กรุงเทพฯ--23 ส.ค.--ไทยเบฟเวอเรจ
กลุ่มบริษัทไทยเบฟฯ มอบปุ๋ยอินทรีย์ ผ่านกองทัพไทย หวังใช้พัฒนาทำแปลงสาธิตบนดอยแม่สลอง-ดอยวาวี สร้างแหล่งเรียนรู้ให้ชาวบ้าน ช่วยสำกัดปัญหารุกป่าเพิ่ม พบ “ดอยแม่สลอง” ถูกนายทุนรุกเพียบ ผบ.สส.สั่งจัดระเบียบด่วน ก่อนคืนพื้นที่ให้กรมป่าไม้ต่อ
รายงานข่าวจาก จ.เชียงราย แจ้งว่านายจิโรจ โอภาสพาณิชย์ กรรมการผู้จัดการบริษัท อาหารเสริม จำกัด ในเครือบริษัทไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ได้ส่งมอบปุ๋ยอินทรีย์ชนิดผงตรานกกะเรียน ให้แก่กองบัญชาการกองทัพไทย เพื่อนำไปใช้ในการพัฒนาพื้นดินให้สมบูรณ์ ปราศจากเคมีปนเปื้อน โดยมี พล.อ.ยงยุทธ บุญยะวัน ที่ปรึกษาผู้บัญชาการทหารสูงสุด เป็นประธานในการรับมอบ พร้อมด้วย พล.ต.ฉลวย แย้มโพธิ์ใช้ ประธานคณะทำงานโครงการขยายผลโครงการหลวงแม่สลอง จ.เชียงราย
ทั้งนี้ ปุ๋ยดังกล่าวจะนำไปใช้ในแปลงสาธิตให้แก่กองบัญชาการกองทัพไทย ณ ดอยแม่สลอง อ.แม่สลอง จ.เชียงราย และที่บ้านดอยช้าง ต.วาวี อ.แม่สรวย ซึ่งเป็นพื้นที่ที่กองบัญชาการทหารสูงสุดดูแล จำนวน 32 ตัน
พล.อ.ยงยุทธ กล่าวว่า ปัจจุบันมีพื้นที่ถูกบุกรุกบนดอยแม่สะลองเป็นจำนวนมาก นายทุนบางรายถือครองที่ดินกว่า 200 ไร่ ดังนั้น พล.อ.ทรงกิตติ จักกาบาตร์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ได้มีคำสั่งให้กองอำนวยการพัฒนาและจัดระเบียบพื้นที่ขอใช้ประโยชน์ทางทหาร เข้ามาจัดระเบียบของพื้นที่ โดยให้ถือครองทำประโยชน์ได้รายละไม่เกิน 15 ไร่ และไม่มีนโยบายออกเอกสารสิทธิ์ หากจัดระเบียบเรียบร้อยแล้วก็จะส่งมอบพื้นที่คืนให้กับกรมป่าไม้ โดยมีข้อตกลงร่วมกันให้ทหารช่วยในการดูแลพื้นที่
"เท่าที่ทราบนายทุนผู้ถือครองเกิน 15 ไร่ จะใช้วิธีการเช่าที่ดินป่าเสื่อมโทรมจากกรมป่าไม้โดยตรง ขณะนี้ได้ขอให้กรมแผนที่ทหารเข้ามาวางแนวเขตปักหลักหมุดที่แน่นอน เพื่อมิให้มีการบุกรุกพื้นที่ป่าเพิ่มขึ้นอีก" พล.อ.ยงยุทธ กล่าว
พร้อมกับย้ำอีกว่า ผู้บัญชาการทหารสูงสุดยังมีนโยบายจัดระเบียบคน และพัฒนาพื้นที่ ไม่ให้คนในพื้นที่บุกรุกป่าเพิ่มเติม ส่วนการพัฒนาพื้นที่หมายถึงให้กำกับดูและที่ดิน ปลูกป่าเศรษฐกิจไม้โตเร็ว พัฒนาเพิ่มผลผลิตทางการเกษตรให้ได้ผลมากขึ้น ในพื้นที่เท่าเดิม เช่นการบำรุงดินโดยใช้ปุ๋ยอินทรีย์เข้ามามีบทบาทรักษาดินให้สมบูรณ์ ไม่มีสารพิษเจือปนลงมาตามลำน้ำ
ด้าน พล.ต.ฉลวย กล่าวว่า ต้องขอขอบคุณบริษัท สนับสนุนปุ๋ยอินทรีย์ ให้กับกองทัพไทยในครั้งนี้ และในฐานะผู้รับผิดชอบพื้นที่ จะจัดแปลงสาธิตประมาณ 100 ไร่บริเวณสามแยกกิ่วสะไต ให้เป็นพื้นที่แหล่งเรียนรู้ปลูกพืชเศรษฐกิจโดยใช้ปุ๋ยอินทรีย์ที่ได้รับมอบมา ให้เกษตรกร ได้เห็นผลงานความแตกต่างในการใช้ปุ๋ยอินทรีย์ว่าในระยะยาว จะทำให้ดินสมบูรณ์ ผลผลิตที่ออกมามีคุณภาพ ซึ่งเมื่อประชาชนสามารถเห็นความแตกต่าง และเห็นประโยชน์ของการลดใช้ปุ๋ยเคมีก็จะทำให้มีเกษตรกรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมมาใช้ปุ๋ยอินทรีย์กันมากขึ้นด้วย
สำหรับกองบัญชาการกองทัพไทย มีภารกิจในการจัดระเบียบ และควบคุมการบุกรุกพื้นที่ขอใช้ประโยชน์ในราชการทหาร ในเขตพื้นที่ จ.เชียงราย และเชียงใหม่ รวมประมาณ 105,605 ไร่ โดยมีการเชิญให้คณะอาจารย์ทีมวิจัยของมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง เป็นผู้กำหนดแนวทางการพัฒนาให้ ซึ่งในด้านการพัฒนาเศรษฐกิจ ได้ส่งเสริมให้มีการปรับปรุงสภาพดิน และปรับเปลี่ยนพฤติกรรมจากการปลูกพืชล้มลุก มาเป็นพืชยืนต้นให้มากขึ้น และส่งเสริมให้ลดการใช้ปุ๋ยเคมี มาใช้ปุ๋ยอินทรีย์ชีวภาพให้มากขึ้น ปัจจุบันมีผู้เข้าร่วมโครงการลดการใช้สารเคมีและปุ๋ยเคมี จำนวน 271 ราย รวมพื้นที่ 1,008 ไร่แล้ว