กรุงเทพฯ--9 ส.ค.--ปภ.
กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย รายงานอิทธิพลของพายุโซนร้อนนกเตน ส่งผลให้เกิดสถานการณ์อุทกภัยรวม 21 จังหวัด 155 อำเภอ 893 ตำบล 6,809 หมู่บ้าน ราษฎรเดือดร้อน 339,148 ครัวเรือน 1,139,990 คน บ้านเรือนเสียหายบางส่วน 217 หลัง พื้นที่การเกษตรเสียหาย 619,723 ไร่ ผู้เสียชีวิต 20 ราย ผู้สูญหาย 1 คน ผู้บาดเจ็บ 11 คน ขณะนี้สถานการณ์คลี่คลายแล้วอยู่ระหว่างการฟื้นฟู 13 จังหวัด ได้แก่ น่าน ลำพูน ลำปาง เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน เพชรบูรณ์ เลย หนองคาย นครพนม อุดรธานี บึงกาฬ สกลนคร และประจวบคีรีขันธ์ ยังคงมีสถานการณ์อุทกภัยทั้งสิ้น 8 จังหวัด 51 อำเภอ 302 ตำบล 2,095 หมู่บ้าน ราษฎรเดือดร้อน 101,404 ครัวเรือน 220,913 คน
นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กล่าวว่า ภาวะฝนตกหนักจากอิทธิพลของพายุโซนร้อนนกเตน
ส่งผลให้จังหวัดประกาศเป็นพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วม รวม 21 จังหวัด 155 อำเภอ 893 ตำบล 6,809 หมู่บ้าน ราษฎรเดือดร้อน 339,148 ครัวเรือน 1,139,990 คน บ้านเรือนเสียหายบางส่วน 217 หลัง พื้นที่การเกษตรเสียหาย 619,723 ไร่ ถนน 1,085 สาย ฝาย/ทำนบ 20 แห่ง สะพาน 72 แห่ง ได้แก่ จังหวัดแพร่ เชียงใหม่ สุโขทัย น่าน ลำพูน ลำปาง แม่ฮ่องสอน อุตรดิตถ์ พิจิตร พิษณุโลก ตาก นครสวรรค์ นครพนม อุดรธานี หนองคาย บึงกาฬ สกลนคร เลย เพชรบูรณ์ ประจวบคีรีขันธ์ และพระนครศรีอยุธยา ผู้เสียชีวิต 20 ราย ผู้สูญหาย 1 คน ขณะนี้สถานการณ์คลี่คลายแล้วอยู่ระหว่างการฟื้นฟู 13 จังหวัด ได้แก่ น่าน ลำพูน ลำปาง เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน เพชรบูรณ์ เลย หนองคาย นครพนม อุดรธานี บึงกาฬ สกลนคร และประจวบคีรีขันธ์ ยังคงมีสถานการณ์อุทกภัยทั้งสิ้น 8 จังหวัด 51 อำเภอ 302 ตำบล 2,095 หมู่บ้าน ราษฎรเดือดร้อน 101,404 ครัวเรือน 220,913 คน ดังนี้
แพร่ ลำน้ำสาขาของแม่น้ำยม ลำห้วยแม่ยาง ลำห้วยแม่หล่าย ลำห้วยแม่แคม ไหลเข้าท่วมพื้นที่ 8 อำเภอ 78 ตำบล637 หมู่บ้าน ราษฎรเดือดร้อน 20,395 ครัวเรือน 70,647 คน ผู้เสียชีวิต 6 ราย ปัจจุบันยังคงมีน้ำท่วมขังในพื้นที่อำเภอวังชิ้น
สุโขทัย เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ 9 อำเภอ 61 ตำบล 397 หมู่บ้าน ราษฎรเดือดร้อน 18,833 ครัวเรือน 56,152 คนพื้นที่การเกษตรได้รับความเสียหาย 136,651 ไร่ ผู้เสียชีวิต 2 ราย ได้แก่ อำเภอเมืองสุโขทัย ศรีสัชนาลัย สวรรคโลกศรีสำโรง กงไกรลาศ ด่านลานหอย ศรีนคร ทุ่งเสลี่ยม และคีรีมาศอุตรดิตถ์ น้ำป่าจากภูเขาไหลลงสู่ห้วยน้ำพี้ เอ่อล้นเข้าท่วมบ้านเรือนในพื้นที่ 9 อำเภอ 60 ตำบล 383 หมู่บ้าน
ราษฎรเดือดร้อน 25,328 ครัวเรือน 71,654 คน พื้นที่การเกษตรเสียหาย 34,078 ไร่ ปัจจุบันยังคงมีน้ำท่วมขังในพื้นที่อำเภอพิชัย
พิจิตร น้ำในลุ่มน้ำยมไหลเข้าท่วมพื้นที่การเกษตรในพื้นที่ 5 อำเภอ 8 ตำบล 120 หมู่บ้าน ราษฎรเดือดร้อน 4,591 ครัวเรือน 12,687 คน ได้แก่ อำเภอเมืองพิจิตร สามง่าม ตะพานหิน บางมูลนาก และบึงนารางพิษณุโลก น้ำในลำน้ำเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่การเกษตรในพื้นที่ 3 อำเภอ 28 ตำบล 240 หมู่บ้าน ได้แก่
อำเภอเมืองพิษณุโลก นครไทย และชาติตระการ ระดับน้ำแนวโน้มสูงขึ้น
ตาก น้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่ 9 อำเภอ 49 ตำบล 299 หมู่บ้าน ปัจจุบันยังคงมีน้ำท่วมขังในอำเภอบ้านตาก และสามเงา
นครสวรรค์ น้ำจากแม่น้ำน่าน แม่น้ำยม เอ่อล้นเข้าท่วมในอำเภอชุมแสง 2 ตำบล 13 หมู่บ้าน พื้นที่การเกษตรเสียหาย 5,291 ไร่ ระดับน้ำมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น
พระนครศรีอยุธยา น้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่ 8 อำเภอ 65 ตำบล 305 หมู่บ้าน
ราษฎรเดือดร้อน 9,773 ครัวเรือน 32,257 คน ได้แก่ อำเภอเมืองพระนครศรีอยุธยา ผักไห่ บางปะหัน บางไทร บางปะอิน เสนา บางบาล และนครหลวง
นอกจากนี้ น้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาได้ไหลเข้าสู่คลองระบายน้ำน้อย 5 ทำให้เกิดน้ำท่วมพื้นที่อำเภอไชโย จังหวัดอ่างทอง
สำหรับการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย โดยศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขตและสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดที่ประสบภัยได้ประสานความร่วมมือกับจังหวัด อำเภอ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ประสบภัย จัดส่งเรือท้องแบน 65 ลำ เรือไฟเบอร์ 90 ลำ พร้อมเครื่องยนต์ 30 เครื่อง ถุงยังชีพ 5,477 ถุง น้ำดื่ม 2,500 ขวด พร้อมเจ้าหน้าที่ 35 นาย สนับสนุนการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยโดยด่วนแล้ว เพื่อให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยตามระเบียบกระทรวงการคลังฯ สุดท้ายนี้ หากประชาชนได้รับความเดือดร้อนจากอุทกภัย สามารถติดต่อขอความช่วยเหลือทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมงเพื่อประสานและให้ความช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป