กรุงเทพฯ--19 ส.ค.--สหมงคลฟิล์ม
บทบาท-คาแร็คเตอร์
ในเรื่อง “อุโมงค์ผาเมือง” โอ้รับบทเป็น “พระอานนทภิกขุ” ครับ พระอานนท์ก็จะเป็นลูกของเศรษฐีทำกระจกครับ เป็นลูกคนที่ 2 เป็นคนที่ชื่นชมในพระพุทธศาสนามากๆ ตั้งแต่ด็กๆ เลย แล้วก็ได้ขอแม่ว่า อยากจะบวชจนไม่สึกตลอดชีวิต อยากบวชเรียนไปตลอดครับ
การดำเนินเรื่องของพระอานนท์
เรื่องย่อๆ ของอุโมงค์ผาเมืองก็คือ พระอานนทภิกขุท่านบวชเรียน แล้ววันหนึ่งท่านต้องไปขึ้นศาล เพราะว่าเป็นผู้ที่เห็นผู้ที่ถูกฆาตกรรมเป็นคนสุดท้าย ก็คือเห็นขบวนของขุนศึกและแม่หญิงคำแก้ว และเรื่องราวหลังจากนั้นก็คือพระอานนท์ไปที่ศาลแล้วเห็นแต่ละคนโกหกกันหมดเลย 0ก็เลยไม่เข้าใจว่าทำไมโลกถึงเป็นแบบนี้ ก็เลยสับสนแล้วก็หาทางออกไม่ได้ไม่สามารถหาคำตอบให้ตัวเองได้ซึ่งพระอานนท์จะหาคำตอบให้ตัวเองได้เสมอ มีเหตุมีผลแล้วก็จะเข้าใจได้ แต่นี่คือไม่มีเหตุไม่มีผล ว่าทำไมมนุษย์ถึงเป็นไปแบบนี้กันหมด ก็คือทำให้พระอานนท์ถึงกับจิตตก ถึงกับต้องอยากจะสึกจากสมณเพศครับ แต่พอระหว่างทางเดินกลับนี่ก็ไปเจอกับคนตัดฟืน คนตัดฟืนนี่ก็เข้าไปที่ศาลด้วยเหมือนกัน พอดีขณะนั้นมีพายุมาก็เลยพากันไปหลบที่อุโมงค์ แล้วก็ได้เจอกับสัปเหร่อ แล้วหลังจากนั้นเรื่องราวก็ค่อยๆ คลายปมออกมาครับ
ความยากง่ายต่อการพลิกบทบาทในเรื่องนี้
สำหรับคาแร็คเตอร์นี้โอ้ว่ายาก ก่อนอื่นเลยโอ้ไม่เคยเล่นหนังพีเรียดมาก่อนเลย แล้วพอได้มาเล่นมันก็เป็นการท้าทายอย่างหนึ่งที่ได้ทำงานกับหม่อมน้อย-อาจารย์ของเราด้วยครับ หลังจากเรียนกับหม่อมมานาน ก็เพิ่งมีโอกาสได้มาร่วมงานเต็มตัวครั้งแรก ถึงจะยากแต่โอ้ก็ต้องทุ่มเทอย่างจริงจังครับ เพราะพี่ๆ ที่เราร่วมแสดงด้วย ไม่ว่าจะเป็นอาอ๊อฟ, พี่หม่ำ และคนอื่นๆ ก็แสดงกันอย่างเต็มที่ โอ้เลยต้องพยายามเข้าถึงตัวละครอย่างเต็มที่เช่นกัน
การซ้อมก่อนการถ่ายทำ
คือการซ้อมเนี่ยโอ้ต้องบอกก่อนเลยว่า ก่อนเล่นหนังทุกเรื่องเนี่ยส่วนใหญ่จะซ้อมน้อยมาก แต่เรื่องนี้จะแตกต่างไปเลยคือจะซ้อมเยอะมากครับ แล้วก็เรื่องของไดอะล็อก แล้วก็การจำบทเรียกว่าจำบทได้ง่ายขึ้นมาก ทั้งๆ ที่เป็นไดอะล็อกที่ยาก แล้วก็ยาว แล้วก็เป็นภาษาที่ไม่ได้เข้าปากเราเลย ผมว่าตอนซ้อมช่วยได้เยอะมาก เวลาเล่นลื่นไหล พอไปถ่ายจริงๆ เนี่ยไม่เกิน 2 เทคเลยครับ ก็จะมีซ้อมกับพี่ๆ ทีมนักแสดงทั้งอาอ๊อฟทั้งพี่หม่ำด้วยครับ
