จากงานห้องเสื้อสู่งานน้ำหอม

ข่าวทั่วไป Thursday August 25, 2011 18:02 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--25 ส.ค.--ชิเชโด Elie Saab ในนามแห่งความหรูหรา มร. เอลี ซาบ (Mr. Elie Saab) เกิดในกรุงเบรุตเมื่อปีค.ศ. 1964 ท่ามกลางครอบครัวที่หาได้มีความเกี่ยวพันใดๆ กับวงการแฟชั่น ไม่มีอะไรบ่งบอกเลยว่าชะตาชีวิตของเขาจะก้าวมาสู่หน้าที่การงานอันสุดพิเศษ ไม่มีเค้า หรือเงื่อนงำใดๆ แสดงให้เห็นถึงพรสวรรค์อันเหลือเชื่อ หรือกระทั่งความมุ่งมั่น ไม่ท้อถอยของเขา แต่แรกเริ่มคือความฝันประการเดียวที่จะได้หลีกลี้หนีไปสู่ดินแดนในฝันอันไกลโพ้น เขายังอายุไม่ถึงเก้าขวบด้วยซ้ำตอนทำเสื้อผ้าชุดแรกให้แก่น้องสาวของตนเอง คำร่ำลือถึงพรสวรรค์ของเขาแพร่สะพัดไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ไปสู่บรรดาสตรีในมหานคร ก่อนจะเป็นหญิงผู้งามสง่าทั้งหลายในดินแดนแถบนั้น ที่แวะเวียนมายังบ้านของเด็กหนุ่มผู้เรียนรู้และพัฒนาทักษะด้วยตัวเอง ในไม่ช้า ชื่อเอลี ซาบก็อยู่คู่เคียงกับเสื้อผ้าอาภรณ์อันงดงามด้วยการแสดงให้เห็นถึงแก่นแท้แห่งความงามสง่า และความเป็นผู้หญิง ซึ่งได้รับการออกแบบอยู่ในเลบานอนอันรุ่งโรจน์ ถิ่นฐานที่เสื้อผ้าอาภรณ์ถูกยกให้เป็นงานศิลปะรูปแบบหนึ่ง ด้วยวัยเพียง 18 ปี เอลี ซาบเปิดห้องเสื้อตัดเย็บของเขาเอง โดยมีช่างเย็บถึงสิบกว่าคน บางครั้ง เขาได้รับรายการสั่งตัดเสื้อผ้าถึง 20, 30 หรือกระทั่ง 60 ชุดสำหรับงานพิธีการเพียงงานเดียว! ความมุ่งมั่นนำพาเขาให้ก้าวข้ามอุปสรรคต่างๆ ซึ่งรวมไปถึงปัญหาอันเกี่ยวข้องกับบรรยากาศอันไม่แน่นอนทางการเมือง การแสดงแบบเสื้อบนแค็ตวอล์คครั้งแรกของเขาในกรุงเบรุต ซึ่งเขาจ่ายเงินในการผลิตงานครั้งนี้เองทั้งหมด ถือเป็นของขวัญอัศจรรย์เล็กๆ ที่เขามอบให้แก่นครเบรุต หนุ่มเนื้อทองของประเทศ จัดเป็นหนึ่งในกลุ่มบุคคลรุ่นแรกที่มีชัยในตลาดตะวันออกกลาง และบรรดาลูกค้าผู้มั่งคั่งได้กลายเป็นสาวกผู้ศรัทธาต่อการออกแบบของเขา เขาได้นำเสนอเสื้อผ้าสไตล์ห้องเสื้อชั้นสูง (Haute Couture) คอลเลคชั่นแรกในกรุงปารีสเมื่อปีค.ศ. 2000 และได้รับเลือกให้เป็นสมาชิกกิตติมศักดิ์ของสมาพันธ์ห้องเสื้อชั้นสูง (Chambre Syndicale de la Haute Couture) ในปีค.