กรุงเทพฯ--19 ส.ค.--เวเบอร์ แชนด์วิค
ครอบครัวของผมใช้อินเตอร์เน็ทกันทั้งบ้าน โดยรวมแล้ว ในบ้านผมมีอุปกรณ์สื่อสารที่ใช้เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตอยู่ถึง 7 เครื่อง โดยเราได้สมัครใช้บริการของผู้ให้บริการแยกกันเป็น 4 แพ็กเกจ (คิดค่าบริการตามปริมาณข้อมูลที่ดาวน์โหลด) นั่นหมายความว่าในแต่ละเดือน พวกเราจะได้รับใบเรียกเก็บเงิน 4 ใบ และต้องมานั่งตรวจว่าแต่ละใบคิดเงินถูกต้องตามดาต้าที่เราใช้ไปหรือไม่ สำหรับผมแล้ว ถ้าจะให้ดีก็ควรจะมีแพ็กเกจเพียงแพ็กเกจเดียว แต่ใช้งานร่วมกันได้ทั้งบ้าน ยิ่งถ้ามีระบบเตือนเมื่อสมาชิกคนใดในบ้านใช้อินเตอร์เน็ทจนใกล้จะเกินปริมาณการใช้งานที่กำหนดก็ยิ่งดี ซึ่งจะช่วยให้ง่ายต่อการจัดการและช่วยผมประหยัดได้ไม่มากก็น้อย
แต่ดูเหมือนว่าผู้ให้บริการโครงข่ายบ้านเรา ยังไม่ค่อยจะพร้อมให้บริการแพ็กเกจสำหรับครอบครัวสักเท่าไร (family data plan) ส่วนใหญ่มักมีแต่บริการแบบเหมาจ่าย (all-you-can-eat data plan) ซึ่งดูจะสมเหตุสมผลเฉพาะกับครอบครัวส่วนใหญ่ที่มีอุปกรณ์สื่อสารที่ต้องเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตเพียง 1 หรือ 2 เครื่อง แต่ไม่เหมาะเลยกับครอบครัวที่มีอุปกรณ์ที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตถึง 6 หรือ 8 หรือบางบ้านมีมากถึง 10 เครื่อง
สำหรับผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ทรายใหญ่ๆ ในปัจจุบัน สามารถรองรับแพ็กเกจบริการแบบต่างๆ สำหรับอุปกรณ์ทั่วไปมากถึง 500 ล้านแพ็กเกจ นี่ยังไม่รวมบริการสำหรับองค์กรและบริการตามร้านอินเตอร์เน็ทคาเฟ่อีกจำนวนมากนะครับ การนำเสนอบริการที่รองรับการใช้งานอุปกรณ์เหล่านี้ถือเป็นเรื่องสำคัญ ส่วนการสร้างรายได้จากบริการดังกล่าวและการรับประกันว่าลูกค้าจะได้รับประสบการณ์จากการใช้บริการที่ดีเสมอต้นเสมอปลายก็เป็นเรื่องสำคัญด้วยเช่นกัน
นี่คือเหตุผลว่าทำไมผู้ให้บริการโครงข่ายถึงจำเป็นที่จะต้องคิดทบทวนกลยุทธ์ และพัฒนารูปแบบการคิดค่าบริการตามความต้องการเฉพาะหรืออิงคุณค่าของบริการ (value-base pricing) ทั้งนี้ ผู้ให้บริการสามารถทำได้โดยอุดช่องว่างระหว่างระบบสนับสนุนธุรกิจ (business-support systems หรือ BSS) และเครือข่าย เพียงการอุดช่องว่างนี้สามารถช่วยให้ผู้ให้บริการมองเห็นภาพรวมการใช้งานอุปกรณ์ทั้งหมดของลูกค้าและบริการด้านข้อมูล ที่ลูกค้าใช้อยู่ รวมถึงเครือข่ายต่างๆ ที่รองรับความต้องการของลูกค้า มุมมองที่เป็นองค์รวมนี้จะช่วยให้ผู้ให้บริการสามารถนำเสนอแพคเกจเพื่อตอบโจทย์ลูกค้าแบบเรียลไทม์ที่อิงคุณค่าของบริการ และมีประสิทธิภาพสูงสุด สม่ำเสมอ การเข้าซื้อกิจการบริดจ์วอเตอร์ ซิสเต็มส์ ของแอมด็อคส์ และการผนวกรวมการควบคุมนโยบายและโซลูชั่นด้านการจัดการข้อมูลผู้ใช้บริการ (subscriber data management solution) ของบริดจ์วอเตอร์ ด้วยระบบคิดค่าบริการแบบเรียลไทม์ของแอมด็อคส์ จะช่วยอุดช่องว่างระหว่างระบบสนับสนุนธุรกิจ (BSS) และเครือข่าย ทั้งยังเอื้อให้ผู้ให้บริการได้รับประโยชน์จากข้อมูลพฤติกรรมการใช้งาน (use case) บางแง่มุมที่น่าสนใจและคุ้มค่า
