กรุงเทพฯ--25 ส.ค.--เอ.พี. ฮอนด้า
ตลาดรถจักรยานยนต์ไทยเดือนกรกฏาคมลดความร้อนแรงรับฤดูมรสม ปิดเดือนด้วยตัวเลขยอดจดทะเบียนทั้งสิ้น 178,050 คัน มากกว่าปีที่แล้วในเดือนเดียวกัน 21,524 คัน ปรับตัวสูงขึ้น 114% รถครอบครัวมาแรงสุดครองส่วนแบ่งที่ 52% ในขณะที่รถเอ.ที. มียอดจำหน่ายลดลงเหลือ 44% อันเนื่องมาจากปัญหาสินค้าอุปโภคและบริโภคที่มีราคาสูงขึ้น รวมถึงราคาน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งยังเป็นช่วงที่ประเทศไทยเข้าสู่ฤดูมรสุม มีฝนตกหนักในหลายพื้นที่ ทำให้ผู้บริโภคหันมาให้ความสนใจกับรถประเภทครอบครัวที่มีจุดเด่นในเรื่องของความสะดวกในการใช้งาน, ประหยัดน้ำมันและทนทาน โดย “ฮอนด้า เวฟ” รถครอบครัวยอดนิยมระบบหัวฉีด PGM-FI มาแรงสุดเดือนเดียวกวาด 76,452 คัน สูงสุดในกลุ่มรถครอบครัวด้วยกัน ในขณะที่ฮอนด้าดรีม 110ไอ ระบบหัวฉีด ที่มีการเปิดตัวและวางตลาดในกลางเดือนเดียวกันก็ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้ใช้ นอกจากนี้ ฮอนด้ายังพร้อมประกาศเดินหน้ากิจกรรมความสนุกภายใต้แคมเปญ “ฮอนด้า มันส์ทะลุแมตช์” ด้วยกิจกรรม “แมนฯยูฯ แอนด์ ลิเวอร์พูล คลับปาร์ตี้” ให้สาวกผี-หงส์ ได้ร่วมสนุกที่ร้านผู้จำหน่ายรถจักรยานยนต์ฮอนด้า ต้อนรับฟุตบอลพรีเมียร์ลีกของอังกฤษที่กำลังจะเริ่มต้นขึ้นในเดือนนี้
นายสุชาติ อรุณแสงโรจน์ กรรมการบริหารและผู้จัดการทั่วไปฝ่ายขาย บริษัท เอ.พี.ฮอนด้า จำกัด เปิดเผยถึงสภาพตลาดรถจักรยานยนต์ของเดือนกรกฎาคมว่า “เดือนกรกฎาคมเป็นเดือนเริ่มต้นของช่วงฤดูมรสุม มีฝนตกหนักติดต่อกันจนเกิดน้ำท่วมในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ เป็นเหตุให้คนไทยชะลอการซื้อรถจักรยานยนต์ในช่วงนี้ โดยตลอดเดือนที่ผ่านมาพบว่ามียอดจดทะเบียนป้ายวงกลมทั้งสิ้น 178,050 คัน ปรับตัวลดลงจากเดือนที่แล้วประมาณ 20% แต่มากกว่าช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้วที่มียอดจำหน่าย 156,526 คัน เติบโตขึ้นมา 114% โดยเป็นยอดจำหน่ายรถประเภทครอบครัวมากถึง 93,377 คัน ครองตลาดรวมที่ 52% ซึ่งในจำนวนนี้มาจาก ฮอนด้าเวฟถึง 76,452 เทียบเท่าอัตราส่วน 82% จากรถครอบครัวทั้งหมดที่มีการจำหน่าย บ่งบอกถึงความไว้วางใจที่ผู้บริโภคมีต่อตัวสินค้าและเครื่องยนต์ระบบหัวฉีด PGM-FI ในยุคที่ข้าวของทุกอย่างรวมถึงน้ำมันมีราคาแพง”
