กรุงเทพฯ--15 ส.ค.--สหมงคลฟิล์ม
บทบาท-คาแร็คเตอร์
ในเรื่องผมรับบทเป็น “ครูหยด” เป็นครูโขนในเรื่องครับ จะเป็นครูโขนที่มีความสมถะ เรียบง่าย ไม่หวงวิชา จะถ่ายทอดวิชาโขนให้ลูกศิษย์เพื่อการดำรงอยู่ของศิลปะวัฒนธรรมไทย ตัวครูหยดจะถือว่าการถ่ายทอดศิลปะของตัวเอง แม้จะมีคนดูเพียงคนเดียวก็ต้องเล่น แล้วถ้ายิ่งคนที่ดูเพียงคนเดียวนั้นนำไปพูดเผยแพร่ต่อ เราก็ถือว่าเป็นคุณค่าของศิลปะนี้แล้ว มีประโยชน์แล้ว ซึ่งจะต่างจากตัวละคร “ครูเสก” ของคุณนิรุตติ์ที่ความคิดแตกต่างกันคนละขั้วไปเลย ครูหยดจะซื่อสัตย์ต่อหน้าที่อาชีพโขน เสียสละ ไม่มักใหญ่ใฝ่สูง ใครจะคิดยังไงก็คิดไป แต่ตัวเองแค่อยากเผยแพร่วัฒนธรรม แล้วก็เล่นโขนด้วยหัวใจด้วยความสุข ต้องเต็มที่กับงานแสดง
เรื่องราว “คนโขน”
จริงๆ แล้ว โขนก็เป็นศิลปะวัฒนธรรมไทยที่มีมาหลายร้อยปีแล้ว เป็นวัฒนธรรมคู่บ้านคู่เมืองเลยก็ว่าได้ สมัยผมเป็นเด็กเมื่อ 50 ปีก่อนก็ดูโขนนะ งานวัดงานวาก็จะมีโขนกับลิเกเล่นคู่กัน แต่โขนมันจะเป็นงานที่ใหญ่มาก เป็นเรื่องรามเกียรติ์ ตัวละครเยอะ ก็จะอิงส่วนโขนมาประกอบในหนังเรื่องนี้อย่างสวยงามด้วย ในตัวเนื้อเรื่องก็จะเป็นเรื่องรักโลภโกรธหลงตัณหาราคะแก่งแย่งชิงดีกันของตัวละคร ซึ่งก็จะมีโขนฝ่ายครูหยดที่เป็นฝ่ายดี และโขนครูเสกที่เป็นฝ่ายร้ายคอยกลั่นแกล้งอีกฝ่ายอยู่ตลอด งานเล็กๆ ก็จะไม่เล่น จะคอยมาแย่งครูหยดเล่นงานใหญ่ๆ เพื่อให้ได้ชื่อเสียงเงินทองต่างๆ นานา แต่ครูหยดจะไม่คิดอย่างนั้น แต่จะเล่นด้วยใจ ไม่สนว่าใครจะกลั่นแกล้ง มีความเป็นศิลปินจริงๆ แล้วก็มีรุ่นเด็กๆ ที่เป็นลูกศิษย์ รุ่นนี้ก็จะมีเรื่องรักๆ ใคร่ๆ ดำเนินไปท่ามกลางบรรยากาศของโขน ก็จะมีเรื่องราวต่างๆ ตามมาอีกเยอะแยะครับ น่าติดตามและสนุกทีเดียว เพราะในท้องตลาดไม่มีใครนำเสนอแนวนี้ มีความเป็นหนังไทยมากๆ
การทำงานร่วมกับผู้กำกับ
คุณตั้ว ศรัณยูเป็นคนที่ทำงานละเอียดมากๆ ครับ ด้วยชื่อชั้นและฝีมือของแกก็ไม่ยอมให้ผ่านง่ายๆ เลยครับ เพราะแกเป็นนักแสดงฝีมือดี พอมากำกับถ้าปล่อยงานออกมาไม่ดีก็ไม่ได้ เพราะฉะนั้นหนัง “คนโขน” เนี่ย จะสื่อความเป็นตัวตนของศรัณยูออกมาเลย คิดอย่างไรรู้สึกอย่างไรก็จะถ่ายทอดออกมาเลยครับ ผมเชื่อเลยว่าหนังเรื่องนี้จะออกมาดี แต่จะชอบหรือไม่ชอบกันก็แล้วแต่ความคิดเห็นของผู้ชมเลยครับ
การร่วมงานกับพระเอกใหม่เป็นอย่างไรบ้าง
ก็ถือว่ามาแนวแปลกเลย เพราะผมก็เล่นกับเด็กวัยรุ่นมาเยอะแยะส่วนใหญ่จะเป็นเกาหลี เป็นแนวอะไรก็ว่าไป แต่เด็กคนนี้มีความเป็นไทย 100 % เลยทีเดียว อยากจะถ่ายทอดอะไรที่เป็นไทยๆ ยิ่งตอนนี้เรียนเกี่ยวกับนาฏศิลป์ไทยอยู่ด้วย ก็มาถูกทางเลยครับในเรื่องนี้ เพราะเอาสิ่งที่ได้ร่ำเรียนมาถ่ายทอดลงบนแผ่นฟิล์มก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ดีเลยครับ ส่วนเรื่องการแสดงนี่ก็ถือว่าใช้ได้เลยนะครับ แม้จะเป็นเรื่องแรกของเขาก็ตาม ถือว่าไว้ใจได้
