กรุงเทพฯ--9 ส.ค.--สหมงคลฟิล์ม
บทบาท-คาแร็คเตอร์
“รำไพ” ก็จะเป็นเด็กสาวที่มีความฝันความทะเยอทะยานอยากจะเป็นนางรำในกรมศิลป์ อันนี้จะเป็นความฝันอันสูงสุดของรำไพเลย แต่ชีวิตของตัวรำไพไม่ได้เป็นไปอย่างที่เขาคาดหวังเอาไว้ คือดีที่สุดของเขาก็คือเป็นครูในคณะรำ เหมือนไปไม่ถึงดวงดาวตามที่เขาหวัง เป็นความกดดันของตัวละครตัวนี้ เป็นตัวละครอีกตัวในเรื่องที่น่าสนใจ เพราะมีความเป็นมนุษย์รักโลภโกรธหลง เป็นคาแร็คเตอร์ที่ไม่เคยแสดงมาก่อนค่ะ และก็ไม่เคยแสดงหนังพีเรียดประมาณนี้มาก่อนนะคะ ถ้าที่เคยเล่นก็เป็นยุคโบราณย้อนไปหลายร้อยปีกว่านี้เลยค่ะ ก็รู้สึกดีนะคะที่ได้เปลี่ยนบทบาทคาแร็คเตอร์ ได้เปลี่ยนองค์ประกอบหลายๆ อย่างในช่วงยุคนี้
การดำเนินเรื่องของตัวรำไพ
ผู้หญิงคนนี้โดยพื้นฐานแล้วเค้าก็เป็นคนดีนะคะ แต่ด้วยสถานการณ์บางอย่างในชีวิตไม่ได้เป็นไปอย่างที่เค้าวาดฝันไว้ ก็อาจจะมีบ้างที่คิดน้อย และตัดสินใจทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้องไป โดยเนื้อแท้แล้วเป็นคนดี แต่จุดหักเหในชีวิตมันมาจากการที่เค้าไปไม่ถึงฝัน การที่เค้ามีสามีแก่ ทีนี้ในชีวิตของรำไพที่ยังเป็นสาวอยู่ แต่ต้องมาใช้ชีวิตอยู่กับครูหยด (สรพงษ์ ชาตรี) ก็ทำให้รำไพจะใหญ่ได้แค่ในคณะละครเล็กๆ ของเค้า เพราะฉะนั้นมันเลยเกิดความรู้สึกกดดันเก็บกดว่าทำไมตัวเองถึงไปไม่ถึงฝันซะที ประกอบกับต้องมาอาศัยอยู่กับสามีแก่ ก็เลยยิ่งเก็บกดในเรื่องเซ็กส์อะไรพวกนี้เข้าไปอีก ก็เลยทำให้เกิดความรู้สึกสับสน อยากจะปลดปล่อย อยากจะมีความรักกับเด็กหนุ่มตามวัยสาวของเธอที่หายไป ก็เลยทำให้เกิดการตัดสินใจผิดพลาดครั้งยิ่งใหญ่ในชีวิตขึ้นมาค่ะ
หนักใจกับบทที่ค่อนข้างหวือหวานี้มากน้อยแค่ไหน
บทลักษณะนี้ไม่เคยเล่นมาก่อนเลยค่ะ ก็ค่อนข้างหนักนะคะ ครั้งแรกที่คุยกับพี่ตั้ว พี่เค้าก็ถามว่าไหวมั้ย ไม่บังคับนะ ถ้าสมัครใจก็อยากให้กบเล่นจริงๆ กบก็บอกเลยว่า สนใจมากค่ะ เพราะบทดีๆ อย่างนี้ไม่ได้หลุดมาถึงใครง่ายๆ ก็อยากจะคว้าโอกาสนี้ไว้ ถ้าพี่ตั้วให้โอกาส ก็ปรับความเข้าใจในตัวบทกันพอสมควร ก่อนที่จะเล่นก็ต้องมีการพูดคุยถึงแบ็คกราวด์ของตัวละครนี้ เพราะมันมีความซับซ้อนค่อนข้างเยอะ ทีนี้พอเราเข้าใจตรงกันก็มีการมาซ้อมกับทีม โดยเฉพาะกับ “น้องอาร์” ที่เราต้องเล่นด้วยกัน และน้องเค้าก็ใหม่มากกับการแสดงหนัง ทีนี้พอถึงช่วงถ่ายทำ เราก็มีความเข้าใจดีแล้วก็ทำให้การทำงานหน้ากองก็ลื่นไหลดีค่ะ ซึ่งวิธีการซ้อมก่อนการถ่ายทำนี่มันก็ช่วยเราได้เยอะ ช่วยพัฒนาในสิ่งที่เราไม่เคยได้ลองเล่นหรือทำมาก่อน และได้เปิดมุมมองทางการแสดงของเราอีกมุมมองหนึ่ง และก็เกิดความท้าทาย ตื่นเต้นในการเข้าฉากถ่ายทำอย่างฉากเลิฟซีนหรือฉากที่มีผลกระทบทางด้านจิตใจของตัวรำไพ ซึ่งจะเป็นดราม่าสุดๆ ก็เป็นความแปลกใหม่ทางการแสดงของกบเลยค่ะ
มีการปรับตัวหรือรับมือกับบทบาทของตัวละครนี้อย่างไร
อย่างแรกเลยคือเราต้องมีความเข้าใจในตัวละครนี้ เพราะว่าสาเหตุอะไรที่ทำให้เค้าต้องการทำสิ่งเหล่านี้ แล้วก็ต้องทิ้งกำแพงรอบข้างไปให้หมด แล้วก็ใส่ไปให้เต็มที่ ก็มีบ้างที่กบเครียด แต่ว่าก็จะมีการพูดคุยกับพี่ตั้วผู้กำกับอยู่ตลอดว่าอย่างงี้ๆ ได้มั้ย ซึ่งพี่ตั้วก็จะมีการเสนอแนะและปรึกษาเรื่องการแสดงตลอด และเราก็ทำการบ้านในบทบาทนี้มาก่อนด้วย เหล่านี้ก็เป็นการปรับตัวสำหรับบทบาทใหม่ๆ นี้ของกบค่ะ
ทัศนคติต่อตัวละครรำไพที่ตัวเองได้รับบท
จริงๆ จะว่าไป ตัวละคร “รำไพ” นี่ก็คือมนุษย์นะคะ มนุษย์มีความรักโลภโกรธหลง ไม่มีใครจะดีทุกด้านหรอก ทุกคนมีด้านดีแล้วก็ต้องมีด้านมืด เพราะฉะนั้นตัวรำไพนี่ก็เป็นตัวละครที่สะท้อนถึงความเป็นมนุษย์ผู้มีความต้องการอย่างแท้จริง ซึ่งมันก็คือธีมหลักของเรื่อง มันคือดราม่า มันคือชีวิตคนเรานี่แหละ
ด้านเครื่องแต่งกายในเรื่องนี้เป็นยังไงบ้าง
เรื่องคอสตูมเรื่องนี้ก็ชอบค่ะ สวยดี แค่ตัวรำไพใส่คอกระเช้าผ้าถุง คือมันมีความคลาสสิกน่ะค่ะ ผู้หญิงกับผ้าถุงมันก็เป็นของคู่กัน กบก็ชอบที่จะได้ใส่นะคะ รู้สึกอินทุกครั้งที่ได้ใส่
ต้องมีการฝึกซ้อม เรียนร่ายรำก่อนการแสดงจริงด้วย
ใช่ค่ะ ก่อนการถ่ายทำก็ต้องมีการไปเรียนรำมาก่อนด้วย ซึ่งก็ยากมาก คือตัวเราแข็งน่ะค่ะ พวกเด็กนาฏศิลป์เค้าเรียนมาตั้งแต่เด็กใช่มั้ยค่ะตัวเค้าก็จะอ่อนช้อย แต่เราเพิ่งมาเรียนตัวก็จะแข็ง วันแรกๆ ที่ไปเรียนก็จะปวดเนื้อปวดตัวเลยค่ะ แต่เราก็ต้องมีความอดทน อาศัยการซ้อมบ่อยๆ ก็ชอบและหลงใหลในศิลปะวัฒนธรรมไทยค่ะ
การทำงานร่วมกับผู้กำกับ
