กรุงเทพฯ--16 พ.ย.--กรมการค้าต่างประเทศ
นางอภิรดี ตันตราภรณ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า ตั้งแต่วันที่ 3 ตุลาคม 2550 เป็นต้นมา สำนักงานศุลกากรจีนได้ประกาศกฎระเบียบว่าด้วยเขตท่าเรือคลังสินค้าทัณฑ์บน เนื่องจากเดิมเขตท่าเรือและเขตคลังสินค้าทัณฑ์บนมีกฎระเบียบที่ใช้ควบคุมแยกเป็นของแต่ละหน่วยงานโดยไม่เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ดังนั้น จีน จึงได้กำหนดเขตท่าเรือคลังสินค้าทัณฑ์บนขึ้นเพื่อที่จะทำให้จีนกลายเป็นศูนย์กลางด้านการขนส่งทางเรือที่สำคัญของโลกแห่งหนึ่ง โดยเลือกทำเลที่ตั้งอยู่ในเมืองที่ติดทะเล ติดแม่น้ำ หรือเมืองที่มีอาณาเขตติดชายแดน โดยคำนึงถึงการติดต่อคมนาคมกับนานาประเทศได้สะดวก ทั้งนี้ ได้กำหนดอำนาจหน้าที่ความรับผิดชอบให้เป็นเขตคลังสินค้าทัณฑ์บน เขตแปรรรูปเพื่อการส่งออก เขตการขนถ่ายสินค้าและด่านศุลกากร รวมไปถึงทำหน้าที่เป็นคลังสินค้า บริษัทการค้าระหว่างประเทศ บริษัทจัดซื้อระหว่างประเทศ ศูนย์กระจายสินค้า ศูนย์ตรวจสอบสินค้าและบริการหลังการขาย ศูนย์นิทรรศการงานแสดงสินค้า ศูนย์วิจัยและค้นคว้า ศูนย์การผลิตสินค้า และศูนย์รวมภารกิจของการท่าเรือด้วย
อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า ผู้ประกอบการส่งออกของไทยจะได้รับประโยชน์จากการกำหนดเขตท่าเรือสินค้าทัณฑ์บนของจีน จากการให้สิทธิพิเศษ คือ
1. ยกเว้นเก็บภาษีสำหรับสินค้าที่เข้ามาในบริเวณท่าเรือคลังสินค้าทัณฑ์บน
2. สินค้าที่ส่งออกจากบริเวณเขตท่าเรือคลังสินค้าทัณฑ์บนโดยมีการจัดจำหน่ายภายในประเทศจะต้องเสียภาษีศุลกากรตามอัตราภาษีที่กำหนดให้กับสำนักงานศุลกากรจีน
3. สินค้าที่ผลิตภายในประเทศและจัดส่งเข้าไปในเขตท่าเรือคลังสินค้าทัณฑ์บนมีสิทธิในการเรียกคืนภาษีส่งออก
4. การซื้อขายสินค้าภายในเขตท่าเรือคลังสินค้าทัณฑ์บนจะไม่มีการเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (ร้อยละ 13 ในสินค้าเกษตร และร้อยละ 17 ในสินค้าอุตสาหกรรม)
ปี 2549 ไทยส่งออกสินค้าไปจีนเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 445,296.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน ขณะที่การส่งออกใน 3 ไตรมาสแรกของปี 2550 มีมูลค่าสูงถึง 364,566.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน คิดเป็นร้อยละ 14.32