รูดม่าน “MOTOR EXPO 2005”ยอดขายทะลุเป้า กระบะมาวิน

ข่าวทั่วไป Tuesday December 13, 2005 14:57 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--13 ธ.ค.--สื่อสากล
ขวัญชัย ปภัสร์พงษ์ ประธาน บริษัท สื่อสากล จำกัด และประธานจัดงาน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 22” หรือ Motor Expo 2005 เปิดเผยถึง ตัวเลขยอดขายรถยนต์ในงาน ตั้งแต่วันที่ 1-12 ธันวาคม ที่ผ่านมาว่า มีจำนวน 17,138 คัน สูงกว่าที่คาดไว้ 15,000 คัน ถึง 14.3 % และลดลงจากปีก่อนที่มียอด 18,181 คัน เพียง 5.7 % โดยวันสุดท้ายของงาน มีการขายสูงเป็นประวัติการณ์ถึง 2,925 คัน รองลงไปได้แก่วันที่ 11 และ 10 ธันวาคม ที่มียอดขาย 2,653 คัน และ 1,799 คัน ตามลำดับ
สำหรับรถที่มียอดขายเป็นอันดับ 1 ได้แก่แชมพ์เก่าโตโยต้า 5,464 คัน มีส่วนแบ่ง 31.9 % อันดับ 2 อีซูซุ กระโดดขึ้นจากที่ 6 เมื่อปีก่อนด้วยยอดขาย 2,529 คัน ตามด้วย ฮอนด้า ตกจากที่ 2 มาอยู่ที่ 3 ด้วยยอดขาย 2,019 คัน ขณะที่ อันดับ 4 เชฟโรเลต ยังรักษาเก้าอี้เดิมไว้ได้ ด้วยยอดขาย 1,868 คัน ส่วน มิตซูบิชิ ยังครองอันดับ 5 ไว้อย่างเหนียวแน่น ด้วยยอดขาย 1,653 คัน โดย มาซดา ตามมาเป็นอันดับ 6 ยอดขาย 923 คัน ตกจากที่ 3 เนื่องจากโพรดัคท์ปีนี้ส่วนใหญ่เป็นรถสปอร์ท ส่วนอันดับ 7 เป็น ฟอร์ด ไต่จากที่ 8 ขึ้นมา ด้วยยอดขาย 919 คัน สลับกับ นิสสัน ที่ปีนี้แม้จะมีโพรดัคท์ใหม่ แต่ส่วนใหญ่จะเป็นรถเอสยูวี ส่วนรถกระบะก็ยังไม่ได้ใช้ เครื่องยนต์คอมมอนเรล ยอดขายอยู่ที่ 629 คัน อันดับ 9 เป็นของแกรนด์แครีบอย ยอดขาย 162 คัน อันดับ 10 ซังยอง ที่ขึ้นมาจากอันดับ 13 ในปีก่อน ด้วยยอดขาย 122 คัน
ทั้งนี้ประธานจัดงานฯ ยืนยันว่ายอดดังกล่าว เป็นยอดขายจริงที่ผ่านการตรวจสอบกับข้อมูลของ ผู้ซื้อ ที่ส่งให้ผู้จัดเพื่อชิงรางวัลในรายการ “ซื้อรถ ชิงรถ” เรียบร้อยแล้ว
เป็นที่น่าสังเกตว่า ปีนี้รถประเภทที่ขายดีที่สุดกลายเป็นรถกระบะ ขณะที่รถเก๋งไม่แรงเท่าที่ควร รวมทั้ง ฮอนด้า ซีวิค ใหม่ เนื่องจากเพิ่งเปิดผ้าคลุมมาไม่นาน ผู้บริโภคชาวไทย จึงต้องใช้เวลาศึกษาข้อมูลอีกสักระยะ
นายขวัญชัย กล่าวเสริมว่า “การที่ตลาดกระบะเติบโตขึ้นมาก เนื่องจากปีนี้มีปัจจัยลบหลายอย่างเข้ามาเกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็น ราคาน้ำมัน เหตุการณ์ความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ การเกิดอุทกภัยในหลายพื้นที่ ทำให้สภาพเศรษฐกิจไม่มีความแน่นอน สิ่งเหล่านี้มีผลให้คนชะลอการตัดสินใจออกไป ประกอบกับพฤติกรรมการใช้รถของคนไทยเริ่มเปลี่ยนไป สังเกตจาก อีซูซุ ที่มียอดขายขึ้นมาเป็นอันดับ 2 ขณะที่ โตโยตา ปีนี้มี พรีรันเนอร์ รถกระบะขับ 2 ล้อยกสูง และตกแต่งเหมือนรถขับเคลื่อนสี่ล้อเป็นรถธง ทำให้รถประเภทนี้กลายมาเป็นโพรดัคท์แชมพ์เพียน ขณะที่ตลาดรถเก๋งลดลง เป็นปกติธรรมดาของตลาดเปรียบเหมือนชิงช้ามีการแกว่งตัวขึ้น-ลงตลอดเวลา”