ศ. 2006 ปีเดียวกันกับวาเลนติโน และอาร์มานี อันเป็นผลมาจากชื่อเสียงของเขาที่เจิดจรัสไปทั่วโลกออกมาจากเลบานอน นักออกแบบเสื้อผ้าส่วนพระองค์ของบรรดาเจ้าหญิง เอลี ซาบยังได้ตามติดเหล่าคนดังระดับสากลทั้งหลายไปบนพรมแดง สืบเนื่องมาจากเรื่องราวความสำเร็จอันน่าอัศจรรย์ของเขา เอลี ซาบเป็นตัวแทนแห่งเลบานอนยุคใหม่ในปัจจุบัน นั่นคือจิตวิญญาณแห่งอิสระเสรี, ความทันสมัย และกล้าที่จะเสี่ยง ชื่อเสียงในห้องเสื้อชั้นสูงของเขา โด่งดังจากกรุงเบรุตสู่นครลอสแองเจลลิสผ่านสามเหลี่ยมทองคำแห่งกรุงปารีส (สามเหลี่ยมทองคำแห่งกรุงปารีสคือพื้นที่ภายในกรอบของถนนสามสายเชื่อมล้อมต่อกันเป็นรูปสามเหลี่ยม อันได้แก่ถนนมงแตญจน์, ชองพ์ส-เอลิเซส์ และฟอร์บูรก์ แซงต์ โอโนเร่) ซึ่งเขาได้เปิดบูติกขึ้นบนถนนชองพ์ส-เอลิเซส์ในปีค.ศ. 2007 ช่างฝีมือแห่งความเป็นเลิศ ศิลปะแห่งงานห้องเสื้อชั้นสูง คือเหตุผลในการดำรงอยู่ของห้องเสื้อ ELIE SAAB ความรักหลงใหลได้ผลักดันให้นักออกแบบผู้นี้ ทำงานดุจเป็นลมหายใจเข้า-ออกอย่างต่อเนื่องมาเป็นเวลาถึง 25 ปี นักออกแบบโดยสัญชาตญาณ เอลี ซาบผู้นี้ มีประสาทสัมผัสพิเศษถึงการตัดเย็บ เขาปรับแปลงผลงานสร้างสรรค์ทั้งหลายของเขาบนรูปทรงเรือนกายสตรีโดยตรงด้วยการจับเดรปผ้า บนทรวดทรง ปราศจากการร่างแบบ ไม่ต้องอาศัยแพทเทิร์น แฝงเร้นอยู่ในใจกลางกรุงเบรุต สตูดิโอของนักออกแบบดุจจะเก็บงำไว้ซึ่งทักษะความชำนาญชั้นสูงอันประเมินค่ามิได้ ทักษะซึ่งสไตลิสต์ทุกคนของเขา ตลอดจนช่างปัก และช่างเย็บเท่านั้นที่จะร่วมรับรู้ ช่างเย็บฝีมือปาฏิหาริย์กว่าหนึ่งร้อยชีวิต ได้รับการว่าจ้างโดยห้องเสื้อให้ทำงานอยู่ในห้องผลิตงานของเขาที่เลบานอน ซึ่งรวมถึงปรมาจารย์งานปักกว่า 50 คน เจ้าของสายตาเฉียบคม และว่องไวที่จะลงเข็มไปบนแพรไหมสุดอัศจรรย์ทั้งหลาย แต่ละปี มีการผลิตผลงานสั่งตัดอยู่ระหว่าง 800 ถึง 1,000 ชุด ซึ่งรวมถึงชุดแต่งงานสุดหรูหราตระการตา ศิลปะแห่งการทวีความเป็นผู้หญิง “ผมชอบ ‘ผู้หญิงที่เป็นผู้หญิง’ ผู้หญิงที่หมุนกายให้เสื้อผ้าสะบัดพลิ้วไหวไปด้วยความปรารถนา และความภาคภูมิใจ” เอลี ซาบ กล่าว “ตั้งแต่ผมเป็นเด็กอยู่ในเลบานอน ผมสังเกตวิธีการแต่งกายของผู้หญิงแบบต่างๆ ผมต้องการเอาใจพวกเธอ ทำให้พวกเธอพึงใจตลอดเวลาด้วยการเสริมส่ง