กรุงเทพฯ--9 ส.ค.--IR network
บมจ.น้ำตาลครบุรี หรือ KBS โชว์ผลประกอบการไตรมาส 3/54 แข็งแกร่ง มีกำไรสุทธิ 423.74 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 908% จากปีก่อน ส่วนงวด 9 เดือนมีกำไรสุทธิ 689.72 ล้านบาท แจงเป็นผลมาจากการปรับปรุงกระบวนการผลิตให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นผนวกกับปริมาณอ้อยเพิ่มขึ้น และราคาขายเฉลี่ยนํ้าตาลต่างประเทศปรับเพิ่มขึ้นกว่า 24% อีกทั้งมีรายได้จากการจำหน่ายไฟฟ้ามากขึ้น ด้านผู้บริหารKBS วางเป้าหมายปีนี้รายได้รวมเติบโตไม่ต่ำกว่า 30% จากแนวโน้มอุตสาหกรรมที่ยังขยายตัวต่อเนื่อง
นายถกล ถวิลเติมทรัพย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท น้ำตาลครบุรี จำกัด (มหาชน) (KBS) เปิดเผยถึงผลประกอบการไตรมาส 3/2554 สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2554 ปรากฏว่าได้พลิกเป็นกำไรสุทธิ 423.74 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการขยายตัวถึงร้อยละ 908.76% เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันในปีก่อนที่มีผลขาดทุนสุทธิ 52.39 ล้านบาท ส่วนงวด 9 เดือนมีกำไรสุทธิ 689.72 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 390.31 เมื่อเปรียบเทียบกับงวด 9 เดือนของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิเพียง 140.67 ล้านบาท
สาเหตุที่ทำให้ KBS มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่นเนื่องจาก บริษัทฯ ได้ปรับปรุงกระบวนการผลิตให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ทำให้มีการประหยัดค่าใช้จ่ายในการ ผลิต และทำให้บริษัทฯ มีรายได้จากการจำหน่ายไฟฟ้ามากยิ่งขึ้น ขณะเดียวกันในไตรมาส 3/2553 บริษัทฯ รับรู้ผลขาดทุนจากการเข้าทำสัญญาอนุพันธ์นํ้าตาล เพื่อลดความเสี่ยงจากความผันผวนของ ราคานํ้าตาลในตลาดโลกจำนวน 82.23 ล้านบาท แต่สำหรับในไตรมาส 3/2554 บริษัทฯ ไม่มีผลกระทบเกิดขึ้นแต่อย่างใด
นอกจากนี้ เป็นผลมาจากปริมาณอ้อยทั่วประเทศในปีนี้มีมากกว่าปีก่อน (จำนวนอ้อยทั่วประเทศในปีก่อนเท่ากับ 68.5 ล้านตัน ขณะที่ตามข้อมูลของฝ่ายสารสนเทศ สำนักงานคณะกรรมการอ้อยและนํ้าตาลเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2554 ระบุว่าปีนี้อ้อยทั่วประเทศ 95.36 ล้านตัน) ทำให้มีการแข่งขันซื้ออ้อยระหว่างโรงงานน้อยลง ทำให้ค่าใช้จ่ายในการ จัดหาอ้อยลดลงมากในงวดนี้ ขณะเดียวกันราคาขายน้ำตาลก็ปรับตัวเพิ่มขึ้นด้วย โดยราคาขายเฉลี่ยนํ้าตาลต่างประเทศปรับเพิ่มขึ้นร้อยละ 24
“ผลประกอบการในไตรมาส 3/2554 ถือเป็นผลประกอบการที่สูงสุดนับแต่ก่อตั้ง KBS มา ซึ่งสาเหตุหลักก็เป็นผลมาจากการทุ่มเทให้กับการทำงานอย่างเต็มที่ของทีมงาน KBS ทุกๆ คน ผนวกกับที่ผ่านมาเราได้มีการปรับปรุงกระบวนการผลิตให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นทำให้สามารถผลิตน้ำตาลได้มากขึ้นขึ้น ผนวกกับรอบปี 2554 ประเทศไทยมีปริมาณอ้อยเข้าหีบมากขึ้นและราคาน้ำตาลในตลาดโลกเพิ่มขึ้น ล้วนแล้วแต่เป็นปัจจัยบวกหนุน KBS ทั้งสิ้น และสำหรับแนวโน้มของผลประกอบการในปี 2554 คาดว่าจะมีอัตราการขยายตัวต่อเนื่องได้ โดยวางเป้าหมายเบื้องต้นคาดว่ารายได้รวมจะมีอัตราการเติบโตไม่ต่ำกว่าร้อยละ 30”นายถกล กล่าวในที่สุด