ย้อนกลับไปที่บ้านผมสักหน่อย ยกตัวอย่างเช่น เราน่าจะใช้แพ็กเกจเดียวกันได้ โดยรวม ส่วนที่ภรรยาผมใช้ไอโฟน (เครือข่าย 3G) และที่ผมใช้ไอแพด (เครือข่าย 4G) รวมถึงอินเตอร์เน็ทบรอดแบนด์ที่ต่อเข้าบ้านตามความเร็วแบนด์วิธที่อยากได้ เราไม่ควรจะต้องสมัครถึง 4 แพ็กเกจ เพราะใช้กันจริงๆ แค่ 30 เปอร์เซ็นต์ เราน่าจะมีแค่แพ็กเกจเดียวที่เข้าใจง่าย และใช้ได้กับความต้องการเฉพาะบุคคลของทุกคนในบ้าน และจ่ายเฉพาะส่วนที่เรารู้สึกว่าคุ้มค่า นอกจากนี้ แพ็จเกจดังกล่าวควรมีบริการเสริมอย่างอื่นในส่วนที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมการใช้งานของคนในบ้าน เช่น แพ็กเกจบริการ IPTC, แพ็กเกจหนังระดับไฮเดฟ หรืออื่นๆ ที่น่าสนใจ
ผู้ให้บริการโครงข่ายต่างเข้าใจเรื่องนี้ดี เพราะต่างก็รู้ว่าจะสร้างรายได้จากบริการประเภทดาต้าเหล่านี้อย่างไร มากกว่าจะเป็นเพียงแค่การส่งผ่านข้อมูล ประเด็นสำคัญคือการนำเสนอบริการที่เป็นประโยชน์ และแพ็กเกจที่ลูกค้าต้องการและมีความคุ้มค่า แต่การจะเสนอแพ็กเกจที่ตอบโจทย์ลูกค้าทุกคน รวมถึงประสบการณ์ลูกค้าแต่ละกลุ่ม ผู้ให้บริการและทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องคงจะต้องเริ่มคำนึงถึงการจัดการนโยบายและระบบการคิดค่าบริการที่ผนวกรวมกันอย่างไร คุณคงไม่สามารถใส่ทั้งหมดลงในแพ็กเกจเดียว หรือแบบเหมาจ่าย และคาดหวังว่าลูกค้าแต่ละรายจะถูกใจ และเป็นลูกค้าชั้นดีตลอดไป
สุดท้าย สิ่งที่สำคัญเหนืออื่นใด ก็คือ การได้ยุบรวมแพ็กเกจการใช้งานอินเทอร์เน็ตทั้ง 4 ของทั้งครอบครัวให้เหลือเพียงหนึ่งเดียว โดยทุกคนได้ในสิ่งที่ต้องการ ถือเป็นสิ่งล้ำค่าที่สุดสำหรับผม แม้จะต้องจ่ายเพิ่มก็ยินดี
เกี่ยวกับแอมด็อคส์
แอมด็อคส์ เป็นผู้นำตลาดในด้านนวัตกรรมระบบบริการลูกค้า โดยบริษัทฯ ได้ผสานระบบสนับสนุนธุรกิจและการดำเนินงาน แพลตฟอร์มการส่งมอบบริการ (service delivery platform) บริการต่างๆ ที่ได้รับการยอมรับ และความเชี่ยวชาญเชิงลึกเข้าไว้ในหนึ่งเดียว เพื่อช่วยให้ผู้ให้บริการ (service provider) และลูกค้าของพวกเขาสามารถทำสิ่งต่างๆ ได้มากขึ้นในโลกแห่งการเชื่อมต่อ (connected world) ผลิตภัณฑ์และบริการของแอมด็อคส์ช่วยให้ผู้ให้บริการสามารถพัฒนารูปแบบการดำเนินธุรกิจใหม่ๆ สร้างความแตกต่างผ่านประสบการณ์ลูกค้าที่ปรับให้สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้าเฉพาะราย และปรับปรุงการดำเนินงานด้านต่างๆ
แอมด็อคส์ เป็นบริษัทระดับโลกที่มีรายได้ราว 3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปีการเงิน 2553 ปัจจุบันมีพนักงานกว่า 19,000 คนและให้บริการลูกค้าในกว่า 60 ประเทศทั่วโลก ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.amdocs.com