และเน้นความงามให้แก่สัดส่วนโค้งเว้าของพวกเธอ” นี่คือจุดที่พรสวรรค์ระดับสุดยอดของเขาในการขับเน้นเสน่ห์เย้ายวนของผู้หญิง ไปพร้อมๆ กับการเทอดทูนความงามสง่าของพวกเธอ มนตราแห่งอาภรณ์ไม่เคยลดหย่อนในอำนาจ นักออกแบบเสื้อผ้าชั้นสูงยอมรับว่า “ความทะเยอทะยานประการเดียวของผมก็คือ การป้อนความงามลงสู่ชีวิตของอิสตรี” และอิสตรีเหล่านั้นก็รู้ดี บรรดาผู้หญิงที่มีข้อเรียกร้องมากมายอย่างที่สุดของโลกต่างชื่นชมในผลงานอันเป็นที่สุด ของเขา พวกเธอรู้ว่า เมื่อวางใจในนักออกแบบคนโปรด ทั้งความงาม และความฝันของพวกเธอย่อมได้รับการทวีท้น บทบรรจบพบกันระหว่างจินตนาการสุดบรรเจิดกับเส้นสายพิสุทธิ์ตระการตา จินตนาการสุดอัศจรรย์อันเหลือล้นของเขาก่อกำเนิดมาจากหลายสิ่งหลายอย่าง จากเสน่ห์หรูหราในทศวรรษ 1950 ไปสู่ผลงานสร้างสรรค์เชิงสถาปัตยกรรมของปรมาจารย์เลอ คอร์บูซิเยร์ และแฟรงค์ ลอยด์ ไรท์ จะวัตถุ, ผืนแพรพรรณ หรือกระทั่งภาพยนตร์ ล้วนเป็นได้ซึ่งแรงบันดาลใจในการแสดงแบบเสื้อบนรันเวย์... เอลี ซาบ เป็นนักผสมผสานแห่งอารมณ์สุนทรียศิลป์ ที่กลั่นกรองความเรียบง่าย มาหลอมรวมอยู่ร่วมกับความอลังการผ่านผลงานสร้างสรรค์ของเขา งานปักหรูหรา อันถือเป็นสัญลักษณประจำตัวของเขา ร่วมกับเทคนิคการจับเดรปเผยเสน่ห์เย้ายวนอวดความงามล้ำเลิศยิ่งขึ้น ด้วยฝีมือตัดเย็บอันไร้ที่ติ ร่วมกับโครงสร้างชุดดุจงานสถาปัตยกรรม ทำให้เสื้อผ้าชุดต่างๆ มีเส้นทรวดทรงที่ดูทันสมัย ประสาทสัมผัสแห่งความพิถีพิถันในสัดส่วน และความรัก หลงใหลในงานสถาปัตยกรรม ยังแสดงตัวให้เห็นในบูติกที่ตกแต่งสไตล์มินิมัลลิสม์ หรือความโอ่อ่าตระการตาที่กำเนิดมาจากความเรียบง่าย จนแทบจะปราศจากการประดับประดาใดๆ ภายใต้การดูแลของเขา โลกตะวันออกกับกลิ่นไอตะวันตก, ความหรูหรากับความเรียบง่าย, เส้นโค้งเว้าอ่อนช้อยกับเส้นตรง แข็งกระด้าง กลายเป็นลูกเล่นสำหรับการสร้างสมดุลสากลในอาณาจักรที่ความงามสง่าคือราชันย์สัญญาแห่งความพิเศษเป็นเลิศ เอลี ซาบเป็นเหมือนผู้วิเศษ เป็นนักมายากล เขาไม่ได้สร้างสรรค์แค่เสื้อผ้าที่สุดตระการตา ทว่าเขาทำให้ความฝันของผู้หญิงทั้งหลายได้กลายเป็นจริง เขานำความฝันของผู้หญิงทั่วโลกที่มีเหมือนกันหนึ่งประการให้ปรากฏ นั่นคือความฝันที่จะเป็นเจ้าหญิงท่ามกลางมวลสตรี ไม่ว่าเธอจะเป็นเจ้าสาวในวันวิวาห์ของตนเอง, เจ้าหญิงในงานเลี้ยงระดับกาล่า