กรุงเทพฯ--15 พ.ย.--ไอบีเอ็ม
บริษัท ไอบีเอ็ม ประเทศไทย จำกัด ตอกย้ำความเป็นผู้นำกระแสอนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อม โดยอาศัยความได้เปรียบจากการเป็นผู้นำทางเทคโนโลยีและเป็นเจ้าของนวัตกรรมใหม่ ๆ การมีบุคลากรที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญ และสินค้าและบริการทางด้านไอทีที่ครบวงจร นำมาใช้จัดการระบบจัดการข้อมูลและการใช้พลังงานภายใน โดยไอบีเอ็ม ได้ทุ่มงบประมาณ 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ต่อปีให้แก่ส่วนธุรกิจต่างๆ คิดค้น พัฒนาเทคโนโลยีและวิธีการในการปรับปรุงประสิทธิภาพด้านพลังงานของระบบไอที จนประสบความสำเร็จ สามารถลดการใช้พลังงาน และค่าใช้จ่ายโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับดาต้าเซ็นเตอร์ของบริษัทได้เป็นอย่างดี ทั้งนี้ ไอบีเอ็มมีความพร้อมที่จะนำความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ดังกล่าวมานำเสนอโซลูชั่น เพื่อตอบสนองตลาดองค์กรที่ต้องการเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการพลังงาน ลดค่าใช้จ่ายในองค์กรและช่วยลดผลกระทบของสภาวะโลกร้อนต่อสิ่งแวดล้อมในทางอ้อมอีกด้วย
ในขั้นตอนกิจกรรมการอนุรักษ์พลังงานภายในองค์กร ไอบีเอ็ม ได้ควบรวมเซิร์ฟเวอร์กว่า 3,900 ตัวทั่วโลกให้เข้ามาอยู่ในซิสเต็ม ซี (System Z) เมนเฟรมเพียง 30 ตัว ภายใต้เทคโนโลยีเวอร์ช่วลไลเซชั่น (Virtualization) และทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการลินึกซ์ (Linux) จากการควบรวมเซิร์ฟเวอร์ดังกล่าว ไอบีเอ็มคาดว่าจะทำให้บริษัทฯ ลดพลังงานในการใช้ดาต้าเซ็นเตอร์ลงได้กว่า 80% ซึ่งทั้งนี้จะช่วยให้บริษัทฯ ลดค่าใช้จ่ายทั้งทางด้านค่าไฟฟ้า ค่าใช้จ่ายจากการใช้เนื้อที่เก็บเซิร์ฟเวอร์ และดาต้าเซ็นเตอร์กว่า 8 ล้านตารางฟุตทั่วโลก รวมทั้งลดค่าใช้จ่ายทางด้านซอฟต์แวร์ และค่าบำรุงรักษาอื่น ๆ ลงได้อีกมากมาย นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้รับผลประโยชน์จากการใช้ระบบไอทีที่มีความยืดหยุ่นที่ช่วยตอบสนองความต้องการทางธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงได้ทันท่วงทีมากยิ่งขึ้นอีกด้วย
นอกจากเทคโนโลยีทางด้านเวอร์ช่วลไลเซชั่นแล้ว ไอบีเอ็มยังมีเทคโนโลยีอื่น ๆ ที่ช่วยให้องค์กรต่าง ๆ สามารถบริหารจัดการระบบไอทีและการใช้พลังงานให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ซึ่งจะช่วยลดผลกระทบของสภาวะโลกร้อนในทางอ้อม อาทิ เช่น
ทางด้านการจัดการพลังงานและความร้อนภายในดาต้าเซ็นเตอร์ ไอบีเอ็มมีเทคโนโลยีต่าง ๆ มากมาย เช่น ซอฟต์แวร์ที่สามารถสแกนดาต้าเซ็นเตอร์ ในรูปแบบ 3 มิติ เพื่อหาจุดที่มีความร้อนสูง หรือจุดที่มีปัญหาภายในดาต้าเซ็นเตอร์ ซึ่งหากปล่อยทิ้งไว้อาจเกิดความร้อนสูงทำให้ระบบหยุดทำงาน หรือไฟกระชาก ซึ่งมีผลต่อเนื่องไปยังการทำงานของระบบคอมพิวเตอร์ หรือ เทคโนโลยีช่วยระบายความร้อน เช่น Rear Door Heat Exchanger ซึ่งเป็นระบบจัดการความร้อนภายในตู้ Rack ของดาต้าเซ็นเตอร์โดยใช้น้ำช่วยระบายความร้อน ซึ่งจะช่วยจัดการลดความร้อนได้มากถึง 55 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งการจัดการดังกล่าวจะมีผลช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของดาต้าเซ็นเตอร์ให้ดียิ่งขึ้น เป็นต้น