ก็คือมันทำให้เวลาเราเล่น โอ้แทบไม่ได้อ่านบทเลย เพราะว่าอ่านมาหลายรอบมากแล้วครับ แล้วก็ไม่อยากไปพะวงกับบท แล้วพอมาเล่นจริงๆ ผมก็รู้ว่าจำไดอะล็อกได้แล้ว พอเล่นทุกๆ วันเนี่ยรู้สึกว่ามันละเอียดขึ้นๆ เรื่องของความคิดนะครับ คือพระอานนท์ต้องบอกก่อนว่าความรู้สึกอะไรที่ตัวเองรู้สึกโกรธ รู้สึกเครียดอะไรทุกอย่างจะเก็บไว้อยู่ภายใน ก็จะทำให้เป็นคนแบบเหมือนจิตตกเจอเรื่องราวแย่ๆ ถาโถมเข้ามา ไม่รู้จะหาทางออกยังไง ซึ่งผมว่าทุกวันที่เล่นมันก็จะละเอียดขึ้นๆ ด้วยการทำงานของหม่อมด้วยครับ ที่ทำให้ผมละเอียดขึ้นแล้วหม่อมก็บรีฟให้ฟัง อธิบายให้ฟัง ผมก็จะเข้าใจง่ายขึ้นมากครับ
คาแร็คเตอร์นี้มีความเหมือนหรือแตกต่างจากตัวมาริโอ้ยังไงบ้าง
สำหรับบทพระอานนท์เนี่ย สิ่งที่น่าจะเหมือนกันโอ้ว่าก็คือการมองโลกในด้านดีนะครับ ที่แตกต่างก็คือตัวพระอานนท์ถ้าหาเหตุผลไม่ได้ก็จะจิตตก แล้วจะรู้สึกแย่ไปหมดเลย สิ่งที่ต่างกับตัวโอ้ก็น่าจะเป็นเรื่องนี้ครับ ถ้าหาคำตอบไม่ได้โอ้ก็จะปล่อยไปก่อน แล้วค่อยหาคำตอบไปเรื่อยๆ แต่พระอานนท์เนี่ยจะไม่ได้ คือด้วยความที่พระอานนท์เป็นเหมือนผ้าขาวสะอาด พอมีอะไรนิดหน่อยมาทำให้ใจของพระอานนท์เปรอะเปื้อนทุกอย่างมันแย่ไปหมดเลยครับ ทำให้พระอานนท์คิดว่าโง่แล้วไม่สามารถจะสั่งสอนใครได้อีกต่อไป
การร่วมงานกับหม่อมน้อย
ได้ร่วมงานกับหม่อมก็ดีใจครับ แต่จริงๆ เคยร่วมงานกันแบบแวบๆ ครั้งหนึ่งใน “ชั่วฟ้าดินสลาย” แต่จะมืดๆ ต้องสังเกตดีๆ หน่อยครับ แต่ว่าเรื่องนี้ก็จะได้ออกเต็มตัวเลยครับ คือเป็นตัวเดินเรื่องเลยก็ดีใจครับได้ทำงานกับหม่อม พอทำงานกับหม่อมจริงๆ ก็ได้อะไรเยอะมาก ทุกครั้งที่ออกมาทำงานเหมือนเราพร้อมตลอดเพราะว่าเราซ้อมมาเยอะครับ ทำให้หน้ากองถ่ายทำได้รวดเร็วขึ้นด้วย ส่วนวิชาที่เรียนมากับหม่อม ก็ได้ใช้เยอะเลยครับ แล้วหม่อมเขาก็จะให้ส่งเหมือนความรู้สึกในใจของเรา บางทีเราไม่ได้พูดแต่ว่าเราส่งความรู้สึกทางตาไปให้คู่เล่นของเรา อย่างมีฉากหนึ่งที่ไปถ่ายฉากแม่เสียชีวิต แล้วก็เหมือนพี่ชายในเรื่องที่แสดงโดย นิว (ชัยพล พูพาร์ท) แล้วนิวยังไม่พร้อมหม่อมก็เลยแบบให้มายืนคู่กับนิวแล้วก็หม่อมก็ให้หายใจ เหมือนกับว่าให้หายใจเป็นหนึ่งเดียวกัน ผมว่ามันช่วยได้มากเลย แล้วก็พอไปเล่นจริงๆ พอแอ็คชั่นเอาใหม่อีกครั้งหนึ่งนี่ทุกอย่างจบเลย ผ่านรวดเดียวเลยครับ
