กรุงเทพฯ--9 ส.ค.--มหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา
เป็นธรรมเนียมปฏิบัติก็ว่าได้สำหรับมหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา ที่เมื่อเทศกาลเข้าพรรษาเวียนมาถึง คณะผู้บริหารจะนำทีมนักศึกษา เดินทางไปถวายเทียนพรรษาและผ้าอาบน้ำฝนแก่พระภิกษุสงฆ์ ที่จำพรรษายังวัดต่างๆ ด้วยหวังที่จะปลูกฝังเมล็ดพันธุ์แห่งการสืบสานพระพุทธศาสนา ให้เติบโตงอกงามอยู่ในหัวใจของเยาวชนคนรุ่นใหม่
นายธีระศักดิ์ ชูเพ็ง หรือ “เดียร์” นักศึกษาชั้นปีที่ 3 โปรแกรมวิชาการพัฒนาชุมชน นายกสโมสรนักศึกษาคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา กล่าวว่า ในช่วงเทศกาลเข้าพรรษา พุทธศาสนิกชนทั้งหลายได้ร่วมกันทำบุญ ซึ่งนักศึกษาเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยกันทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาให้คงอยู่สืบไป เช่นเดียวกับที่ตนและน้องๆ นักศึกษาจำนวน 100 ได้เป็นตัวแทนของมหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา เข้าร่วมพิธีถวายเทียนพรรษา ที่วัดชัยมงคล พระอารามหลวง ทำให้จิตใจอิ่มเอิบไปด้วยผลบุญที่ได้กระทำ และน้องๆ นักศึกษาได้เรียนรู้หลักธรรมและพิธีกรรมทางพุทธศาสนาที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น ในวาระนี้ ก็ขอให้พุทธศาสนิกชนทุกคน ปฏิบัติบูชาด้วย กาย วาจา ใจ ตลอดไตรมาส ตลอดพรรษา
ในขณะที่ นางสาวหนึ่งฤดี โกสีย์ หรือ “แตง” นักศึกษาชั้นปีที่ 1 โปรแกรมวิชาเทคโนโลยีการเกษตร ผลิตสัตว์ คณะเทคโนโลยีการเกษตร มหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา กล่าวว่า ในช่วงเทศกาลเข้าพรรษานี้ ตนได้เข้าร่วมกิจกรรมโดยการถวายเทียนพรรษา ฟังเทศน์ ฟังธรรม เวียนเทียน เพื่อจะได้เป็นสิริมงคลกับชีวิต อีกทั้งปัจจัยไทยธรรมที่นักศึกษานำมาถวายนั้น พระภิกษุสงฆ์จะได้นำไปใช้ตลอดระยะเวลา 3 เดือน ที่จำพรรษา
นายกิตติ แผ่ผล หรือ “กิต” นักศึกษาชั้นปีที่ 1 โปรแกรมวิชารัฐประศาสนศาสตร์ คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ กล่าวว่า เนื่องในเทศกาลเข้าพรรษา บุคคลทั้งหลายไม่ว่าจะเป็นพุทธบริษัท อุบาสก อุบาสิกา ที่มีใจศรัทธาในพระพุทธศาสนา ต่างพากันเข้าวัด ทำบุญ ฟังธรรม และรักษาศีลให้บริบูรณ์
ด้าน นางสาวอัญวรรณ ชุมพลัด หรือ “เมย์” นักศึกษาชั้นปีที่ 1 โปรแกรมวิชาการบัญชี คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา กล่าวว่า ในฐานะที่ตนเป็นพุทธศาสนิกชน ได้เข้าร่วมพิธีทางพุทธศาสนาด้วยการทำบุญ เวียนเทียน และปฏิบัติตนเป็นพุทธศาสนิกชนที่ดี
พระราชวรธรรมโกศล เจ้าอาวาสวัดชัยมงคล พระอารามหลวง จ.สงขลา แสดงปาฐกถาว่า การถวายเทียนพรรษา และเข้าวัด ฟังธรรม จะก่อให้เกิดสิริมงคลแก่ตัวผู้ปฏิบัติ แต่เป็นที่น่าเสียดายว่าลูกหลานในเมืองไทยทุกวันนี้ ไม่ค่อยรัก ไม่ค่อยห่วงศาสนา ต่างจากคนสมัยเก่าที่มีความผูกพันกับวัดอย่างแน่นแฟ้น
จึงอยากฝากไปถึงคนรุ่นใหม่ว่า ประเทศชาติจะเจริญหรือถดถอย ก็อยู่ที่ทุกคนนั่นเอง