กรุงเทพฯ--9 ส.ค.--พม.
พม.จัดพิธีมอบเครื่องราชอิสริยาภรณ์ อันเป็นที่สรรเสริญยิ่งดิเรกคุณาภรณ์แก่ผู้กระทำความดีความชอบ อันเป็นประโยชน์แก่ประเทศ ศาสนา และประชาชน ประจำปี ๒๕๕๓
กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จัดพิธีมอบเครื่องราชอิสริยาภรณ์ อันเป็นที่สรรเสริญยิ่งดิเรกคุณาภรณ์ให้แก่ผู้กระทำความดีความชอบ อันเป็นประโยชน์แก่ประเทศ ศาสนา และประชาชน ประจำปี ๒๕๕๓ เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจตลอดจนเป็นตัวอย่างแก่บุคคลทั่วไปที่อุทิศตนทำงานเพื่อสังคมและประเทศชาติ โดยมี นางนภา เศรษฐกร รองปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เป็นประธานในวันจันทร์ที่ ๘ สิงหาคม ๒๕๕๔ เวลา ๑๑.๐๐ น. ณ ห้องปริ๊นซ์บอลรูม ๓ โรงแรมปริ๊นซ์พาเลซ มหานาค กรุงเทพฯ
นางนภา เศรษฐกร รองปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กล่าวว่า กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ ได้พิจารณาเสนอขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ฯ ให้แก่ผู้กระทำความดี ความชอบอันเป็นประโยชน์แก่สังคมประเทศชาติ ศาสนา และประชาชน จากหน่วยงานภาครัฐและองค์กรเอกชนต่างๆ โดยเฉพาะผู้กระทำคุณประโยชน์ซึ่งมีผลการปฏิบัติงานด้านการพัฒนาสังคม การจัดสวัสดิการ และการบริจาคทรัพย์สิน ตามหลักเกณฑ์พระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ อันเป็นที่สรรเสริญยิ่งดิเรกคุณาภรณ์ พ.ศ.๒๕๓๘ (แก้ไขเพิ่มเติม) พระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ อันเป็นที่สรรเสริญยิ่งดิเรกคุณาภรณ์ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ.๒๕๔๙ โดยดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี ทั้งนี้ เพื่อเป็นขวัญกำลังใจแก่บุคคลที่ทำคุณประโยชน์ดังกล่าว ตลอดจนเป็นตัวอย่างแก่บุคคลทั่วไปที่ทำงานเสียสละเพื่อสังคม
สำหรับในปี พ.ศ.๒๕๕๓ มีผู้ได้รับการพิจารณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ เนื่องในวโรกาสพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษาฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในวันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๕๓ จำนวน ๖๔ ราย จาก ๑๙ หน่วยงาน โดยแบ่งออกเป็นการบริจาคทรัพย์สินและผลการปฏิบัติงาน ประกอบด้วย ชั้นตติยดิเรก คุณาภรณ์ จำนวน ๒ ราย ชั้นจตุตถดิเรกคุณาภรณ์ จำนวน ๒ ราย ชั้นเบญจมดิเรกคุณาภรณ์ จำนวน ๙ ราย ชั้นเหรียญทองดิเรกคุณาภรณ์ จำนวน ๒๓ ราย และชั้นเหรียญเงินดิเรกคุณาภรณ์ จำนวน ๒๘ ราย
“การพัฒนาสังคมและการจัดสวัสดิการสังคม เพื่อสร้างความมั่นคงของมนุษย์ให้เกิดขึ้นในสังคม เป็นงานที่ต้องดำเนินการให้ทันต่อสถานการณ์ ตามลักษณะของปัญหาที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว จึงมีความจำเป็นที่จะต้องช่วยกันระดมสรรพกำลังในการดำเนินงานให้เพิ่มขึ้นอย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง คุณงามความดีที่กระทำให้กับสังคมและประเทศชาติ จนเป็นที่ประจักษ์และได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ฯ นับเป็นเกียรติแก่ตนเองและวงศ์ตระกูล ซึ่งจะเป็นพลังกาย พลังใจในการทำงานร่วมกันเพื่อสร้างสรรค์สิ่งดีๆ อันก่อให้เกิดประโยชน์ต่อสังคมและประเทศชาติต่อไป” นางนภา กล่าว.