อินกับคาแร็คเตอร์นี้มากน้อยแค่ไหน
แสดงไปนานๆ โอ้ก็อินจนขนาดพอคัทแล้วก็อินอยู่เหมือนกันนะครับ เวลาเดินเหมือนรู้สึกถึงเท้าแล้วก็เดินอย่างระมัดระวัง ทุกวันเราไม่ต้องใส่รองเท้า พี่เขาเอารองเท้ามาให้ บางทีเรายังไม่อยากจะใส่เลย
ส่วนติดนิสัยของพระเหรอครับ ผมว่าน่าจะติดเป็นคำพูดมากกว่า แบบว่าก็จะจำไดอะล็อกในเรื่องแล้วก็ไปพูดยาวๆ บางทีไม่ใช่ไดอะล็อกตัวเองก็ไปจำเขามาครับ แบบว่าของอาอ๊อฟเขาจะบอกว่าผู้หญิงทุกวันนี้ไม่ค่อยทำอะไรนอกจากทำผม ก็เป็นคำพูดโจ๊กกันเวลาทำงานเสร็จกับพวกหม่อม พวกพี่ๆ เขาครับ
การแสดงร่วมกับนักแสดงรุ่นพี่ๆ
เปิดกล้องมาก็เจอพี่หม่ำกับอาอ๊อฟก่อนเลยครับ อย่างอาอ๊อฟก็เคยทำงานเคยถ่ายหนังของอาอ๊อฟมาแล้ว พอมาเล่นจริงๆ นึกว่าอาอ๊อฟของขึ้นครับ เพราะว่าตาแกแดงแล้วก็ปากสั่น พอคัทตาแกก็หายแดงครับ ผมก็งงสงสัยอาอ๊อฟของขึ้นอะไรงี้ครับ แต่ว่าไม่ใช่ครับ อาอ๊อฟเค้าอินทุกอย่าง มันมาหมดเลยครับ ปากก็กระตุกเอง ผมจำได้มันจะมีฉากหนึ่งเป็นฉากเปิดตัวของอาอ๊อฟ คือสัปเหร่อจะเดินมา เป็นไฟสปอตไลท์ส่องหลังของสัปเหร่อ แล้วกล้องรับโอ้เห็นเงาของสัปเหร่อ แบบเงาอาอ๊อฟน่ากลัวมาก ผมจำได้ถึงตอนนั้นผมจะเล่นข้างหลังแต่ผมกลัวไปเกินร้อย เพราะว่าเห็นเงานึกว่าเป็นปิศาจ หรือว่าเป็นอะไรที่ไม่ใช่มนุษย์เดินมาครับ
คือเข้าฉากกับอาอ๊อฟจะประทับใจมาก คือไดอะล็อกอาอ๊อฟยาวมาก ยาวแบบหลายหน้ากระดาษติดๆ กัน แล้วเป็นศัพท์ที่ยากมากครับ แต่อาอ๊อฟเค้าก็ผ่านไปได้โดยง่ายครับ ส่วนเวลาที่โอ้แสดงกับอาอ๊อฟ ถ้าแบบอาอ๊อฟรู้สึกว่า เราควรจะเพิ่มตรงนี้ได้หรือว่าเราควรแก้ตรงนี้ อาอ๊อฟเขาก็จะบอกเลยทันที เขาก็จะไม่หวงวิชาเลยครับ
ส่วนพี่หม่ำก็เรื่องนี้ไม่เห็นความตลกเลย ตอนเล่นก็ไม่ตลกเลย พอคัทแล้วพี่หม่ำเขาก็ค่อยปล่อยมุก ตอนเล่นจริงๆ เนี่ยก็ไม่มีอันไหนตลกเลย แล้วก็พี่หม่ำเค้าก็อินกับบทบาทนี้มากๆ เช่นกันครับ อย่างพี่หม่ำก็จะคอยดูแลเราอย่างดีครับว่าให้เดินระวังหน่อย เพราะว่าเรารองเท้าก็ไม่ได้ใส่ ลื่นก็กลัวหัวจะฟาดผนังถ้ำ แล้วพี่หม่ำก็จะปล่อยมุกคลายเครียดตลอด คือ 2 คนนี้ถ้าเกิดว่าไม่มากองก็จะถือว่าขาดอะไรไปซักอย่าง