มีฉากปะทะอารมณ์ที่ต้องแสดงร่วมกันกับพระเอกใหม่ ฉากนี้เป็นอย่างไร
ฉากนี้เป็นฉากที่อารมณ์ค่อนข้างแรงเหมือนกันครับ เป็นตอนที่ชาด ลูกศิษย์เค้ามาขอโทษในเรื่องบางอย่าง แต่ผมก็ไล่เขาไป ออกแรงถีบเค้าไป แล้วตัวผมเองก็ลื่นล้มไปโดนฉากที่มันกั้นอยู่ ซึ่งตามบทจริงๆ ก็ไม่ได้มีเขียนบอกว่าต้องถึงกับขนาดนี้ พอเตะเค้าไป ตัวเราก็กระเด็นอย่างเร็วล้มตึงไปเลย ด้วยน้ำหนักตัวเรามาก กระดูกเราเปราะ มันก็เสี่ยงอยู่เหมือนกัน พอมาคิดดูแล้วถ้าวันนั้นล้มลงไปแล้วกระดูกหักไปเนี่ย ผมต้องพักเป็นปีเลย จริงๆ ก็ไม่คิดว่ามันจะแรงขนาดนี้ แต่ด้วยอารมณ์ตอนแสดงมันส่งมันก็เลยออกมายิ่งกว่าที่คาดไว้อีกครับ แต่สุดท้ายดีที่ไม่เป็นอะไรครับ ปลอดภัยดี บุญคุ้ม แต่ก็ไม่น่าเสี่ยงนะครับ มันอันตรายเกินไป
การร่วมงานกับ “กบ พิมลรัตน์” ที่แสดงเป็นภรรยาสาว
กบก็เป็นนักแสดงที่เก่งนะครับ ร่วมงานกันก็รู้ว่าเป็นคนเก่งคนนึงเลย แสดงได้เนียน ดูแล้วเชื่อได้เลย แล้วเราพูดคุยเสนอแนะอะไรไปก็ยอมรับฟังแล้วนำไปประยุกต์ใช้ อย่างเราแนะไปว่าฉากนี้ๆ ต้องเล่นอารมณ์ สื่ออกมาทางดวงตานะ ให้คนดูเชื่อถือ และก็หลงรักกบนะ ซึ่งเค้าก็ทำได้ดีเลยล่ะครับ
การประชันบทบาทกับ “อาหนิง นิรุตติ์” ในเรื่องนี้เป็นยังไงบ้าง
ก็ดีครับ คุณนิรุตติ์แกมืออาชีพไว้ใจเชื่อมือได้อยู่แล้ว เราสองคนก็เล่นเป็นฝ่ายตรงข้ามกัน ผมเองตามคาแร็คเตอร์ครูหยดก็จะเป็นคนนิ่งๆ ออกสมถะ ใครจะทำอะไรก็ทำไป ไม่ยินดียินร้าย ส่วนตัวนิรุตติ์เลานเป็นครูเสกก็จะคอยยั่วอารมณ์เราตลอดเวลา แต่เราก็ไม่ไปสนใจ มีความสุขในสิ่งที่ตัวเองทำ แค่นี้ก็น่าพอใจแล้ว คติอันนี้ก็นำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้เลย คุณจะเด่นจะดังจะร่ำจะรวยก็เรื่องของคุณ ผมเองก็มีความสุขง่ายๆ ในสิ่งที่ผมทำอะไรอย่างนี้นะครับ คนเรามันเลือกความสุขได้ด้วยตัวเอง การทำงานกับนิรุตติ์ก็ไม่มีปัญหาอะไรเพราะทำงานกันมานานนะครับ ทำตามหน้าที่ตัวเองให้ดีที่สุดเท่านี้พอแล้วครับ
ความน่าสนใจโดยรวม
ตอนแรกผมก็ถามคุณตั้วนะว่าคิดยังไงจับเรื่องโขนมาทำ ไม่คิดว่ามันจะถ่ายทอดออกมาเป็นหนังได้นะ เอามาปะติดปะต่อกันได้ไง เรื่องโขนรามเกียรติ์พระลักษณ์พระรามนางสีดา จะเอามาเกี่ยวข้องกับการแสดงในเรื่องนี้ได้ยังไง แต่คนเขียนบทกับผู้กำกับก็คุณตั้วคนเดียวกันนี่แหละ เค้าเก่ง สามารถจับเรื่องโขนที่หลายคนคิดว่าน่าเบื่อ เอามาประยุกต์ใส่ไว้ในเรื่องราวปัจจุบันที่เป็นชีวิตมนุษย์ที่มีทั้งรักโลภโกรธหลงตัณหาราคะ มีปัญหาชีวิตด้วยกันทั้งนั้นทั้งในเรื่องโขนเรื่องชีวิตของตัวละครก็เชื่อมโยงสอดคล้องกันไปได้ดี ก็หยิบจับเอามาถักร้อยจนเป็นเนื้อเดียวกันได้ดีเลย เค้าก็เข้าใจคิดนะ เพราะส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีเรื่องราวของโขนออกมาให้เห็นในหนังเลยนะ เรื่องการแสดงก็น่าสนใจทั้งรุ่นใหญ่รุ่นเล็ก เรื่องนี้จะว่าไปก็เป็นชีวิตคนธรรมดานี่แหละแต่ดำเนินไปในอาชีพของคนโขนนั่นเอง น่าติดตามมากๆ ครับ