กรุงเทพฯ--9 ส.ค.--เดอะ เรด คอมมูนิเคชั่น
เป็นหัวหอกชิงแชร์ตลาด 3,500ล้านบาท พร้อมเปิดตัว ทัช (Touch) เทคโนโลยีใหม่ครั้งแรกของโลก
ตลาดอุปกรณ์เครื่องถ่ายเอกสาร 3,500 ล้าน เดือด ชาร์ป จัดทัพใหม่ยกธุรกิจในกลุ่ม ดีเอส (Document Solution) ขึ้นเป็น บิซิเนส โซลูชั่น (Business Solution) หวังลุยตลาดเต็มตัว ชูผลิตภัณฑ์เครื่องถ่ายเอกสารกลุ่ม สมาร์ท มัลติฟังค์ชั่น เป็นหัวหอกชิงแชร์ตลาดเป็นตัวแรก พร้อมเปิดตัว ทัช (Touch) เทคโนโลยีใหม่ครั้งแรกของโลก และ แคมเปญ “เปิดประสบการณ์การทำงานแบบไร้ขีดจำกัดไปกับชาร์ป บิซิเนส โซลูชั่น” (Work Without Limit by Sharp Business Solution)
มร.ทัตซึยะ มิยากิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชาร์ป ไทยจำกัดกล่าวถึงแนวโน้มการดำเนินธุรกิจของ ชาร์ป และการให้ความสำคัญต่อตลาดในภูมิภาคเอเชียว่า ตลาดเอเชียยังเป็นตลาดที่มีความน่าสนใจสูง เนื่องจากมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากการขยายตัวทางเศรษฐกิจและการลงทุนในแต่ละประเทศ โดยเฉพาะตลาดในกลุ่มประเทศอาเซียนซึ่งได้รับความสนใจเป็นอันดับต้น เนื่องจากมีประเทศในกลุ่มนี้มีจำนวนประชากรรวมกันทั้ง 10 ประเทศ สูงถึง 600 ล้านคนนอกจากนั้นในปี 2558 ประเทศในกลุ่มนี้จะมีการรวมตัวกันเป็น ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (ASEAN Economic Community-AEC) ทำให้ประเทศมีความแข็งแกร่งและการขยายตัวทางด้านเศรษฐกิจในระดับสูงเป็นอันดับต้นของโลก ซึ่งสอดรับกับนโยบายของ ชาร์ป ที่ให้น้ำหนักและความสำคัญกับตลาดในภูมิภาคนี้เพิ่มขึ้น พร้อมทั้งได้มีการปรับโครงสร้างองค์กรและกลุ่มธุรกิจใหม่ อาทิ ในกลุ่ม ดีเอส (Document Solution) มีปรับขยายขึ้นเป็นกลุ่ม บิสซิเนส โซลูชั่น (Business Solution) เพื่อความเหมาะสมกับการดำเนินงานด้านการตลาดและรองรับกับการเติบโตที่จะเพิ่มขึ้นได้ พร้อมกับให้ความสำคัญกับการพัฒนาเทคโนโลยีเฉพาะของ ชาร์ป เพื่อมีการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันอีกด้วย
ด้าน นายสมควร ลิ้มรสสุคนธ์ ผู้ช่วยผู้จัดการทั่วไป กลุ่มบิสซิเนส โซลูชั่นบริษัท ชาร์ป ไทย จำกัดกล่าวถึงทิศทางและนโยบายทางด้านการตลาดของ ชาร์ป ในครึ่งปีหลังว่า จะเน้นในด้านการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มของเครื่องถ่ายเอกสารที่มีการเติบโตเพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 5-8 % มีมูลค่าตลาดรวมในปีที่ผ่านมา (2553) อยู่ที่ประมาณ 3,500 ล้านบาท ส่วนในครึ่งปีแรก 2554 