กรุงเทพฯ--16 ส.ค.--อินทิเกรเต็ด คอมมูนิเคชั่น
แนวโน้มการค้าเกษตรอินทรีย์ทั่วโลกที่เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว สอดรับกับกระแสความตื่นตัวเรื่องสุขอนามัย และการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม กระตุ้นให้ผู้คนหันมาเลือกบริโภคอาหารที่ปลอดภัยต่อสุขภาพมากขึ้น แม้จะมีราคาจำหน่ายสูงกว่าราคาสินค้าโดยทั่วไป ส่งผลให้การค้าเกษตรอินทรีย์ขยายตัวอย่างก้าวกระโดดตามไปด้วย
นายยรรยง พวงราช ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงมูลค่าตลาดรวมสินค้าอินทรีย์ทั่วโลกในปี 2553 ว่ามีมูลค่าสูงถึง 54,900 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยมีตลาดหลักอยู่ในสหภาพยุโรป สหรัฐอเมริกา เยอรมนี ฝรั่งเศส ส่วนตลาดรอง คือ ญี่ปุ่น สิงคโปร์และจีน ทั้งนี้ ไม่เพียงตลาดต่างประเทศเท่านั้นที่ขยายตัว เพราะปัจจุบันผู้บริโภคชาวไทยก็หันมาบริโภคอาหารสะอาด ปลอดภัยกันมากขึ้น โดยคาดว่าตลาดสินค้าอินทรีย์ในประเทศจะมีอัตราเติบโตร้อยละ 10 หรือคิดเป็นมูลค่าประมาณ 132 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ภายในปี 2554
จากแนวโน้มความต้องการสินค้าอินทรีย์ที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง นับเป็นโอกาสทางการค้าสำหรับประเทศที่มีศักยภาพด้านการผลิตและการทำตลาด กระทรวงพาณิชย์ ในฐานะหน่วยงานหลักในการส่งเสริมและพัฒนาตลาดสินค้าอินทรีย์ ภายใต้ยุทธศาสตร์การค้าไทย : สร้างภูมิคุ้มกันด้านการค้าจากผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและวิกฤติภาวะโลกร้อน จึงได้เร่งดำเนินกลยุทธ์ขับเคลื่อนตลาดสินค้าอินทรีย์ ผ่านแนวทางพัฒนาผู้ประกอบการด้านสินค้าอินทรีย์ สร้างสิ่งอำนวยความสะดวกทางการค้า สนับสนุนการรับรองมาตรฐานให้ทัดเทียมมาตฐานสากล ตลอดจนการจัดกิจกรรมส่งเสริมตลาดสินค้าอินทรีย์ไทยทั้งในและต่างประเทศ
กิจกรรมส่งเสริมการตลาดสินค้าอินทรีย์ในประเทศ ได้แก่ การจัดงานรวมพลคนอินทรีย์เพื่อเชื่อมโยงผู้ผลิตและตลาดสินค้าอินทรีย์จากทั่วประเทศ การเข้าร่วมจัดนิทรรศการ “ออร์แกนิก พาวิลเลี่ยน” ในงาน Thaifex — World of Food Asia 2011 การจัดงาน ORGANIC & NATURAL EXPO 2011 ซึ่งเป็นงานแสดงสินค้าและบริการอินทรีย์ รวมทั้งผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติครั้งแรกในประเทศไทย การจัดกลุ่มธุรกิจสินค้าอินทรีย์ (Organic Business Community) เพื่อสร้างเครือข่ายอินทรีย์ในประเทศ การจัดทำหนังสือ Organic Mapping ซึ่งได้รวบรวมและเผยแพร่ข้อมูลแหล่งผลิตสินค้าอินทรีย์ทั้งหมดในประเทศ การจัดตลาดนัดสีเขียวในจังหวัดต่างๆ และการเข้าร่วมงานแสดงสินค้าระดับภูมิภาค
ในด้านการเชื่อมโยงสู่ตลาดต่างประเทศ กระทรวงฯ ได้นำคณะผู้ประกอบการเข้าร่วมงาน Biofach ที่ประเทศเยอรมนี งาน Expo West ที่สหรัฐอเมริกา และงาน Natural & Organic Products ที่ประเทศอังกฤษ การจัดกิจกรรมส่งเสริมภาพลักษณ์สินค้า Thailand Pavilion ภายในงานแสดงสินค้าเกษตรอินทรีย์สำคัญของโลก รวมทั้งการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายร่วมกับห้างสรรพสินค้าชั้นนำ เช่น ห้าง Whole Food Markets ประเทศอังกฤษ ห้าง Metro และ Kaufhof ประเทศเยอรมนี ตลอดจนขยายเครือข่ายกับองค์กรเกษตรอินทรีย์นานาชาติและการเข้าร่วมการประชุมสัมมนานานาชาติด้านเกษตรอินทรีย์อีกด้วย