อย่างพวกมุกเนี่ย เขาก็ปล่อยอยู่เรื่อยครับ แล้วเขาก็จะปล่อยตดด้วย (หัวเราะ) บางครั้งแบบให้เราเซอร์ไพรส์บ้างครับ ไม่ใช่แค่พี่หม่ำ อาอ๊อฟก็ด้วย เขาก็จะสลับกันปล่อย ผมที่นั่งอยู่ตรงพื้นก็ต้องนั่งดมไปครับ
โลเกชั่นถ่ายทำ
สำหรับฉากที่ถ่ายทำคือใน “ถ้ำเชียงดาว” เป็นถ้ำที่ศักดิ์สิทธิ์มากครับ จะมีนักท่องเที่ยวเดินเข้าออกอยู่ตลอดเวลาเพื่อที่จะมาสักการะพระที่อยู่ข้างใน แล้วเราก็ไหว้ทุกที่เลยครับโอ้ไปถ่าย 5 วันเนี่ย โอ้จะไหว้พระในทุกๆ ศาลที่เขามีเลยครับ เราไหว้จนไปถึงในสุดของถ้ำแล้วเราก็จะเดินออกไปนิดนึงก็คือสถานที่ถ่ายทำ งานสร้างฉากของพี่ๆ ทีมอาร์ทก็ทำสวยมากครับ ทำพระโบราณ ทำกระดูก ก็จะมีนักท่องเที่ยวต่างประเทศเดินมาก็ไหว้ Block Up เพราะว่าเหมือนจริงๆ คือแบบสวยงามมาก ด้วยความเป็นธรรมชาติของถ้ำ แล้วก็ด้วยอารมณ์ศิลป์ของพี่ๆ ฝ่ายอาร์ต เขาก็ไปประดับตกแต่ง พออยู่ในกล้องสวยมากๆ ครับ
ฉากในวัดอุโมงค์เนี่ย เป็นวัดที่เก่าแก่ของเชียงใหม่พอไปถ่ายจริงๆ แล้วก็ลำบากเพราะว่าจะเดินไกลเหมือนกัน แต่พี่ๆ เขาจะมีเครื่องช่วยนิดนึง เพราะว่าเราต้องถอดรองเท้าเดินตลอด ก็จะมีเหมือนเป็นแผ่นยางไว้ตรงใต้เท้าครับ วันนั้นจะเป็นฉากที่มีพายุเข้า แล้วคนตัดฟืนเนี่ยเรียกพระอานนท์ให้เข้าไปในถ้ำ แล้วเขาก็จะมีพัดลมใหญ่มากครับ ประหยัดไฟเบอร์อะไรก็ไม่รู้ แต่เปิดแรงมาก มีฝนตกด้วย แล้วก็แรงมากร่มแทบจะปลิวเลย ก็ต้องดึงๆ เอาไว้ คือสมจริงมาก ไปดูในกล้องก็สวยดีครับ เหมือนพายุมาจริงๆ เลยครับ
สำหรับฉากในป่าเนี่ย เป็นวันที่ขุนศึกเจ้าหล้าฟ้ากับเจ้าหญิงคำแก้วนั่งอยู่บนเสลี่ยง ขบวนก็เดินผ่านพระอานนท์ไป คือต้องบอกก่อนเลยว่าฉากที่ผ่านมาที่เล่ามาคือร้อนหมดเลยครับ แต่คือวันนี้หนาวมาก แบบหนาวจับใจเลยครับ คือแบบนึกว่าอยู่ในตู้เย็นอ่ะครับ แล้วก็ด้วยความที่เราห่มแต่จีวร แล้วก็เดินไปเห็นเหตุการณ์เห็นขบวน มันหนาวมากจริงๆ ครับ พอคัทเนี่ยต้องขอถุงร้อน 2-3 อัน ทุกคนก็จะเอาผ้ามาโยนใส่ผม เหมือนผมเป็นที่แขวนผ้า ผมก็นั่ง ก็ตอนคัทมันสบาย แต่ตอนที่ยืนแอ็คชั่นมันจะหนาวหน่อย ก็หนาวไปหมดเลยครับ คือไม่มีเหงื่อซักเม็ดเดียว หนาวทรหดมากครับ