หรือคนดังบนพรมแดง เขาทำให้ผู้หญิงได้จรัสความงามโดดเด่น อาภรณ์ทุกชุดของเขาถูกลิขิตมาสำหรับช่วงเวลาสุดพิเศษ ช่วงเวลาที่จะถูกจดจำไปตลอดชีวิตมนตรามิเสื่อมคลาย... เอลี ซาบ โด่งดังอย่างที่สุดในเรื่องของการรับสั่งตัดเย็บชุดราตรียาว ซึ่งเหล่าเทพีพรมแดงทั้งหลายปรารถนาให้เขาเสกสรรผลงานระดับนี้ให้ อย่างไรก็ตาม พรสวรรค์อันเหลือเชื่อของเอลี ซาบก็ยังถูกถ่ายทอดมาสู่งานเสื้อผ้าสำเร็จรูป ซึ่งเขาได้จัดแสดงในกรุงปารีสมาตั้งแต่เดือนตุลาคม ค.ศ. 2005 คอลเลคชั่นเสื้อผ้าสำเร็จรูปแสดงออกถึงการประดับแต่งอย่างแยบยล เรียบง่ายกว่างานห้องเสื้อชั้นสูง ทว่าเสน่ห์หรูหราหาได้ลดหย่อนแต่ประการใด ในปี 2011 อาณาจักรของเอลี ซาบ ดำเนินการแผ่ขยาย หลังจากวางจำหน่ายเสื้อผ้าสำเร็จรูป และคอลเลคชั่นเครื่องประดับต่างๆ บัดนี้ เขาเชิญชวนผู้หญิงทุกคนที่ฝันถึงการได้สวมใส่แพรอาภรณ์ ELIE SAAB ให้สัมผัสกับมนตรา และความเป็นผู้หญิงอย่างแท้จริงในชีวิตของพวกเธอด้วย ELIE SAAB Le Parfum (เอลี ซาบ เลอ ปาร์ฟัง) ELIE SAAB Le Parfum ELIE SAAB Le Parfum คือความเลอเลิศอันปราศจากการอวดโก้ ในทุกขวดบรรจุคือภารกิจแห่งการถ่ายทอดทุกมวลคุณลักษณ์ของห้องเสื้อชั้นสูงอย่างจริงแท้ “น้ำหอม ซึ่งแสดงออกถึงความเป็นผู้หญิงที่เจิดจรัส รวมถึงอาณาจักรคู่ขนานในโลกของผม นั่นคือความสว่างสดใสในตะวันออกกลาง กับความทันสมัยของอารยธรรมตะวันตก” ชื่อน้ำหอมยังประการถึงวิธีการนำผลงานสัญลักษณ์ ELIE SAAB รุ่นใหม่ไปใช้ในชีวิตประจำวัน รัศมีเจิดจ้าในรูปแบบละอองไอ ไอหอมโอบกระหวัดวนเวียนด้วยลีลาลุ่มลึก l’eau de Parfum ผลงานสร้างสรรค์โดยฟรานซิส เคิร์คด์เจียน (Francis Kurkdjian) คือบทสดุดีให้แก่ความโดดเด่นเป็นเลิศของอาณาจักรแห่งนักออกแบบแฟชั่นผู้นี้ : “สิ่งซึ่งผมรู้สึกว่าเป็นความน่าหลงใหล จับใจในการทำงานให้เอลี ซาบนั้นก็คือ แนวความคิดในการถ่ายทอดแสงสว่างให้ออกมาในรูปแบบของกลิ่นหอม ผมไม่ได้มีภาพจำเพาะเจาะจงอะไรอยู่ในใจ แค่ใช้ความรู้สึก แสงขาวเจิดจ้าของพระอาทิตย์ลอยดวงอยู่ ณ จุดสูงสุด ความเป็นผู้หญิงที่เหมือนมีแสงรัศมีเฉิดฉายออกมารอบกาย การถ่ายทอดเสน่ห์เย้ายวนยุคใหม่” ผู้ปรุงน้ำหอมอธิบาย ด้วยการเรียงร้อยดุจบทโศลกขับขานถึงประกายแสงสว่าง