“ในส่วนตลาดรถยนต์นั่งมีอัตราการเติบโตลดลงมากกว่า 10% ตั้งแต่ต้นปีมาแล้ว ทั้งนี้ เพราะมี ตลาดรถทดแทน หรือ รถกระบะดัดแปลงที่นำมาใช้งานแทนรถเก๋ง เช่น ฟอร์จูนเนอร์, มิวเซเวน และพรีรันเนอร์ เข้ามาเป็นตัวเลือก ทำให้รถเก๋งถูกแช่แข็ง ขณะที่รถกระบะลอยตัว แสดงว่าไลฟ์สไตล์ของคนไทยเริ่มเปลี่ยนไป โดยปัจจุบันตลาดรถกระบะอยู่ที่ 68 % ขณะที่ตลาดเก๋งมีแค่ 32% ซึ่งสะท้อนไปถึงสภาพเศรษฐกิจโดยรวมได้เป็นอย่างดี และสอดคล้องกับสถิติการสำรวจคนที่เข้ามาชมงานในปีนี้ ซึ่งส่วนใหญ่จะมีรถเกินกว่าหนึ่งคัน เพราะฉะนั้นถ้าเขามีรถเก๋งอยู่แล้ว ก็จะชะลอการตัดสินใจซื้อรถเก๋งคันใหม่ไว้ก่อน โดยเลือกซื้อรถกระบะแทนเพราะดูจะคุ้มค่ากว่า”
ส่วนผู้เข้าชมงานปีนี้ เป็นไปตามเป้าที่ตั้งไว้คือ 1,582,207 คน ลดลงจากปีก่อนเพียง 3.7% เพราะ แม้ในวันธรรมดาคนเข้าชมงานจะลดลงบ้าง ด้วยเหตุผลบางประการ เช่น ความไม่สบายใจต่อเหตุการณ์ต่าง ๆ แต่ในวันหยุด จำนวนผู้เข้าชมกลับมากกว่าปีที่ผ่านมา จึงมาทดแทนกันพอดี โดยวันที่มีผู้เข้าชมงานมากที่สุด คือวันที่ 11 ธันวาคม จำนวน 228,000 คน
“สำหรับทิศทางตลาดรถยนต์ในปี 2549 การแข่งขันจะเป็นไปอย่างคึกคัก เพราะบริษัทรถยนต์ทุกแห่งจะหันมาเล่นสงคราม คอมมอนเรล ตอนนี้ยังอั้นอยู่ 3-4 ราย แต่ปีหน้าจะพร้อมหมด โดยเฉพาะ นิสสัน จะมาพร้อมข่าวใหญ่ คือ การย้ายฐานผลิตมาเมืองไทย โดยนำเอาตลาดของเขาที่อยู่ในโลกมาให้ไทยด้วย เพราะฉะนั้นปีหน้ายอดผลิตรถของไทยจะเพิ่มสูงขึ้น ส่วนที่ส่งออกก็จะเพิ่มขึ้นด้วย ซึ่งมีคนทำนายว่า ในอีก 5 ปีข้างหน้า คนไทยจะใช้รถเพิ่มขึ้นถึง 1 ล้านคัน ขณะที่จะส่งออก 1 ล้านคันเช่นเดียวกัน ส่วนตลาดรถเก๋งขนาดเล็ก ก็ไม่น้อยหน้า โดยโตโยตา จะเปิดตัวรุ่น ยาริส ประมาณ มกราคม 2549 สาเหตุที่ไม่มาเปิดตัวในงาน ตามกำหนดการเดิม คงเป็นเพราะต้องการระบายสตอครถเก่ามากกว่า”
“อย่างไรก็ตาม ตลาดโดยรวมในปีหน้า ยังไม่มีใครกล้าคาดเดา เนื่องจากปัจจัยลบยังไม่มีทีท่าจะเปลี่ยนมาเป็นปัจจัยบวก ที่สำคัญ ภัยธรรมชาติ เป็นสิ่งที่สุดจะคาดเดา จะเกิดขึ้นเมื่อใดไม่มีใครทราบล่วงหน้า เพราะฉะนั้นอัตราการเติบโตคงไม่เท่าเดิมแน่นอน แต่ก็ไม่น่าตกต่ำไปกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน โดยปีนี้คาดว่าจะอยู่แถวๆ 7 แสนคัน เติบโตขึ้นประมาณ 15 % ส่วนปีหน้าคาดว่าจะโตแค่ตัวเลขหลักเดียว ซึ่งไม่น่าจะต่ำกว่า 7-9 %”
“การจัดงานในปีหน้า ซึ่งเป็นครั้งที่ 23 ระยะเวลาคงอยู่ในช่วงเดิมคือต้นเดือนธันวาคม โดยจะย้ายเข้าไปจัดในฮอลล์ “ชาแลนเจอร์” ซึ่งมีพื้นที่กว่า 60,000 ตรม. คาดว่าจะมีผู้เข้าชมงานเป็นจำนวนมาก เนื่องจากเป็นสถานที่ใหม่ ส่วนจะเพิ่มพื้นที่มาในฮอลล์ 1-8 มากน้อยแค่ไหนคงต้องรอสรุปอีกครั้งประมาณต้นปีหน้า เพราะมีอีกหลายธุรกิจกำลังเจรจาเพื่อเข้ามาร่วมงานด้วย โดยเป้ายอดขายรถในงานปีหน้าคาดว่าน่าจะอยู่ที่ 17,000-18,000 คัน ตามอัตราเติบโตของตลาดรวม”--จบ--

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