กรุงเทพฯ--16 พ.ย.--ปภ.
กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย รายงานสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากในพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี และนครศรีธรรมราช มีผู้เสียชีวิต 2 ราย มูลค่าความเสียหายเบื้องต้นประมาณ 15,110,000 บาท พร้อมประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้ว ซึ่งสถานการณ์ปัจจุบันได้คลี่คลายเข้าสู่สภาวะปกติแล้ว
นายอนุชา โมกขะเวส อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า จากอิทธิพลของหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมภาคใต้และอ่าวไทยตอนล่าง ระหว่างวันที่ 7-9 พฤศจิกายน 2550 ทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากในพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี และนครศรีธรรมราช เป็นเหตุให้บ้านเรือนราษฎรและพื้นที่การเกษตรถูกน้ำท่วม ตลอดจน สิ่งสาธารณประโยชน์ได้รับความเสียหาย มีพื้นที่ประสบภัยจำนวน 2 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดสุราษฎร์ธานี และนครศรีธรรมราช มีพื้นที่ประสบภัยรวม 11 อำเภอ 50 ตำบล 343 หมู่บ้าน ราษฎรเดือดร้อน 42,659 คน 2,335 ครัวเรือน พื้นที่การเกษตร ถูกน้ำท่วม 3,747 ไร่ ถนน 432 สาย สะพาน 3 แห่ง มูลค่าความเสียหายเบื้องต้นประมาณ 15,110,000 บาท ขณะนี้สถานการณ์อุทกภัย ทั้งจังหวัดสุราษฎร์ธานี และจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้คลี่คลายเข้าสู่สภาวะปกติแล้ว ตั้งแต่เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2550
สำหรับการให้ความช่วยเหลือ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย(ปภ.) ได้สั่งการให้ศูนย์ ปภ.เขต 11 สุราษฎร์ธานี สนับสนุน เรือท้องแบน จำนวน 3 ลำ ช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่ จ.สุราษฎร์ธานี ได้แก่ อ.ดอนสัก 2 ลำ และ อบต.ปากแพรก จำนวน 1 ลำ และที่ จ.นครศรีธรรมราช จำนวน 4 ลำ นอกจากนี้ สำนักงาน ปภ. จังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้ประสานการปฏิบัติงานร่วมกับจังหวัด เหล่ากาชาดจังหวัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องภายใน พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ อปพร. 50 นาย ให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย รวมทั้งได้นำถุงยังชีพ จำนวน 2,000 ชุด น้ำดื่ม 2,400 ขวด แจกจ่ายให้กับผู้ประสบภัย ตลอดจนสนับสนุนเรือท้องแบน 5 ลำ รถบรรทุก 8 คัน กระสอบทราย 5,000 ถุง เพื่อจัดทำแนวคันกั้นน้ำและเร่งระดมเครื่องสูบน้ำไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยที่ อำเภอเกาะสมุย จำนวน 15 เครื่อง ส่วนที่จังหวัดนครศรีธรรมราช สำนักงาน ปภ. จังหวัดนครศรีธรรมราช ได้ร่วมกับจังหวัด อำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งดำเนินการให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยเบื้องต้นแล้ว
ทั้งนี้ กรม ปภ. ได้สั่งการให้สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดในพื้นที่ เฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์อุทกภัย พร้อมแจ้งเตือนประชาชนให้ระมัดระวังอันตรายจากฝนตกหนักและน้ำท่วมฉับพลันในระยะนี้ พร้อมจัดเจ้าหน้าที่ ติดตามสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ตลอด 24 ชั่วโมง รวมทั้งเตรียมเครื่องมืออุปกรณ์ให้พร้อม เพื่อสามารถช่วยเหลือผู้ประสบภัยได้ทัน ต่อเหตุการณ์ สุดท้ายนี้ หากประชาชนในพื้นที่ได้รับความเดือดร้อนสามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ที่ สำนักงาน ปภ.จังหวัด ในพื้นที่ และศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต 11 สุราษฎร์ธานี หรือทางสายด่วน 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง