กรุงเทพฯ--16 ส.ค.--จิ๊กซอว์ คอมมิวนิเคชั่น
คนรวยทำอะไรไม่ผิด! เป็นวลีที่พูดปนเสียดสีให้แสบๆ คันๆ นิดหน่อย ซึ่งบ่อยครั้งที่ไม่จริงเสมอไป โดยเฉพาะในเรื่องสุขภาพที่ความรวยอาจไม่ได้ส่งผลให้ทำอะไรๆ ก็ไม่ผิด แต่อาจเป็นการทำผิดมากขึ้นเลยก็เป็นได้ และเติมไปด้วยเลยว่า “เศรษฐานะที่ดี” เหมือนมีดาบ 2 คมอยู่ใกล้ๆ ขึ้นอยู่ที่ว่าจะหันคมข้างไหนเข้าหาตัว
นพ.กฤษดา ศิรามพุช พบ. (จุฬาฯ) ผู้อำนวยการศูนย์เวชศาสตร์อายุรวัฒน์นานาชาติ AmericanBoard of Anti-aging medicine เปิดเผยว่า เรื่องดังกล่าวนี้ทำให้บางคนกลัวมาก จนไม่รู้จะกินอะไรเลย กลายเป็นคน “เลือกกิน” ซึ่งนับวันยิ่งมีให้เห็นมาก และหลากลัทธิสุขภาพก็ช่วยกัน “อวย” ให้งดกินของดีๆ อาทิ นมวัว มะเขือเทศ เนื้อสัตว์ และอื่นๆ ซึ่งหากธรรมชาติต้องการให้งดกินก็คงสร้างมาเป็นยาพิษจะได้รู้กันไปว่าไม่ต้องกิน!
ทั้งที่การ “เลือกกิน” กับการ “กินเป็น” หรือ “กินถูก” นั้นต่างกันลิบลับ นพ.กฤษดา กล่าวเสริมว่า ถ้าจับมาวางแล้วก็เหมือนกับเด็กแว้นกับเด็กไทยใส่จุก ซึ่งเรื่องนี้เกี่ยวกับระดับความลึกของกระเป๋าอยู่เหมือนกัน ดูง่ายๆ ใครที่กระเป๋าลึก..สายป่านยาวมาก ก็มักมีทางเลือกมากกว่า เลยเลือกเสียให้สมใจ ใช้ทั้งยา อาหารเสริม เติมด้วยอาหารแพงที่คิดว่าจะดี ทั้งที่ไม่เป็นดังนั้นเสมอไป และฝังใจว่าต้องกินแต่อาหารสดเสมอถึงจะปลอดภัย ทั้งหมู เห็ด เป็ด ไก่ แต่กลับไม่ช่วยลดโรคภัยไข้เจ็บในคนรวยได้เลย กลับมากขึ้นจนถูกเผยว่าเป็นโรคคนรวยด้วยซ้ำ
นพ.กฤษดา กล่าวต่อว่า น่าแปลกที่ยิ่งรวยแต่กลับถูกโรคภัยรุมเร้า อาจเป็นเพราะความรวยไม่ได้ช่วยการันตีด้านสุขภาพ แต่อยู่ที่ใครจะจับหลักได้ว่าไม่ได้อยู่ที่อาหาร ไม่ใช่การโทษอาหารรอบๆ ตัว แต่ต้องพุ่งเป้ามาที่ “ตัวเรา” มากกว่าที่ปล่อยใจไปกับการกินมากแค่ไหน และความรวยเงินพร้อมรวยโรค ไม่ว่าอาชีพใดก็เกิดได้ แม้ในอาชีพบุคลากรด้านสาธารณสุขเองก็ตาม ที่กินดีอยู่ดี ประชุมไปกินเลี้ยงไป ทั้งอาหารกินเล่น กินจริง นอกจากนี้ยังมีภาวะกลับตาลปัตรเกิดขึ้นได้ คือคนไม่รวยก็มีสิทธิ์อ้วนได้ถ้าไม่รู้จักกิน
ส่วนเรื่องเหตุที่ว่าความอ้วนผอมที่เกี่ยวกับเศรษฐานะนั้น ได้มีกล่าวไว้อย่างละเอียดใน Agenda ของ Healtheconomics(http://www.econ.canterbury.ac.nz/personal_pages/john_fountain/Teaching/HealthEcon/reading/philipsonobesityresagenda.pdf) ซึ่งบ่งไว้ชัดว่าเกี่ยวพันกับการควบคุมตนเองและวินัยในใจด้วย ซึ่งถ้ารวยแล้วไม่ดูแลตัวเองจะมีสิทธิ์รับโรคใดบ้าง
1) โรคอ้วน การกินดีอยู่ดีมักตีคู่มากับความรวยแต่ไม่อำนวยสุขภาพเพราะต้องคอยวิ่งเข้าออกโรงพยาบาลเป็นประจำ สุขภาพดีกับความรวยจึงกลายเป็นเส้นขนานที่ไม่มาพานพบกัน แต่ถ้ารวยแล้วคิดว่าอยากจะอยู่รวยต่อไปได้กินของอร่อยนานๆ ก็ต้องยอมทานแบบไม่รวยคือ “ทานจน” แล้วจะรวยสุขภาพดีตามมา
2) น้ำตาลพุ่ง เมื่อมีเงินก็มีความเสี่ยงที่จะตามใจปาก โดยเฉพาะ “ความหวาน” เห็นได้จากคนรวยหลายคนที่มีความเชื่อแบบผิดๆ ว่าถ้ามีเงินจะทำอะไรก็ได้ ซึ่งความคิดนี้เสี่ยงต่อการทำลายสุขภาพมาก ถ้าเกิดความอยากก็หาของใส่ปาก แล้วเอาเงินซื้อยากินทีหลังหรือไปนั่งสวยเข้าคอร์สสปา
3) ไขมันไม่รุ่ง คือมีไขมันดีต่ำ ซ้ำไขมันเลวยังขึ้นเอาๆ โรคคนรวยแท้ๆ เพราะแค่ยาลดไขมันเม็ดหนึ่งตั้งหลายสิบบาท ยิ่งกินยาเข้าไป ก็ยิ่งทำลายตับ แถมปวดกล้ามเนื้อ แต่ถ้าเปลี่ยนการใช้เงินแล้วนำไปซื้อ “เส้นใย (Fiber)” มารับประทานบ้าง ก็จะช่วยล้างไขมันได้ อาทิ รำข้าวโอ๊ต ซึ่งมีขายสำเร็จรูปหรือถั่วมันๆ ที่อุดมด้วย “ใยละลายน้ำ (Soluble fiber)” ก็สามารถช่วยได้
4) ความดันยุ่ง เมื่ออ้วนจัดก็จะวัดความดันได้สูงตามกฎฟิสิกส์ที่ว่าแรงดันน้ำ(เลือด) จะสูงขึ้นเมื่อพื้นที่หน้าตัดเล็กลง สำหรับคนรวยเมื่อเริ่ม “เพลินลิ้น” กินแบบเทกระเป๋าแล้วก็มักตามมาด้วยการ “ติดรส” ต้องปรุงให้ “ติดลิ้น” นานเข้าก็ “ติดโรค” เข้ามาแถมพกด้วย โดยเฉพาะความดันที่เกิดจากการปรุงกันมากเกินไป ขอให้ลองกินอาหารแบบไม่ปรุงให้ได้บ่อยขึ้น หาความสุขจากรสธรรมชาติที่เขาทำมาสำเร็จแล้วบ้างจะช่วยลดเสี่ยงความดันได้เป็นอย่างดี
5) สมาธิสั้น เกิดขึ้นได้ทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ เพราะในของกินหลากหลายที่ใส่สารกันบูดนั้นทำให้ความจำสั้นลง เพราะมีกรดเบนโซอิก,ซัลไฟต์ และสารให้สี ปะปนอยู่ด้วย
6) หยุดหายใจขณะหลับ คนรวยมักต้องมีกิจวัตรออกงานสังคมเป็นประจำ กว่าจะเลิกก็ดึกดื่น และเมื่อเพลียก็จะหิว หิวก็ต้องกิน ทั้งกินดึก นอนดึก บ่อยๆ ลำตัวก็จะยิ่งพองเหมือนถูกสูบลม เวลาหายใจเหมือนจมไขมันตัวเองโดยเฉพาะเวลานอนเป็นช่วงอันตรายที่ต้องจับตา ส่วนในเด็กเล็กจะทำให้การเรียนแย่ลง ขณะที่ผู้ใหญ่อาจมีโรคเก่ากำเริบได้จนถึงหลับในยามขับรถ
7) รับภูมิแพ้ ลำพังแค่อ้วนก็แย่พอตัวอยู่แล้ว แต่ความรวยนั้นอาจนำโรคภูมิแพ้มาให้ด้วยเพราะคนรวยที่ “เลือกกิน” นั้นใช่ว่าจะดีเสมอไป การ “กินถูก” ดูจะมีภาษีมากกว่าเพราะว่ายิ่งเลือกกินก็ยิ่งทำให้ภูมิในร่างกายอ่อนแอไม่ได้สัมผัสกับสารกระตุ้นภูมิแพ้บ้างนิดๆ หน่อยๆ ต้องคอยกินแต่ยา ซึ่งมีทั้ง สเตียรอยด์และยาฆ่าเชื้อที่ทำให้ยิ่งดื้อยาและภูมิในร่างกายต่ำลงเรื่อยๆ กลายเป็น “อ้วนจากยา”
เห็นได้ว่า “ความรวย” มีส่วนกระตุ้นให้ป่วยได้..ถ้าไม่ระมัดระวัง! และอาจกลายเป็นยิ่งป่วยซ้ำ..ป่วยซ้อน ถ้ารวยมากแล้วยิ่งเจริญอาหารมากตาม เป็นความรวยพ่วงด้วย “โอษฐภัย” ดังนั้น หัวใจของการกินนี้เป็นหลักมากกว่าเรื่องอาหาร เพราะการที่มีเงินก็ไม่ได้เชิญสุขภาพดีมาได้ ถ้าไม่รู้จักใช้ แต่ในทางกลับกันถ้ารวยแล้วมีระเบียบในใจตัวเองก็ไม่น่ากังวลมากนัก แม้จะมีอาหารรายล้อมอยู่ตรงหน้า แต่ทว่าคนรวยที่ “รวยคิด” ด้วยนั้น ก็จะรู้ยับยั้งชั่งใจได้ จะได้อยู่กินบนโลกนี้อีกนานๆ