“ผลการดำเนินงานที่ผ่านมา ถือว่าประสบความสำเร็จเป็นที่น่าพอใจ สามารถเพิ่มช่องทางการจำหน่ายในตลาดต่างประเทศที่สำคัญ ทั้งสหภาพยุโรป สหรัฐอเมริกาและตลาดเอเชีย สร้างมูลค่าการส่งออกสินค้าเกษตรอินทรีย์ของไทยให้ขยายตัวเพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 10 ต่อปี โดยเฉพาะการส่งออกสินค้าข้าวอินทรีย์ที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 30 ในปีที่ผ่านมา อีกทั้งยังกระตุ้นการบริโภคสินค้าเกษตรอินทรีย์ในประเทศให้ขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งเกิดการรวมกลุ่มเป็นเครือข่ายธุรกิจอินทรีย์ทั้งในกรุงเทพฯ และภูมิภาคต่างๆ” นายยรรยง กล่าว
สำหรับแผนการพัฒนาและส่งเสริมตลาดสินค้าอินทรีย์ที่กระทรวงพาณิชย์จะดำเนินการในระยะต่อไป นายยรรยง กล่าวว่า กระทรวงฯ ต้องการผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางสินค้าเกษตรอินทรีย์ในภูมิภาคอาเซียน เพื่อรองรับการเปิดเสรีด้านการค้า การลงทุนของประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC ได้อย่างมีศักยภาพ โดยมุ่งเน้นการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านสินค้าเกษตรอินทรีย์ภายในประเทศ การสร้างเครือข่ายสินค้าและความร่วมมือด้านเกษตรอินทรีย์ในอาเซียน สนับสนุนการเป็นศูนย์กลางสินค้าเกษตรอินทรีย์ อาทิ การศึกษา งานแสดงสินค้า วัตถุดิบในการผลิตและการตลาด สำหรับจุดเริ่มต้นของการเป็นศูนย์กลางความรู้ กระทรวงฯ จะจัดให้มี Organic Symposium หรือการสัมมนาทางวิชาการเกษตรอินทรีย์ ในวันที่ 31 สิงหาคม 2554 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
นอกจากนี้ ยังให้ความสำคัญเกี่ยวกับการสร้างมูลค่าเพิ่มและการพัฒนาสินค้าอินทรีย์ใหม่ๆ เพื่อขยายกลุ่มสินค้าให้ครอบคลุมตามความต้องการของตลาดมากขึ้น แบ่งเป็น 3 ประเภท ได้แก่ กลุ่มสินค้าอาหาร ซึ่งต้องพัฒนาให้เกิดการแปรรูปผลิตภัณฑ์อาหารพร้อมรับประทานมากขึ้น กลุ่มสินค้าที่ไม่ใช่อาหาร เช่น โครงการพัฒนาฝ้าย โดยสนับสนุนให้มีการขยายการผลิต ปรับเปลี่ยนการผลิตเป็นเกษตรอินทรีย์ การแปรรูป ปรับปรุงคุณภาพฝ้ายเป็นสำลีสำหรับใช้เป็นส่วนหนึ่งของเครื่องสำอางหรือผ้าฝ้ายเกษตรอินทรีย์ กลุ่มธุรกิจบริการอินทรีย์ ได้แก่ ธุรกิจสปา ธุรกิจความงาม ร้านค้าเฉพาะทาง (Green Shop) โรงแรมและร้านอาหาร พร้อมเร่งส่งเสริมการรับรองมาตรฐานด้านเกษตรอินทรีย์ให้เป็นระบบเดียวกันและมีความเป็นสากลมากขึ้น
“อีกแนวทางสำคัญที่กระทรวงฯ ต้องเร่งดำเนินการคือสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับความแตกต่างระหว่างสินค้าทั่วไป สินค้าจากธรรมชาติและสินค้าอินทรีย์ ทำให้ผู้บริโภครับรู้ถึงประโยชน์ของการบริโภคสินค้าอินทรีย์ รวมทั้งประชาสัมพันธ์ตราสินค้า Organic Thai Produces เพื่อส่งเสริมภาพลักษณ์สินค้าอินทรีย์ไทย เป็นการเพิ่มมูลค่าสินค้าและสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภค โดยเชื่อมั่นว่าการดำเนินกลยุทธ์เชิงรุกของกระทรวงพาณิชย์จะมีส่วนช่วยกระตุ้นการเติบโตของตลาดสินค้าอินทรีย์ไทยให้ขยายตัวถึงร้อยละ 20 ในปีหน้า” นายยรรยง กล่าว
ข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ
อุษณีย์ ถาวรกาญจน์ Email: usanee@incom.co.th
บริษัท อินทิเกรเต็ด คอมมูนิเคชั่น จำกัด โทร. 0 2354 3588 www.incom.co.th