริชาร์ด เอลลิส (NYSE:CBG) เป็นบริษัทที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ที่ให้บริการแบบครบวงจร มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในนครลอสแองเจลลิส พร้อมด้วยบุคลากร 24,000 คนในสำนักงานมากกว่า 300 สาขาที่ให้บริการแก่เจ้าของโครงการ นักลงทุน และผู้ซื้อรายย่อยทั่วโลก
ซีบี ริชาร์ด เอลลิส เริ่มเปิดสาขากรุงเทพ ฯ ครั้งแรกในปีพ.ศ.2531 และสาขาภูเก็ตในปีพ.ศ. 2547 โดยให้บริการด้านการเป็นตัวแทนในการซื้อ ขาย และให้เช่าอสังหาริมทรัพย์ประเภทบ้าน คอนโดมิเนียม อพาร์ตเมนท์ เซอร์วิส อพาร์ตเมนท์ อาคารสำนักงาน ธุรกิจค้าปลีก ธุรกิจอุตสาหกรรม โรงแรม ที่ดิน และให้บริการด้านการให้คำปรึกษา ซึ่งรวมถึง การให้บริการให้คำปรึกษาด้านการลงทุน การวิจัยตลาด และการประเมินราคาทรัพย์สิน นอกจากนี้ ยังให้บริการในด้านการบริหารอสังหาริมทรัพย์ด้วยมาตรฐานในระดับสากล หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการให้บริการ สามารถเข้าชมได้ที่ www.cbre.co.th
ติดต่อข้อมูลเพิ่มเติ่ม:นางสาวอลิวัสสา พัฒนถาบุตรกรรมการผู้จัดการ02 654 1111
นางสาวงามใจ เจียรจรัสผู้จัดการฝ่ายสื่อสารองค์กร02 654 1111 ต่อ 522