ระบบการจัดเก็บข้อมูล (Storage) ไอบีเอ็มมีผลิตภัณฑ์ทางด้านการจัดเก็บข้อมูลที่สามารถตอบสนองการจัดเก็บข้อมูลได้อย่างครบวงจร ช่วยให้ลูกค้ามีการจัดเก็บข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ซ้ำซ้อน ง่ายต่อการเรียกใช้งาน อีกทั้งยังรองรับความต้องการการจัดเก็บข้อมูลของลูกค้าในหลายรูปแบบทั้งในปัจจุบันและอนาคต ในจำนวนเครื่องที่ใช้น้อยลงด้วย ซึ่งทั้งนี้ หากองค์กรสามารถบริหารจัดการระบบจัดเก็บข้อมูลได้ดียิ่งขึ้นเท่าไหร่ การใช้พลังงานก็จะลดน้อยลงเท่านั้น
ซอฟต์แวร์ ไอบีเอ็มมีซอฟต์แวร์มากมายที่ช่วยจัดการการใช้พลังงานที่มีประสิทธิภาพของระบบ ไม่ว่าจะเป็น PowerExecutive ระบบที่ผสมผสานทั้งซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ ใช้ในการบริหารจัดการ ควบคุม ตรวจสอบระบบการใช้พลังงานภายในดาต้าเซ็นเตอร์ให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด หรือ Tivoli Green Portfolio กลุ่มซอฟต์แวร์ของไอบีเอ็มที่นอกจากจะถูกออกแบบมาเพื่อให้สามารถจัดการข้อมูล และเวิร์คโหลดภายในดาต้าเซ็นเตอร์แล้ว ยังช่วยบริหาร ตรวจสอบ วิเคราะห์ข้อมูล เพื่อการจัดการพลังงานของระบบให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นอีกด้วย
บริการ ไอบีเอ็มมีบริการที่หลากหลายเพื่อช่วยองค์กร บริหารจัดการระบบการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ เช่น บริการช่วยลูกค้าประเมินการใช้พลังงานในดาต้าเซ็นเตอร์ (Data Center Energy Efficiency Management) โซลูชั่นจัดการความร้อนของดาต้าเซ็นเตอร์ (Data Center Stored Cooling Solution) หรือ บริการออกแบบระบบจัดการพลังงานภายในอาคารอัจฉริยะเพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม (Specialized Facilities Services) เป็นต้น
นอกจากนี้ ที่ผ่านมา ไอบีเอ็มยังใช้ประโยชน์จากความเป็นผู้นำทางเทคโนโลยี ทำกิจกรรมอื่น ๆ อีกภายใต้โครงการโครงการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม (IBM Project Big Green) อาทิเช่น
โครงการรีไซเคิลของที่ใช้แล้วจากอุตสาหกรรมให้เป็นวัสดุที่ช่วยผลิตพลังงานแสงอาทิตย์
ไอบีเอ็ม ได้คิดค้นนวัตกรรมใหม่ ในการแปลงเซมิคอนดัคเตอร์ เวเฟอร์ ที่ใช้แล้วจากขั้นตอนการผลิตในโรงงานอุตสาหกรรมให้สามารถนำกลับมาใช้ใหม่เพื่อผลิตเป็นแผงซิลิคอนเพื่อรับพลังงานแสงอาทิตย์ได้ (เซมิคอนดัคเตอร์ เวเฟอร์ คือ แผ่นดิสก์ซิลิคอนที่นำมาใช้ในขั้นตอนการผลิตเซมิคอนดัคเตอร์สำเร็จรูป ที่ภายหลังจะนำมาใช้เป็นส่วนหนึ่งของอุปกรณ์