พี่ตั้วเป็นผู้กำกับที่ละเอียดมากค่ะ ก็ชอบและภูมิใจที่ได้ร่วมงานกัน เพราะตัวกบเองก็จะมีความละเอียด พอได้มาร่วมงานกับผู้กำกับที่ใส่ใจให้ความสำคัญกับทุกรายละเอียดอย่างนี้ มันก็เหมือนเคมีตรงกัน การทำงานด้วยกันก็เลยง่าย การทำงานกับพี่ตั้วก็เลยไม่มีอะไรที่รู้สึกไม่พอใจนะคะ ชอบและประทับใจหมดค่ะ อย่างฉากดราม่าซีนอารมณ์อย่างนี้ เราก็ไม่รู้ว่าพี่ตั้วจะเอาหรือไม่เอา เราก็ต้องคงอารมณ์นั้นไว้ก่อน จะคัทหรือไม่คัทเราร้องไห้ไว้ก่อนเพื่อความต่อเนื่อง บางทีพี่ตั้วอาจจะมีการเติมรายละเอียดนิดหน่อยอะไรอย่างนี้ แล้วอย่างช่วงพักเบรค เราก็บอกเลยว่าอย่าเพิ่งให้ใครมายุ่ง ขออยู่ในอารมณ์และพื้นที่ของเราก่อน เพราะเราก็ไม่รู้ว่าผู้กำกับจะต้องการอะไรอีกหรือเปล่า ก็อยากให้ทุกอย่างออกมาสมบูรณ์แบบอย่างที่พี่ตั้วต้องการค่ะ
ฉากประทับใจในเรื่อง
จริงๆ ชอบและประทับใจทุกฉากเลยนะคะ เพราะอย่างที่บอกว่ามันมีความท้าทายที่ได้มาเล่นบทนี้ ตัวรำไพเป็นบทที่แปลกใหม่ เราท้าทายและสนุกที่ได้มาแสดง มาสวมเป็นตัวละครตัวนี้ ก็เลยประทับใจทุกฉากที่ได้เล่น ไม่ว่าจะเป็นฉากที่หวือหวาที่สุดอย่างฉากถอดเสื้อยั่วยวน มันเป็นความท้าทายในสิ่งที่เราไม่เคยทำ เราต้องเปิดโลกให้กว้าง แล้วก็พยายายามเล่าเรื่องผ่านทางสายตาว่าตัวผู้หญิงคนนี้เนี่ยเค้ามีความกดดันในเรื่องเพศ เพราะการมีสามีที่แก่ เราต้องสื่อว่ามาให้ได้ดีที่สุดโดยไม่ต้องถึงกับทำหน้าเซ็กซี่หรืออะไร แต่พยายามบอกเรื่องราวผ่านทางสายตาในการแสดงของเรา อันนี้ก้เป็นฉากท้าทายมากๆ เหมือนกันค่ะ
อีกฉากก็เป็นฉากไฟไหม้ อันนี้ก็ชอบและท้าทายมากเหมือนกัน เล่นไฟจริงเลยนะคะ ก็เป็นฉากที่ตัวรำไพเองเนี่ยรู้สึกว่าไม่มีอะไรจะเสียแล้ว เล่นกับไฟจริงก็ไม่กลัวไฟไหม้นะคะ เพียงแต่ให้ทุกอย่างออกมาสมจริงที่สุด ไม่ว่าจะเป็นคิวไหน ต้องวิ่งผ่านไฟ หรือไฟตกลงมาข้างหน้าเรา ซึ่งตอนถ่ายเนี่ยต้องใส่โขนซึ่งหนักและแน่นมาก แล้วเราก็สนุกที่ได้แสดงอะไรแบบนี้ และก็ปล่อยสุดพลังเหมือนกันค่ะ
ความรู้สึกแรกที่ได้ใส่ชุดโขนเป็นยังไงบ้าง
ขลังเลยค่ะ ความรู้สึกแรกที่ได้ใส่นี่ขลังจริงๆ ค่ะ เพราะปกติเราก็ไม่มีโอกาสได้ใส่หรอกค่ะ ก็ชอบ และถือเป็นความโชคดีที่ครั้งหนึ่งเราเคยได้ใส่ชุดโขนอะไรอย่างนี้นะคะ แล้วชุดโขนก็สวยงามมากจริงๆ ค่ะ แม้จะอึดอัดนะ แต่ความสวยงามของชุดก็ทำให้เราสู้ตายเหมือนกัน