ตลาดมีการเติบโตเพิ่มขึ้นเล็กน้อยประมาณ 3% จากปัจจัยด้านการเมืองของไทยทำให้การดำเนินการของภาครัฐและเอกชนบางส่วนเกิดการชะลอตัว แต่ในส่วนของครึ่งปีหลังคาดว่าตลาดน่าจะขยายตัวได้ดีกว่าครึ่งปีแรก เนื่องจากได้รับอานิสงค์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลใหม่ที่จะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน นอกจากนั้นผลประกอบการของภาคธุรกิจส่วนใหญ่ยังอยู่ในเกณฑ์ดี ซึ่งจะส่งผลดีต่อตลาดให้มีการเติบโตขึ้นด้วย
ดังนั้นเพื่อสร้างศักยภาพใหม่ทางการแข่งขันให้กับกลุ่มผลิตภัณฑ์ของ ชาร์ป จึงได้มีการปรับเปลี่ยนและขยายธุรกิจในบางกลุ่มผลิตภัณฑ์ให้มีความครอบคลุมมากขึ้น โดยในผลิตภัณฑ์กลุ่ม ดีเอส (Document Solution) ซึ่งเดิมมีเพียงผลิตภัณฑ์เฉพาะเครื่องถ่ายเอกสาร และมัลติฟังค์ชั่นได้ปรับขึ้นเป็นกลุ่ม บิซิเนส โซลูชั่น (Business Solution) เพื่อให้ผลิตภัณฑ์มีความคลอบคลุมทั้งในกลุ่มของเครื่องมัลติฟังค์ชั่น โปรเจ็คเตอร์ และอินฟอร์เมชั่นดิสเพลย์ รวมถึงมีการพัฒนาซอฟท์แวร์เพื่อเข้ามาเสริมให้ผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม บิซิเนส โซลูชั่น มีความสามารถในการรองรับการทำงานได้หลากหลายและเต็มประสิทธิภาพมากขึ้น สำหรับกลุ่มผลิตภัณฑ์แรกที่ ชาร์ป จะเน้นในการทำตลาดก่อนคือกลุ่มของเครื่องถ่ายเอกสาร โดยเฉพาะเครื่องถ่ายเอกสารสารสี เนื่องจากที่ผ่านมาเครื่องถ่ายเอกสารสีของ ชาร์ป สามารถเติบโตได้เกือบเท่าตัว ส่วนในกลุ่มเครื่องถ่ายเอกสารแบบมัลติฟังค์ชั่นนั้น สามารถเติบโตได้ประมาณ 4% ใกล้เคียงกับการเติบโตของตลาด แต่สำหรับเครื่องถ่ายเอกสารแบบมัลติฟังค์ชั่นในรุ่นที่มีความเร็วไม่เกิน 20 แผ่น/นาที นั้น ชาร์ป ถือว่าเป็นเจ้าตลาดอันดับ 1 ด้วยส่วนแบ่งตลาดประมาณ20 %
ด้าน นายพงษ์พันธ์ สุระวัฒน์เจริญ ผู้จัดการ ฝ่ายการตลาด กลุ่มบิสซิเนส โซลูชั่นบริษัท ชาร์ป ไทย จำกัด กล่าวถึงกลยุทธ์ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อใช้เป็นจุดเด่นในการแข่งขันของตลาด บิซิเนส โซลูชั่น นั้น จะเน้นที่การพัฒนาเทคโนโลยีเฉพาะของ ชาร์ป ทั้งในส่วนของตัวผลิตภัณฑ์และซอฟต์แวร์ เพื่อสนับสนุนให้การทำงานของผลิตภัณฑ์สามารถตอบสนองการทำงานได้อย่างสมบูรณ์แบบและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ล่าสุด ชาร์ป ได้เปิดตัว ทัช (Touch) เทคโนโลยีใหม่ขึ้นเป็นครั้งแรกของโลก ซึ่งเทคโนโลยี ทัช จะสร้างประสบการณ์การใช้งานใหม่กับผู้ใช้ทุกคน ทั้งในเรื่องวิธีการสั่งการในแบบ Finger Swipe คล้ายกับสั่งงานบน Touch Phone ซึ่งจะช่วยให้การจัดรูปแบบเอกสารได้สะดวกสบายยิ่งขึ้นหรือจะเป็นการสร้าง Personalize Menu ที่หน้าจอสามารถปรับแต่งให้เหมาะกับแต่ละผู้ใช้ได้ ด้วยเหตุนี้ทำให้ ชาร์ป มั่นใจว่าจะสามารถเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดในกลุ่มนี้ได้เพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน
ส่วนกลุ่มเป้าหมายของผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม สมาร์ท มัลติฟังค์ชั่น นั้นจะเป็นกลุ่มลูกค้าประเภทองค์กร ทั้งราชการและเอกชน โดยวางสัดส่วนไว้เท่าๆ กัน ซึ่งกลุ่มของลูกค้าที่เป็นหน่วยงานราชการนั้น จะให้ตัวแทนจำหน่ายของ ชาร์ป เป็นหลักในการทำตลาด แต่ในส่วนของกลุ่มลูกค้าเอกชน ชาร์ป จะใช้ทีมขายตรงในการทำตลาดและแนะนำผลิตภัณฑ์ ด้านกลยุทธ์ในการทำตลาดนั้นจะเน้นในการจัดกิจกรรมสัมมนาและโรดโชว์ (Road Show) ไปทั่วประเทศ เพื่อให้ลูกค้าได้มีประสบการณ์ตรงกับผลิตภัณฑ์ พร้อมทั้งมีการสร้าง Community Online, Website และใช้สื่อ Online Media ต่างๆ เพื่อเป็นการสร้างความสัมพันธ์กับกลุ่มเป้าหมาย และเพื่อรวบรวมข้อมูล เผยแพร่ความรู้ บทความที่เกี่ยวข้องกับเครื่อง การทำงาน และเทคโนโลยีต่างๆ ของ ชาร์ป แก่กลุ่มเป้าหมายอีกด้วย โดยคาดหวังว่าการดำเนินทั้งหมดจะส่งผลให้ ชาร์ป มีการเติบโตในกลุ่มผลิตภัณฑ์นี้ได้เพิ่มขึ้นถึง30% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา
ด้าน นายนที กิตติเดชปรีชา ผู้จัดการฝ่ายผลิตภัณฑ์ บริษัท ชาร์ปไทย จำกัดกล่าวเพิ่มเติมถึงผลิตภัณฑ์ที่จะเปิดตัวสู่ตลาดก่อนคือ เครื่องถ่ายเอกสารเครื่องมัลติฟังค์ชั่นสีรุ่นใหม่รุ่น Aries Series MX-3610N, MX2610N, MX-4111N, MX-5111N ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ตัวแรกที่ใช้เทคโนโลยี ทัช ทำให้ผลิตภัณฑ์ใหม่นี้มีประสิทธิภาพการทำงานมากกว่าเครื่องถ่ายเอกสารมัลติฟังค์ชั่นทั่วไปและกลายเป็น ผลิตภัณฑ์กลุ่มสมาร์ท มัลติฟังค์ชั่น (Smart Multifunction) ที่ถือว่าเป็นกลุ่มใหม่ของผลิตภัณฑ์ประเภทนี้ นอกจากนั้นในผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่นี้ยังมีหน้าจอคำสั่งขนาดใหญ่ถึง 10.1 นิ้วแบบใหม่ เป็นระบบ Touch Screen มีรูปแบบการสั่งการคล้ายกับ Smartphone สามารถปรับแต่งหน้าจอเลือกฟังก์ชั่นที่ต้องการใช้งานบ่อย (Favorite key) ได้ให้เหมาะสมกับผู้ใช้ได้ง่ายขึ้น พร้อมรองรับการเชื่อมต่อกับ Internet สามารถเข้าเว็บต่างๆผ่านทางหน้าจอได้ และยังลดการใช้พลังงานลงได้ถึง 70% (เมื่อเทียบกับรุ่นก่อน)