อิเล็คโทรนิคต่อไป เช่น โทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์ และวีดิโอเกม เป็นต้น) จุดประสงค์ของการคิดค้นนวัตกรรมดังกล่าว ทำขึ้นเพื่อช่วยแก้ปัญหาการขาดแคลนซิลิคอนในการผลิตแผงรับแสงอาทิตย์ อีกทั้งช่วยลดปริมาณของเซมิคอนดัคเตอร์ เวเฟอร์ที่ใช้แล้วจากขั้นตอนการผลิตในโรงงานอุตสาหกรรมซึ่งคาดว่ามีถึง 3 ล้านชิ้นต่อปีลงด้วย นวัตกรรมดังกล่าวได้รับรางวัลการป้องกันมลพิษยอดเยี่ยม ปี 2550 (2007 Most Valuable Pollution Prevention Award) จากสถาบันป้องกันมลพิษแห่งชาติ (The National Pollution Prevention Roundtable -NPPR) ของประเทศสหรัฐอเมริกา ปัจจุบัน ไอบีเอ็มใช้เทคโนโลยีดังกล่าวแล้ว ในโรงงานของไอบีเอ็มที่เมืองเบอร์ลิงตั้น รัฐเวอร์มอนท์ ประเทศสหรัฐอเมริกาและมีนโยบายที่จะเผยแพร่เทคโนโลยีนี้ให้กับอุตสาหกรรมการผลิตเซมิคอนดัคเตอร์ต่อไปในอนาคตอันใกล้
โครงการมอบประกาศนียบัตรการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพจากไอบีเอ็ม
ไอบีเอ็ม ประกาศความร่วมมือกับบริษัท นูวิง เอ็นเนอร์จี (Neuwing Energy) ในการช่วยลูกค้าตรวจสอบประสิทธิภาพการใช้พลังงานในดาต้าเซ็นเตอร์ โดยวิธีการตรวจสอบจะทำโดยพิจารณาขั้นตอนที่ลูกค้าทำเพื่อลดการใช้พลังงานในดาต้าเซ็นเตอร์ขององค์กร ซึ่งประโยชน์ทางตรงที่ลูกค้าจะได้รับ นอกเหนือจากการมีโอกาสได้ตรวจสอบเพื่อรับรู้ข้อมูลที่แท้จริงว่าองค์กรของตนใช้พลังงานในดาต้าเซ็นเตอร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพหรือไม่แล้ว ลูกค้ายังได้รับประโยชน์จากการนำข้อมูลนั้นมาแก้ปัญหาการใช้พลังงานในองค์กรได้ตรงจุด ช่วยองค์กรลดพลังงาน ค่าใช้จ่าย และลดผลกระทบของสภาวะโลกร้อนอีกด้วย นอกจากนั้นแล้ว หากลูกค้าผ่านการตรวจสอบในขั้นตอนต่าง ๆ ไอบีเอ็มยังจะมอบประกาศนียบัตรเพื่อรับรองการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพให้อีกด้วย ซึ่งลูกค้าสามารถใช้ประกาศนียบัตรดังกล่าวไปเป็นเครื่องยืนยันความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมขององค์กร หรือนำประกาศนียบัตรนั้น ๆ ไปแลกเปลี่ยนเป็นเงินสดหรือคะแนนในตลาดพลังงานได้อีกด้วย กิจกรรมดังกล่าวถือว่าเป็นครั้งแรกของโลกที่องค์กรเอกชนเป็นผู้ริเริ่มเกี่ยวกับการรณรงค์ด้านการใช้พลังงานที่มีประสิทธิภาพ โครงการมอบประกาศนียบัตรนี้จะเริ่มต้นในสหรัฐอเมริกาเป็นประเทศแรก หลังจากนั้นจะกระจายต่อไปยังประเทศอื่น ๆ เช่น ฝรั่งเศส อิตาลี อังกฤษ ภายในปี 2551
ในอนาคตอันใกล้ ไอบีเอ็ม มีแนวทางเกี่ยวกับการคิดค้นเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อช่วยสิ่งแวดล้อม (IBM Big Green Innovations) ภายใต้ 4 เรื่องหลัก ๆ ดังต่อไปนี้
โซลูชั่นการบริหารจัดการน้ำขั้นสูง (Advanced Water Management) โซลูชั่นดังกล่าวจะนำไปช่วยองค์กร และหน่วยงานของรัฐ หรือ หน่วยงานทางด้านสาธารณูปโภค เช่น การประปาฯ เพื่อให้สามารถจัดการกับระบบการบริหารการใช้น้ำให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด
การบริหารระบบปฏิบัติการและห่วงโซ่อุปทานเพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม (Green Operations and Supply Chain) โซลูชั่นดังกล่าว จะช่วยปรับปรุงระบบปฏิบัติการและห่วงโซ่อุปทานในองค์กรต่าง ๆ เพื่อช่วยลดปริมาณการปลดปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์จากการทำงานออกสู่บรรยากาศ
พลังงานทางเลือก (Alternative Energies) โซลูชั่นดังกล่าว จะช่วยองค์กร หน่วยงานภาครัฐ และหน่วยงานทางด้านสาธารณูปโภค ในการหาพลังงานทางเลือก และใช้พลังงานนั้น ๆ ให้เกิดประสิทธิผลสูงที่สุด
การสร้างแบบจำลองทางคอมพิวเตอร์ (Computational Modeling) เทคโนโลยีดังกล่าวจะนำความสามารถขั้นสูงทางด้านคอมพิวเตอร์ของไอบีเอ็ม ไปสร้างแบบจำลองหรือสถานการณ์สมมติทางคอมพิวเตอร์ เพื่อหาวิธีจัดการกับปัญหาต่าง ๆ ทางด้านสิ่งแวดล้อม
คุณธนพงษ์ อิทธิสกุลชัย กรรมการ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธุรกิจคอมพิวเตอร์ บริษัท ไอบีเอ็ม ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า “ด้วยความได้เปรียบของไอบีเอ็มในการเป็นผู้นำทางด้านเทคโนโลยีและการมีผลิตภัณฑ์และบริการทางด้านไอทีที่ครบวงจร ไอบีเอ็มมีความพร้อมที่จะนำความได้เปรียบเหล่านั้น มาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการพลังงานภายในไอบีเอ็มเอง ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้ นอกจากจะช่วยบริษัทฯ ลดการใช้พลังงานและลดค่าใช้จ่ายลงได้อย่างมากแล้ว ยังมีส่วนช่วยอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมในทางอ้อมอีกด้วย” นอกจากนั้น คุณธนพงษ์ ยังกล่าวเสริมอีกว่า “ด้วยผลลัพธ์ที่เป็นเครื่องพิสูจน์ได้เหล่านี้ ไอบีเอ็มจึงมีความภูมิใจที่จะนำโซลูชั่นดังกล่าว มาช่วยให้ลูกค้าประสบความสำเร็จในการเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการพลังงาน ลดค่าใช้จ่าย และช่วยกันลดปัญหาของสภาวะโลกร้อนต่อสิ่งแวดล้อม เช่นเดียวกับไอบีเอ็ม”
นอกจากนั้น คุณจิณัฐตา นั้วตู้แก้ว รองผู้จัดการทั่วไป บริษัท โกซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้รับผิดชอบในการเลือกโซลูชั่นเพื่อใช้ในการจัดการและติดตั้งระบบคอมพิวเตอร์ให้กับบริษัท ซี.พี. เซเว่นอีเลฟเว่น จำกัด (มหาชน) ยังกล่าวเสริมอีกว่า “จากการนำโซลูซั่น IBM Content Management OnDemand มาใช้ในปีแรก ซี.พี. เซเว่นอีเลฟเว่นฯ สามารถลดค่าใช้จ่ายในการจัดซื้อม้วนกระดาษได้ถึง 20 ล้านบาท และคาดว่า ภายในระยะเวลา 5 ปีนั้น ทาง ซี.พี. เซเว่นอีเลฟเว่นฯ จะประหยัดค่าใช้จ่ายได้ทั้งหมดประมาณ 150 ล้านบาท อีกทั้งโซลูซั่น IBM Content Management OnDemand ยังช่วยเพิ่มความสะดวกรวดเร็วในการสืบค้นหาข้อมูลใบเสร็จเพื่ออ้างอิงและแสดงแก่เจ้าหน้าที่สรรพากรได้อย่างมีประสิทธิภาพ และช่วยให้เราสามารถลดต้นทุนในการจัดการเอกสาร โดยสามารถลดจำนวนคนในการค้นหาเอกสาร และยังสามารถลดปริมาณการใช้กระดาษได้จำนวนมาก ซึ่งถือเป็นการช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมอีกทางหนึ่งด้วย”
แผนกประชาสัมพันธ์
บริษัท ไอบีเอ็ม ประเทศไทย จำกัด
วีระกิจ โล่ทองเพชร โทร. 02 273 4117 อีเมล์ werakit@th.ibm.com