การร่วมงานกับอาเอก สรพงษ์
อาเอกน่ารักมากค่ะ อาเอกก็ช่วยการแสดงเราได้เยอะนอกจากพี่ตั้วแล้ว ก็จะคอยสอนเทคนิคการแสดงซึ่งมีเยอะมาก เวลาเล่นมันต้องอย่างนี้ๆ เวลาแสดงเราอย่านิ่ง เราต้องแสดงให้มันเป็นธรรมชาติ ไม่จำเป็นต้องไดอะล็อคอย่างเดียว อย่างเลิฟซีนกับอาเอก นี่จะเก่งมาก อย่างอาเอกจะบอกว่า กบ อย่างมือเนี่ยเวลาถ่ายแค่ที่มือ เราก็ต้องสื่ออารมณ์ที่มือให้ได้ เวลาเราสัมผัสบีบนวดอาเอกตอนแรกๆ ถ่ายออกมาแล้วมันดูแข็งค่ะ อาเอกก็จะสอนเทคนิคว่าต้องอย่างนี้ๆ นะ พอถ่ายออกมาแล้วมันก็ดูดีขึ้นมากเลยค่ะ
การร่วมงานกับน้องอาร์ พระเอกใหม่
น้องอาร์เหรอคะ น้องอาร์มีความตั้งใจในการทำงานมาก และมีความเป็นศิลปินอยู่สูงนะคะ นี่เป็นเรื่องแรกของเขา ซึ่งเค้าก็ยังไม่ได้เอาออกมาใช้มาก แต่เท่าที่ทำงานด้วยเนี่ย เค้ามีความตั้งใจทำงานดี ส่วนที่เหลือเนี่ยเป็นประสบการณ์ของเขาที่เขาต้องเก็บเกี่ยวไปเรื่อยๆ มากกว่า ตอนเข้าฉากร่วมกัน กบก็มีบอกน้อง คอยแนะนำอยู่บ้างเหมือนกัน อย่างฉากร้องไห้ก็บอก ฉากเลิฟซีนก็พูดคุยกัน แต่ไม่ใช่กบจะเชียวชาญอะไรมากนะคะ แต่อยากให้น้องเค้าปลดปล่อย สบายใจ ไม่งั้นน้องเค้าก็จะเกร็งไงคะ ก็จะทำความเข้าใจกัน ทำความคุ้นเคยกันก่อนที่จะแสดงฉากนี้ค่ะ
ความน่าสนใจโดยรวมของภาพยนตร์
จุดเด่นของเรื่องคนโขนก็น่าจะอยู่ที่ศิลปะวัฒนธรรมไทย เกี่ยวกับอาชีพของคนโขน เพราะส่วนใหญ่เด็กสมัยใหม่แทบจะไม่รู้จักโขนกันแล้ว นี่คือเสน่ห์ของเรื่องนี้ ที่เราจะได้เล่าผ่านเรื่องราวชีวิตของคนโขน เสื้อผ้า การแสดง ทุกอย่างเกี่ยวกับการถ่ายทอดศิลปะวัฒนธรรมไทยหมดเลยค่ะ
ยิ่งไปกว่านั้นเรื่องราวของคนโขนมันก็สะท้อนความเป็นคนจริงๆ ที่มีด้านดีเลว รักโลภโกรธหลงตัณหาราคะ อย่างคำว่า “คนโขน” มันก็สะท้อนความเป็นคนในยุคปัจจุบันที่เวลาเข้าสังคม เราก็ต้องสวมหัวโขนเพื่อปรับตัวให้เข้ากับสังคมนั้นๆ ที่เราดำเนินชีวิตอยู่
ในเรื่องการแสดงนี่ ทุกคนก็ลงตัวหมดเลยทั้งรุ่นเล็ก รุ่นกลาง รุ่นใหญ่ ตัวแสดงทุกตัวน่าสนใจหมด แล้วก็ทุกคนก็เต็มที่กับการทำงานของเค้า รวมถึงการกำกับของพี่ตั้วที่มีความตั้งใจในการสะท้อนแง่มุมชีวิตต่างๆ ได้เป็นอย่างดี กบก็คาดหวังให้ทุกอย่างในตัวเนื้องานออกมาดีที่สุด และทุกคนก็สนใจในภาพยนตร์ “คนโขน” เรื่องนี้ค่ะ