ELIE SAAB Le Parfum แสดงให้เห็นถึงความตระการตาเจิดจ้าของรัศมีเฉิดฉายที่มีอยู่ในความเป็นผู้หญิงผ่านแนวกลิ่นดอกไม้-แสงแดด-ไม้หอม หรือ floral solar woody การขับขานถึงกันตลอดเวลาระหว่างมวลดอกไม้และไม้หอม คือสิ่งซึ่งก่อท่วงทำนองตราตรึงดึงดูดใจในน้ำหอมกลิ่นนี้ จากกลิ่นแรก แสงสว่างพร่างพรายของดอกส้มจัดวางท่วงทำนองให้แก่มนตราทางนาสิกประสาท ชวนให้นึกถึงกลีบดอกไม้แห่งดินแดนเมอดิเตอเรเนียนเต็มอ้อมแขน ซึ่งกำจายกลิ่นไออบอวลยามต้องแสงแดดแผดจ้าในเวลาอาทิตย์ลอยดวงอยู่ ณ จุดสูงสุด ด้วยคุณภาพอันสุดล้ำเลิศของดอกมะลิ ไม่ว่าจะเป็นแอ็บโซลูทของมะลิสกุล grandiflorum ซึ่งเป็นมะลิดอกใหญ่ และมะลิจากแซมบัค เสน่ห์เย้ายวนอันถือเป็นหัวใจแห่งน้ำหอม ทวีพลังแรงกล้าด้วยลีลาอ่อนโยนจาก “หัวใจแพ็ทชูลี” บริสุทธิ์ ท่วงทำนองของกลิ่นดอกไม้ขาวคลี่คลายไปสู่ลีลารัญจวนอารมณ์ถวิลหาด้วยสายกลิ่นไม้ซีดาร์ ซึ่งจะทำให้แนวกลิ่นดอกไม้ อันเป็นหัวใจหลักของกลิ่นมีความหนาแน่นในรูปแบบใหม่ ไอหอมทิ้งตัววนกระหวัดโดยรอบอย่างงามสง่าด้วยการเติมกลิ่นหอมที่ชวนให้เสพซึ้งตรึงใจไม่รู้คลายของน้ำผึ้งกุหลาบ อัญมณีอันเกิดจากแก้วกับแสงสว่าง เอลี ซาบ บุรุษผู้หลงใหลในงานออกแบบ และสถาปัตยกรรม ฝันถึงขดวแก้วที่มีรูปทรงบริสุทธิ์เล่นกับแสงสว่าง แสดงให้เห็นถึงความโปร่งใสจรัสประกายเจิดจ้า วัตถุแห่งความงามที่แฝงไว้ซึ่งเสน่ห์เย้ายวนในความสมบูรณ์พร้อม “ผมต้องการสิ่งซึ่งเรียบง่าย ใช้เส้นตรง นึกถึงความแกร่ง หนักแน่นของผลึกลูกบาศก์ ในขณะเดียวกัน ก็ต้องก่อปรากฏการณ์ทางความรู้สึกยามถือวัตถุนี้ไว้ในมือ หากต้องเป็นความรู้สึกถึงความงดงามในเนื้อแท้ และเช่นเคย แสงสว่างต้องเป็นแนวคิดหลัก สำหรับผม แสงสว่างคือพลังอำนาจตราบนิรันดร์” กูตูริเยร์ หรือนักออกแบบแฟชั่นชั้นสูงกล่าวแสดงความคิดเห็น ด้วยอารมณ์ที่แปรเปลี่ยนไปมาอย่างหุนหันตามสัญชาตญาณ นักออกแบบซิลวี เดอ ฟรองส์ (Sylvie de France) จึงสรรค์สร้างขวดน้ำหอมสุดหรูหราตามขนบงานสุคนธกรรมชั้นสูงด้วยเส้นทรวดทรงบริสุทธิ์สะอาดตา และเปล่งประกายแสงเจิดจ้า ถ่ายทอดสุนทรียศิลป์ยุคใหม่ได้อย่างลงตัว ประกายแสงเจิดจ้า กับความโปร่งใสของผลึกแก้วเนื้อหนาผ่านการเจียระไนดุจแก้วคริสตรัล ได้ผลลัพธ์ไม่ต่างอะไรจากผลึกแก้วปริซึมล้อแสง