กรุงเทพฯ--17 พ.ย.--สปินเลอร์ แอนด์ แอสโซซิเอทส์
นายศัลยา สุคนธทรัพย์ ผู้จัดการฝ่ายราคาการตลาดขายปลีก บริษัท เชลล์แห่งประเทศไทยจำกัด เปิดเผยถึงสถานการณ์น้ำมันในปัจจุบันว่า จากปัญหาความตึงเครียดของสถานการณ์นิวเคลียร์ในประเทศอิหร่าน รวมทั้งข่าวที่ โอเปคจะไม่พิจารณาเพิ่มการผลิตน้ำมันดิบในการประชุมสัปดาห์นี้เนื่องจากอุปทานน้ำมันดิบมีเพียงพอ และอากาศที่หนาวเย็นทำให้มีการใช้น้ำมันเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ยังแกว่งตัวอยู่ในระดับสูงกว่า 93 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล
ราคาน้ำมันสำเร็จรูปที่ตลาดสิงคโปร์ โดยเฉพาะเบนซิน 95 ยังสูงถึง 98.49 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ส่งผลให้ค่าการตลาดเหลือเพียง 64 สตางค์ต่อลิตร ส่วนน้ำมันดีเซลปิดอยู่ที่ 104.21 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ค่าการตลาดอยู่ที่ 76 สตางค์ต่อลิตร ซึ่งเป็นระดับค่าการตลาดที่ต่ำกว่าที่ควรจะเป็น 1.50 บาท นอกจากนี้ การปรับราคาขายปลีกที่ผ่านมายังไม่สามารถชดเชยต้นทุนการดำเนินการที่ติดลบอยู่ได้ เนื่องจากบริษัทผู้ค้าน้ำมันได้แบกภาระต้นทุนน้ำมันทึ่สูงมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้เพื่อแบ่งเบาภาระประชาชน ทำให้บริษัทฯ ขาดทุนสะสมต่อเนื่องรวมทุกผลิตภัณฑ์ ตั้งแต่ต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา คิดเป็นมูลค่าถึง 300 ล้านบาท
บริษัทฯ จึง มีความจำเป็นที่จะต้องปรับราคาน้ำมันขายปลีกเฉพาะน้ำมันเบนซิน 95 ขึ้นอีก 30 สตางค์ต่อลิตร ส่งผลให้ราคาน้ำมันเบนซิน 95 อยู่ที่ 32.49 บาทต่อลิตร และน้ำมันดีเซลขึ้นอีก 20 สตางค์ต่อลิตร ส่งผลให้ราคาดีเซลอยู่ที่ 29.14 บาทต่อลิตร โดยจะมีผลตั้งแต่ วันเสาร์ที่ 17 พฤศจิกายน 2550 เวลา 05.00 น. เป็นต้นไป สำหรับราคาน้ำมันประเภทอื่นๆ บริษัทฯ ยังคงตรึงไว้ที่ระดับราคาเดิม
ในสถานการณ์เช่นนี้ เพื่อเป็นการสนองนโยบายของรัฐบาล บริษัทฯ ขอเชิญชวนให้ประชาชนหันมาใช้พลังงานทางเลือกที่ถูกกว่า และคุ้มค่ากว่า โดยการเติมน้ำมัน เชลล์ แก๊สโซฮอล์ 95 ซึ่งประหยัดกว่าเบนซิน 95 ถึง 4 บาทต่อลิตร
รายละเอียดเพิ่มเติม โปรดติดต่อ:
บริษัท สปินเลอร์ แอนด์ แอสโซซิเอทส์ จำกัด
เพียรผจง ทัพวนานต์, ณัฐธิรา อินต๊ะอุด
0-2241-1616, 0-2241-0088