กรุงเทพฯ--24 ส.ค.--กลุ่มการประชาสัมพันธ์ สำนักงานปลัดกระทรวงการคลัง
นายรังสรรค์ ศรีวรศาสตร์ อธิบดีกรมบัญชีกลาง รายงานความคืบหน้าโครงการบำเหน็จค้ำประกันเงินกู้ว่า หลังจากได้แก้ไขกฎหมายเกี่ยวกับการใช้สิทธิผู้รับบำนาญ นำวงเงินบำเหน็จตกทอดที่เหลือ ไปเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันการกู้เงินกับธนาคาร 13 แห่งที่เข้าร่วมโครงการ ปรากฏว่า จนถึงวันที่ 22 สิงหาคม 2554 มีผู้รับบำนาญยื่นความประสงค์ของให้รับรองสิทธิจำนวนไม่มากนัก โดยมีเพียง 31,771 ราย จากจำนวนทั้งหมด 436,976 รายหรือคิดเป็นร้อยละ 7.27 เท่านั้น โดยกรมบัญชีกลางได้ออกหนังสือรับรองสิทธิไปแล้วเป็นจำนวนเงิน 8,666.03 ล้านบาท
สำหรับการกู้เงินจนถึงวันที่ 22 สิงหาคม 2554 มีผู้รับบำนาญนำหนังสือรับรองสิทธิ ไปติดต่อธนาคารและได้รับอนุมัติให้กู้เงิน จำนวน 22,285 ราย เป็นจำนวนเงิน 6,926.19 ล้านบาท ซึ่งโดยเฉลี่ยแล้วจะกู้เงินประมาณรายละ 200,000 — 300,000 บาท เริ่มผ่อนชำระงวดแรกในเดือนสิงหาคม 2554 แล้ว โดยกรมบัญชีกลางจะเป็นผู้โอนเงินเข้าบัญชีธนาคารที่ผู้รับบำนาญ ไปกู้เงินมาเป็นประจำทุกเดือนตามสัญญาระหว่างธนาคารกับผู้รับบำนาญ ซึ่งหากรายใดมีเงินบำนาญไม่พอหักให้ธนาคาร หรือรายใดเสียชีวิตลง ตามบันทึกข้อตกลงระหว่างธนาคารกับกระทรวงการคลังโดยกรมบัญชีกลาง ได้กำหนดไว้ชัดเจนว่า ทั้ง 2 กรณี กระทรวงการคลังจะรับผิดชอบชำระคืนเงินกู้ให้ธนาคารแทนผู้รับบำนาญตามจำนวนเงินที่กู้แต่ไม่เกินสิทธิที่กรมบัญชีกลางได้ออกหนังสือรับรองสิทธิให้ ซึ่งมีงบประมาณเพียงพอ
ที่จะจ่ายชำระคืนให้อย่างแน่นอน
นายรังสรรค์ ศรีวรศาสตร์ กล่าวเพิ่มเติม ว่า ขณะนี้ยังมีผู้รับบำนาญอีกหลายท่านที่ยังไม่เข้าใจขั้นตอนหรือวิธีการ จึงขอแจ้งให้ทราบว่า หากผู้รับบำนาญท่านใดประสงค์จะขอกู้เงินตามโครงการดังกล่าว สามารถไปยื่นคำร้องขอหนังสือรับรองสิทธิได้ที่ส่วนราชการต้นสังกัดผู้เบิกเงินบำนาญ ที่อยู่ใกล้ที่พักอาศัย จังหวัดใดก็ได้ทั่วประเทศ แล้วกรมบัญชีกลางก็จะส่งหนังสือรับรองสิทธิ ให้ทางไปรษณีย์ เพื่อนำไปติดต่อกับธนาคารเพื่อขอกู้เงินต่อไป