กรุงเทพฯ--15 พ.ย.--ไพลอน
PYLON โชว์ผลงานสุดยอด Q3/50 ปั๊มกำไรโตเพิ่มจากปีก่อนที่ทำได้ 5.02 ล้านบาท มาเป็น 7.17 ล้านบาทในปีนี้ แม้รายได้จะลดลงตามปริมาณงานที่หดตัวหลังได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจ แต่จากการบริหารจัดการต้นทุนให้มีประสิทธิภาพส่งผลให้กำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น ส่วนโค้งสุดท้ายของปีเชื่องานจะเข้ามามากขึ้น จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและรักษาความสามารถในการทำกำไรได้อย่างต่อเนื่อง มั่นใจสิ้นปียังหนุนรายได้ยังเข้าเป้า 400 ล้านบาท
นายบดินทร์ แสงอารยะกุล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไพลอน จำกัด (มหาชน) PYLON เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 3/2550สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2550 มีกำไรสุทธิ 7.17 ลบ. เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปี 2549 ที่มีกำไรสุทธิ 5.02 ลบ. แม้ว่ารายได้จากการรับจ้างรวมจะลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนจาก 107.8 ล้านบาท เป็น 86.0 ล้านบาท หรือ ลดลงร้อยละ 20.3 เนื่องจากปีนี้บริษัทไม่ได้รับงานก่อสร้างด้วยระบบชิ้นส่วนหล่อสำเร็จรูปซึ่งในงวดไตรมาส 3 ปี 2549 มีรายได้ประมาณ12.9 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ในไตรมาสที่ 3/50 อัตรากำไรขั้นต้นรวม ได้เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 14 ในปีก่อน เป็นร้อยละ 20.3 เนื่องจากโครงการที่ดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2548 และได้รับผลกระทบจากต้นทุนที่ปรับตัวสูงขึ้นได้เสร็จสิ้นลงในไตรมาสนี้
ประกอบกับ ไตรมาสนี้ ราคาวัตถุดิบต่างๆ ไม่ผันผวนมากนัก รวมทั้งฝ่ายโครงการสามารถบริหารจัดการต้นทุนต่างๆให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น จึงส่งผลให้กำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นประมาณ 2.7 ล้านบาท ส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารใกล้เคียงกับปีก่อน ส่งผลให้กำไรสุทธิเพิ่มขึ้นประมาณ 2.2 ล้านบาทดังกล่าว
นายบดินทร์ ยอมรับว่าเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงทำให้ปริมาณงานในตลาดน้อยลง จึงส่งให้ให้เกิดการแข่งขันมากขึ้นในธุรกิจ รวมทั้งทำให้เกิดการแข่งขันทางด้านราคาด้วย แต่อย่างไรก็ตาม จากที่บริษัทได้มุ่งเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน รวมถึงควบคุมต้นทุนให้มีประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง ทำให้บริษัทสามารถรับมือกับการแข่งขันด้านราคาได้เป็นอย่างดี โดยอัตรากำไรขั้นต้นในไตรมาสนี้ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง พร้อมกันนี้ได้ให้ความสำคัญกับคุณภาพของงานและความปลอดภัย ควบคู่กับการทำงานให้เสร็จตามกำหนดเวลา ซึ่งถือเป็นจุดเด่นของบริษัทที่ยังคงโดดเด่นเหนือผู้ประกอบการรายอื่น จึงทำให้ PYLON ได้รับการยอมรับจากลูกค้าและยืนอยู่ได้แม้ว่าตลาดจะมีการแข่งขันที่สูงขึ้น
สำหรับแนวโน้มผลประกอบการในไตรมาสสุดท้ายของปี คาดว่าจะยังเติบโตต่อเนื่องจากไตรมาสที่ 3/50 ได้ เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่เริ่มปรับตัวดีขึ้นในช่วงท้ายของปี จากความชัดเจนเรื่องปัจจัยการเมือง ทำให้เริ่มมีงานออกสู่ตลาดมากขึ้น โดยเฉพาะงานภาคเอกชน ซึ่งนอกจากจะทำให้มีงานเพิ่มขึ้นแล้ว จะมีผลให้การแข่งขันลดความรุนแรงลงโดยเฉพาะการแข่งขันทางด้านราคา ทำให้มั่นใจว่าในปี 2550 จะยังรักษาเป้าหมายรายได้เฉพาะงานฐานรากที่ 400 ล้านบาท เอาไว้ได้
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ : จุฬารัตน์ เจริญภักดี 089-4888337 / 02-5549395