สำหรับโลเกชั่นที่โอ้ชอบเป็นพิเศษ โอ้ชอบพระธาตุลำปางหลวงซึ่งเป็นพระธาตุที่มีมานานหลายร้อยปีแล้ว ผมไม่อยากจะเชื่อว่าจะมีพระธาตุโผล่มากจากใจกลางเมืองลำปาง แล้วก็แบบมีรถผ่าน สวยมากๆ พอเข้าไปอยู่ในนั้นเนี่ย เข้าไปเดินในโถง ในวัด ซึ่งเก่ามากหลายร้อยปีแล้วเขายังเก็บคงสภาพนั้นได้ถือว่าสุดยอด อึ้งทุกครั้งที่อยู่ในฉาก อินไปหมดเลยครับ ฉากก็สวย คอสตูมก็เป๊ะ
ความน่าสนใจโดยรวมของเรื่องนี้
ก็ความน่าสนใจของอุโมงผาเมืองก็คือบทประพันธ์เพราะว่ามันเป็นบทประพันธ์ เพราะว่าเป็นบทประพันธ์ที่มีมานานแล้ว เป็ฯบทประพันธ์ที่มีค่ามากครับ แล้วก็นานๆครั้งจะได้มาทำเป็นหนัง แล้วที่พิเศษก็คือเรื่องนี้หม่ำทำแล้วหม่อมก็ทำเป็นละครเวทีมาก่อน หม่อมได้ประยุกต์มาเป็ฯไทยล้านนา ผมว่ายิ่งมีความน่าสนใจมากขึ้นไปอีกเพราะว่าเป็นแบบไทยเราจริงๆ จริงๆเดิมแล้วก็ภาคของญี่ปุ่นโจรก็จะเป็ฯซามูไร แต่นี่ก็จะเป็นโจรไทยเลยสักยันต์ ผมว่าเป็นบทประพันธ์ที่น่าสนใจก็คือ ถึงว่าจะเป็นบทประพันธ์ที่เขียนมานานแล้ว มีหนังมีอะไรมาก่อนหน้านี้แล้ว ผมว่ายังไงเรื่องราวมันแบบคลาสสิกคือแบบไม่ว่าจะกี่ยุคกี่สมัย ก็จะมีคำสอนที่แบบยังประยุคใช้กับยุคนั้นๆได้
สำหรับการทำงานของหม่อมเนี่ยละเอียดมากๆตั้งแต่เรื่องของการซ้อมการแสดง เรื่องของการแต่งตัว เรื่องของคอสตูม เรื่องของสถานที่ถ่ายทำเนี่ยทุกอย่างละเอียดหมดเลย ทำงานกับหม่อมรู้เลยว่าทุกคนทำการบ้านมาอย่างดี ทุกคนมาเพื่อทำงานชิ้นนี้ให้ดีที่สุด ความคาดหวังต่อหนังเรื่องนี้เลยไม่มีอะไรมากนอกจากจะอยากให้คนไปดูเยอะๆ ครับ ผลงานเรื่องนี้ของหม่อมและนักแสดงทุกคนตั้งใจทำงานมาก รวมถึงพี่ๆ ทีมงานทุกคนต้องตื่นมาตั้งแต่ตี 4 ตี 5 มาเมคอัพให้โอ้และนักแสดงอื่นๆ ทุกฝ่ายก็ทุ่มเทกันเต็มที่
โอ้ก็อยากฝากหนังเรื่อง “อุโมงค์ผาเมือง” เรื่องนี้มีข้อคิดดีๆ มันเป็นหนังที่ดี งานของหม่อมไม่ธรรมดาเลยครับ เป็นหนังที่ดูไปแล้วก็ลุ้นไปกับตัวละคร แม้มันจะเป็นหนังพีเรียดย้อนยุค แต่เนื้อหาของเรื่องมันก็เข้ากับยุคสมัยนี้ได้เป็นอย่างดีเลยครับ ผมว่าดูหนังแล้วจะคิดหาคำตอบไปด้วย เหมือนดูหนังสืบสวนสอบสวนไปในเวลาเดียวกัน แล้วก็เป็นหนังที่สวยงามทั้งภาพ ทั้งเรื่องราว ทั้งฉาก ทั้งคอสตูม รวมถึงการแสดงของทีมนักแสดงทุกคนทั้งอาอ๊อฟ พงษ์พัฒน์, พี่หม่ำ, พี่พลอย, พี่อนันดา, พี่ดอม แล้วก็โอ้เอง ก็อยากให้ไปดูแล้วจะได้ข้อคิดดีๆ ให้บทเรียนคำสอนอะไรมากมาย ก็อยากให้ไปดูกันครับ