ตลาดหลักทรัพย์ฯ และบริษัทในเครือเปิดวิสัยทัศน์เชิงธุรกิจและแผนงานปี 2551 มุ่งเน้นประสิทธิภาพการดำเนินงานเพื่อเพิ่มศักยภาพการแข่งขันเชิงธุรกิจ

ข่าวทั่วไป Tuesday November 20, 2007 15:58 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--20 พ.ย.--ตลท.
นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า การดำเนินงานของตลาดหลักทรัพย์และบริษัทในเครือ ปี 2551 เป็นต้นไป จะเน้นการประสานในเชิงกลุ่มธุรกิจโดยกำหนดวิสัยทัศน์และแผนงานใหม่ในการเป็นตลาดทุนที่ได้รับการยอมรับและมีความน่าเชื่อถือ พร้อมพรั่งด้วยทีมงานที่มีความสามารถ มุ่งมั่นในการสร้างสรรค์สินค้าและบริการที่ทันสมัยและมีสภาพคล่อง เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้า ผู้เกี่ยวข้อง และสังคม
สำหรับกลยุทธ์ทั้ง 3 กลยุทธ์ได้แก่ กลยุทธ์ด้านการสร้างความแข็งแกร่งขององค์กร ได้แก่ 1) การเพิ่มความสามารถในการแข่งขันขององค์กรให้ทัดเทียม Global marketplace และ 2) การพัฒนาบุคลากรให้มีความสามารถและมีความพร้อมสำหรับองค์กรที่พร้อมรับการเปลี่ยนแปลง ส่วน กลยุทธ์การเพิ่มประสิทธิภาพ ได้แก่ 3) การตอบสนองความต้องการของลูกค้าทั้งบริษัท จดทะเบียน บริษัทหลักทรัพย์ ผู้ลงทุน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในขณะเดียวกัน จะขยายฐานผู้ลงทุนโดย 4) การเปลี่ยน พฤติกรรมการลงทุนเพื่อนำไปสู่การสร้างวัฒนธรรมการลงทุนของคนไทย และ 5) การเพิ่มประเภทสินค้าและบริการที่ตรงกับความต้องการของผู้ลงทุนทั้งในและต่างประเทศ สำหรับกลยุทธ์การสร้างการยอมรับจากผู้เกี่ยวข้อง จะเน้น 6) การทำงาน ร่วมกับเครือข่ายพันธมิตรทั้งในและต่างประเทศ
ทั้งนี้ กลุ่มตลาดหลักทรัพย์ฯ จะปรับโครงสร้างธุรกิจให้มีความแข็งแกร่ง โดยปรับกระบวนการทำงานที่คำนึงถึงโครงสร้าง ต้นทุนและรายได้ในการดำเนินงาน และการให้บริการ พร้อมทั้ง เน้นให้ความสำคัญกับการพัฒนาบุคลากร ซึ่งเป็นผู้ที่มี ความสำคัญในการผลักดันให้กลุ่มตลาดหลักทรัพย์ฯ ไปสู่เป้าหมายที่ตั้งไว้ และเพื่อให้พร้อมรับการแข่งขันจากตลาดทุนโลก
“ภายในประเทศ กลุ่มตลาดหลักทรัพย์ฯ ต้องทำหน้าที่เป็นแหล่งระดมทุนที่เอื้ออำนวยต่อการขยายตัวของภาคธุรกิจ และเป็น เสาหลักที่ช่วยขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ มีการเพิ่มประสิทธิภาพที่คำนึงถึงลูกค้าและผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง และ การดำเนินงานที่เอื้อต่อการพัฒนาธุรกิจในตลาดทุนในบทบาทของผู้ให้บริการและอำนวยความสะดวก (Facilitator) ส่วนในระดับนานาประเทศ กลุ่มตลาดหลักทรัพย์ฯ ต้องสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน ด้วยการนำเสนอทางเลือกในการลงทุน ที่หลากหลายครบวงจร มีต้นทุนการให้บริการที่แข่งขันได้ ในขณะเดียวกัน ก็ต้องสร้างความร่วมมือกับตลาดหลักทรัพย์ พันธมิตรในภูมิภาคเพื่อสร้างความแข็งแกร่งด้วย” นางภัทรียากล่าว
ในปี 2551 กลุ่มตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ตั้งเป้าหมายด้านอุปทาน ที่มีความเป็นไปได้สูงในการเข้าเป็นบริษัทจดทะเบียนจำนวน 37 บริษัท แบ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ 25 บริษัท และตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ 12 บริษัท รวมทั้ง มีผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ได้แก่ Stock Options สินค้าที่อ้างอิงดัชนีฟุตซี เซ็ท Transferable Custody Receipt (TCR)
นอกจากนี้ จะลดระยะเวลาในการชำระราคาและส่งมอบหลักทรัพย์จากภายในวันทำการที่ 3 หรือ T+3 เป็นภายในวันทำการ ที่ 2 หรือ T+2 และการพัฒนาระบบ front เพื่อรองรับธุรกรรม Repo สำหรับด้านอุปสงค์จะมีการเพิ่มขยายฐานผู้ลงทุนโดยกำหนดเป้าหมายให้จำนวนผู้ถือหลักทรัพย์และผู้ถือหน่วยกองทุนรวม เพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 5
ทั้งนี้ กลุ่มตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้กำหนดแผนกลยุทธ์และมอบหมายให้ผู้บริหารของตลาดหลักทรัพย์ฯ และบริษัทในเครือ ดูแลการดำเนินกลยุทธ์ที่สำคัญดังนี้
นางสาวโสภาวดี เลิศมนัสชัย กรรมการและผู้จัดการ บริษัท ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ดูแลกลยุทธ์การเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของกลุ่มตลาดหลักทรัพย์ฯ กล่าวว่า กลุ่มตลาดหลักทรัพย์ฯจะปรับองค์กรให้มีความพร้อม โดยการพิจารณาถึงโครงสร้างการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพและคล่องตัวในการดำเนินงานมากขึ้น ตระหนักถึง Value Chain และ เชื่อมโยงต้นทุนและรายได้ เพื่อกำหนดโครงสร้างค่าธรรมเนียม หรือการจัดเก็บค่าบริการต่าง ๆ ได้อย่างเหมาะสม
ทั้งนี้ ได้มีแผนที่จะนำเทคโนโลยีมาเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ได้แก่ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่เชื่อมต่อธุรกรรมการ ซื้อขายจากจุดเดียว (Trading System Integration) มีกระบวนหลังการซื้อขายด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์หรือเป็นอัตโนมัติมากขึ้น (Post Trade Automation) รวมถึง การพัฒนาระบบการกำกับดูแลการซื้อขายให้สามารถครอบคลุมทุกตราสาร และเชื่อมโยง กันได้ (Inter-Market Surveillance)
นายวิเชฐ ตันติวานิช รองผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์ฯ เปิดเผยว่า ด้านการเพิ่มประสิทธิภาพเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า จะเร่งสร้างคุณค่าเพิ่มและลดอุปสรรคในการเป็นบริษัทจดทะเบียน พร้อมทั้ง เร่งผลักดันด้านการลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคลแก่บริษัทจดทะเบียนเพื่อจูงใจ ควบคู่กับการจัดทีมผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้คำแนะนำให้มีการระดมทุนด้วยการออกหุ้นเพิ่มทุน วอแรนท์ หรือตราสารหนี้เพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการเติบโตของบริษัทจดทะเบียนและธุรกิจโดยรวม อันจะส่งผลต่อการขยายตัวของมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด ซึ่งจะสร้างความน่าสนใจให้กับตลาดหลักทรัพย์ฯ ด้วย
นอกจากนี้ จะขยายการทำธุรกรรมผ่านสถาบันตัวกลาง และพันธมิตร เช่น บริษัทหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวมธนาคารพาณิชย์ บริษัทประกันภัย เพื่อส่งเสริมให้มีการเชื่อมต่อด้านธุรกรรมเพื่อการลงทุน เพิ่มช่องทางให้ประชาชนทั่วประเทศที่ต้องการลงทุนสามารถเข้าถึงตลาดทุน ซึ่งจะเอื้ออำนวยต่อการเติบโตของตลาดทุนโดยรวม
นายพันธ์ศักดิ์ เวชอนุรักษ์ ประธานระบบการศึกษาตลาดทุน เปิดเผยว่า กลยุทธ์กระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนพฤติกรรมการลงทุน และนำไปสู่การสร้างวัฒนธรรมการลงทุนของคนไทย จะเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายหลัก 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มวัยทำงาน กลุ่มวัยก่อนเกษียณ และกลุ่มวัยเกษียณ สำหรับกลุ่มวัยทำงาน จะเปิดตัวโครงการ Employee Joint Investment Program : EJIP โดยการจัด อบรมหลักสูตรการวางแผนทางการเงิน เพื่อให้ความรู้แก่กลุ่มคนวัยทำงาน และส่งเสริมให้มีการลงทุนในหลักทรัพย์ฯ ของบริษัทจดทะเบียน
นอกจากนี้ จะมีโครงการให้ความรู้กลุ่มวัยก่อนและหลังเกษียณทั้งในกทม.และต่างจังหวัด และจัดกิจกรรมที่จะทำให้กลุ่ม ดังกล่าวสามารถเข้าถึงข้อมูลและช่องทางการลงทุนได้สะดวก รวมทั้ง จะผลักดันให้มีการออกแนวทางการกระจายหุ้น แก่ประชาชนทั่วไปหรือ IPO เพื่อให้การกระจายหุ้นสามารถเข้าถึงประชาชนในวงกว้าง ซึ่งจะสร้างโอกาสและช่องทาง การเข้าถึงการลงทุนในตลาดทุนของประชาชนเพิ่มขึ้นด้วย
นายสุภกิจ จิระประดิษฐกุล ผู้ช่วยผู้จัดการ เปิดเผยถึงกลยุทธ์ในการเพิ่มประเภทสินค้าและบริการที่ตรงกับความต้องการของ ผู้ลงทุนทั้งในและต่างประเทศ ในปี 2551 ว่า นอกจากความต้องการของลูกค้าแล้ว จะคำนึงถึงโอกาสทางธุรกิจของการออกสินค้าใหม่ด้วย โดยในปีหน้า มีแผนการออกสินค้าใหม่ ได้แก่ Stock Options, TCR (Transferable Custody Receipt) และการออก ตราสารที่ใช้ดัชนีหลักทรัพย์อ้างอิง เช่น FTSE SET Index series
นอกจากนี้ ยังมีบริการใหม่ อาทิ Repo Front system รวมทั้งจะมีการปรับลดระยะเวลาการส่งมอบและชำระราคาจากภายในวันทำการที่ 3 เป็นภายในวันทำการที่ 2
สำหรับการการสร้างความน่าเชื่อถือและการได้รับการยอมรับ รวมทั้ง การสร้างเครือข่ายพันธมิตรทั้งในและต่างประเทศนั้น นางนงราม วงษ์วานิช รองผู้จัดการ เปิดเผยว่า จะดำเนินการเพื่อสร้างกลุ่มตลาดหลักทรัพย์ฯ ให้เป็นองค์กรที่น่าเชื่อถือ โปร่งใส เป็นต้นแบบของการเป็นองค์กรที่มีการกำกับดูแลกิจการที่ดี ได้รับการยอมรับในฐานะหนึ่งในกลไกหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ จะมีการสร้างความร่วมมือและข้อตกลงร่วมกันระหว่างหน่วยงานผู้กำหนดนโยบายและองค์กรที่เกี่ยวข้องในตลาดทุนเพื่อขจัดปัญหาอุปสรรคและส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาตลาดทุนอย่างยั่งยืน รวมถึง การผลักดันให้ตลท. มีบทบาทที่สำคัญใน การเชื่อมโยงเครือข่ายพันธมิตรในภูมิภาคอาเซียน เพื่อสร้างขีดความสามารถทางการแข่งขันร่วมกัน
นอกจากนี้ จะมีการพัฒนาระบบการเปิดเผยข้อมูลให้มีความโปร่งใส เป็นธรรม รวมทั้ง จะมีการปรับปรุงกระบวนการทำงานโดยผ่านการรับฟังความเห็น (Public Hearing) และรับข้อเสนอแนะจากสาธารณชนต่อไปด้วย
นางภัทรียากล่าวสรุปว่า “การทำงานภายใต้กลยุทธ์หลักซึ่งสนับสนุนวิสัยทัศน์ใหม่นี้จะทำให้กลุ่มตลาดหลักทรัพย์ฯ และบริษัทในเครือสามารถก้าวไปข้างหน้า ด้วยรากฐานที่แข็งแกร่ง มีสินค้าและบริการที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้ามากขึ้น พร้อมที่จะก้าวขึ้นไปเทียบเคียงกับคู่แข่งและเป็นผู้นำในภูมิภาคได้ในอนาคต”
ติดต่อส่วนสื่อมวลชนสัมพันธ์ ฝ่ายสื่อสารองค์กร ลดาวัลย์ กันทวงศ์ โทร. 0-2229 — 2036 / ศรินทร์ลักษณ์ จิตกะวงศ์ โทร. 0-2229 — 2037/
ณัฐพร บุญประภา โทร. 0-2229 — 2049 / วรรษมน เสาวคนธ์เสถียร โทร. 0-2229-2797

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