สำหรับภาพรวมของตลาดในเดือนสิงหาคมนี้ เป็นที่คาดการณ์ว่าจะมียอดจำหน่ายโดยรวมที่สูงขึ้นกว่าเดือนกรกฏาคม อันเนื่องมาจากการเกิดเสถียรภาพทางการเมืองหลังการเลือกตั้งที่ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี กอปรกับความคาดหวังจากนโยบายประชานิยมของรัฐบาลใหม่ที่จะมีการเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำ อาจผลักดันให้ประชาชนเกิดความมั่นใจในการจับจ่ายใช้สอยมากกว่าเดิม นอกจากนี้ ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่ยังคงอยู่ในระดับที่สูงแม้จะมีการประกาศปรับราคาลงบ้างแล้ว แต่ก็เป็นการลดลงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น จะส่งผลให้รถครอบครัวที่มีจุดเด่นด้านการประหยัดน้ำมัน ได้รับความสนใจกว่ารถประเภทอื่นไปอีกระยะหนึ่ง โดยเฉพาะรถจักรยานยนต์ฮอนด้า เวฟ ที่มีความครบครันทั้งด้านการใช้งานหลากหลายรูปแบบ อีกทั้งยังประหยัดน้ำมัน, ดีไซน์ทันสมัย และทนทาน จนมียอดขายเป็นอันดับ 1 และยังคงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ฮอนด้าดรีมรุ่นใหม่ระบบหัวฉีด PGM-FI ดีไซน์คลาสสิค ที่ได้มีการเปิดตัวและวางตลาดไปเมื่อกลางเดือนกรกฎาคมก็ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากกลุ่มผู้ใช้รถครอบครัว
นอกจากนี้ รถจักรยานยนต์ฮอนด้าพร้อมแล้วที่จะเดินหน้าร่วมกับร้านผู้จำหน่ายทั่วประเทศจัดกิจกรรม “แมนฯยูฯ แอนด์ ลิเวอร์พูล คลับ ปาร์ตี้” เปิดโอกาสให้สาวกแมนฯยูฯ และ ลิเวอร์พูลพาเพื่อนๆมาร่วมสนุกกันแบบยกแก๊งค์ ที่ร้านผู้จำหน่ายรถจักรยานยนต์ฮอนด้า ในฐานะที่ฮอนด้าเป็นผู้ถือลิขสิทธิ์ของทั้งสองทีมในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ เป็น 1 ใน 4 ปรากฎการณ์ความสนุกจากแคมเปญ “ฮอนด้า มันส์ ทะลุแมตช์” ภายใต้แบรนด์แมสเสจ “ชีวิตสนุก ถ้าไม่หยุดค้นหา” ที่เปิดโอกาสให้คนทุกวัยได้ค้นพบความสนุกในแบบของตัวเอง
สำหรับรายงานตัวเลขตลาดรวมรถจักรยานยนต์ทุกประเภทประจำเดือนกรกฏาคม 2554 มีปริมาณการจดทะเบียนป้ายวงกลมทั้งสิ้น 178,050 คัน แบ่งเป็นรถแบบครอบครัว 93,377 คัน คิดเป็นอัตราส่วนครองตลาดที่ 52% รถแบบ เอ.ที. 78,117 คัน คิดเป็นอัตราส่วน 44% รถแบบออฟโรด 2,588 คัน คิดเป็นอัตราส่วน 2% รถแบบสปอร์ต 2,408คัน คิดเป็นอัตราส่วน 1% รถแบบครอบครัวกึ่งสปอร์ตและรถแบบอื่นๆ รวมกัน 1,560 คัน คิดเป็นอัตราส่วน 1%
ทั้งนี้เมื่อนำยอดจดทะเบียนมาแบ่งแยกตามประเภทผู้ผลิตพบว่าในเดือนกรกฏาคมที่ผ่านมา รถจักรยานยนต์ฮอนด้ามียอดจดทะเบียนทั้งสิ้น 119,996 คัน เทียบเท่าสัดส่วนครองตลาดที่ 68% ตามด้วย ยามาฮ่า 44,216 คัน สัดส่วนครองตลาด 23%, ซูซูกิ 7,908 คัน สัดส่วนครองตลาด 4% และคาวาซากิ 2,916 คัน หรือ 2%, ไทเกอร์ 165 คัน, แพลตินัม 23 คัน, เจอาร์ดี 13 คัน และอื่นๆอีก 2,813 คัน