กรุงเทพฯ--15 ส.ค.--ปภ.
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย สั่งจังหวัดจัดเจ้าหน้าที่ติดตาม ประเมินวิเคราะห์สภาวะอากาศ สถานการณ์น้ำตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมระดมมิสเตอร์เตือนภัยประจำหมู่บ้านเสี่ยงภัยกว่า 1.9 หมื่นคน เฝ้าระวังสถานการณ์ภัยในพื้นที่อย่างใกล้ชิด เพื่อเตรียมรับมือภัยพิบัติรุนแรงในช่วงฤดูฝนนี้
นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบสภาพอากาศ คาดว่าในปีนี้อาจจะมีพายุเคลื่อนตัวผ่านประเทศไทยอีกหลายลูก ส่งผลให้ปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยสูงกว่าค่าปกติ ทำให้พื้นที่เสี่ยงภัย โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาซึ่งดินชุ่มน้ำอยู่แล้ว อาจไม่สามารถอุ้มน้ำไว้ได้และพังถล่มลงมา รวมถึงพื้นที่ราบลุ่ม ริมฝั่งแม่น้ำที่กำลังเกิดภาวะน้ำล้นตลิ่งในขณะนี้ ก็อาจได้รับผลกระทบที่ขยายวงกว้างและรุนแรงมากขึ้น กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จึงได้สั่งกำชับจังหวัดจัดเจ้าหน้าที่ประจำศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจฯ ปฏิบัติหน้าที่เป็นฝ่ายเฝ้าระวังและแจ้งเตือนภัย โดยติดตาม ประเมินวิเคราะห์สภาวะอากาศ สถานการณ์น้ำตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อให้สามารถระบุพื้นที่เสี่ยงภัย ได้ชัดเจนและแจ้งเตือนภัยได้อย่างรวดเร็ว พร้อมทั้งได้สั่งการให้มิสเตอร์เตือนภัยประจำหมู่บ้านเสี่ยงภัย รวม 19,469 คน ประสานการดำเนินงานกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายเฝ้าระวังและแจ้งเตือนภัยของจังหวัด รวมถึงติดตามเฝ้าระวังสถานการณ์ภัยในพื้นที่อย่างใกล้ชิด โดยตรวจสอบปริมาณน้ำฝน ระดับน้ำในแม่น้ำและแหล่งน้ำสำคัญในพื้นที่ สังเกตสัญญาณความเปลี่ยนแปลง ทางธรรมชาติก่อนเกิดภัย ตลอดจนประสานรายงานสถานการณ์ภัยกับจังหวัด หากมีฝนตกหนักในพื้นที่ ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง หรือพบสิ่งบอกเหตุก่อนเกิดภัยพิบัติ ให้รีบแจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่เตรียมการอพยพและประสานแจ้ง ศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจฯ จังหวัดทราบโดยเร็ว เพื่อดำเนินการช่วยเหลือในทันที กรณีเกิดสถานการณ์ภัยในพื้นที่ให้มิสเตอร์เตือนภัยทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการประสาน อำนวยความสะดวกในการอพยพและช่วยเหลือผู้ประสบภัย
“ ..มั่นใจว่ามิสเตอร์เตือนภัยเหล่านี้จะเป็นเครือข่ายป้องกันภัยที่สำคัญในระดับพื้นที่ ทำให้การประสานแจ้งเตือนภัยและการช่วยเหลืออพยพประชาชนเป็นไปด้วยความรวดเร็ว ซึ่งจะช่วยลดความสูญเสียชีวิตและทรัยพ์สินจากสถานการณ์ภัยในช่วงฤดูฝน..” อธิบดี ปภ. กล่าว