ทุกหน้าตัดผิวแก้วจะรับ และกลั่นกรองทุกลำแสงเพื่อสะท้อนประกายสีน้ำผึ้งของน้ำหอมภายในออกมาอย่างชัดเจนตลอดเวลา มาตรฐานระดับสูง และความปรารถนาที่มีต่อความเป็นที่สุดแห่งประกายแสงเจิดจ้า กลายเป็นบทหล่อหลอมที่ผลักดันงานแก้วชิ้นนี้ให้ไปสู่จุดสูงสุดแห่งความประณีตวิจิตรรบรรจงของผลงานสร้างสรรค์วัตถุกำเนิดแสง เพื่อสะท้อนความงามสง่าของเอลี ซาบ นี่คือผลงานคาบเกี่ยวระหว่างศิลปะอัญมณี และสถาปัตยกรรมอย่างแท้จริง กล่องบรรจุอันแสนละมุนละไมได้รับแรงบันดาลใจมาจากความกลมกลืนของสีสันในบูติก ELIE SAAB ความงามสง่าสุดขั้วของสีเบจทราเวอร์ทีน (สีเบจของหินแคลเซียมชนิดหนึ่ง) ในขณะที่ตัวอักษรสีน้ำตาลช็อคโกแล็ตของไม้เวนจ์โดดเด่นอยู่บนความขาวกระจ่างในกรอบเกลียวทอง เพื่อยืดอารมณ์สุขที่ได้จากน้ำหอม คือสายผลิตภัณฑ์ซึ่งร่วมกันมอบมิติล้ำลึกใหม่ให้แก่ไอหอมของ ELIE SAAB Le Parfum โดยอาศัยผลิตภัณฑ์สี่รูปแบบในการสร้างกิจวัตรความงามของอิสตรี : Scented Body Cream, Scented Body Lotion, Scented Shower Cream, Scented Deodorant รูปลักษณ์แห่งอิสตรีที่เจิดจรัส ผู้หญิงในปัจจุบัน สร้างความสุขด้วยความมาดมั่น พวกเธอมีความฝัน และความปรารถนาเป็นของตนเอง และไม่ต้องการล้มเลิก หรือละทิ้งสิ่งใดๆ...โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความฝันที่แรงระห่ำสุดขั้วในใจตน! พวกเธอต้องการมีช่วงเวลาสุดพิเศษในชีวิต ช่วงเวลาที่พวกเธอสัมผัสได้ถึงความเป็นผู้หญิงที่แท้จริงของตนเอง และใครจะไปสนถ้าช่วงเวลานั้นหาได้คงอยู่ตลอดไป ขอแค่สักครั้ง สักคืน หรือตลอดชีวิต ให้พวกเธอได้เป็นนางเอกในชีวิตของตัวเอง เป็นเจ้าหญิงยุคใหม่ ด้วยเสน่ห์เฉิดฉาย เปี่ยมพลังดึงดูดแรงกล้าจากรูปลักษณ์ ซึ่งแสดงถึงความเป็นผู้หญิงอย่างเต็มที่ อันญา รูบิค (Anja Rubik) จำแลงร่างมาสู่การเป็นเจ้าหญิงยุคใหม่ในมหานครสุดทันสมัย ในทุกวันที่เธอปรากฏกาย นั่นคือช่วงเวลามนตราสะกด เป็นช่วงเวลาสุดพิเศษที่ทุกคนมิอาจลืม คืนนี้ คนทั้งโลกเฝ้ารอ เธอเฉิดฉายอยู่เหนือมหานครด้วยชุดชีฟองสุดตระการ ซึ่งดูราวกับจะพาเธอล่องลอย เธอเคลื่อนกายไปข้างหน้า อาบร่างอยู่ภายใต้แสงสว่าง ย่างกรายฝ่าฝูงผู้คน แพรพรรณบางเบาเปล่งประกายคล้ายม่านแสงเจิดจ้าตัดกับความมืดมิดของตัวเมือง เธอดื่มด่ำกับช่วงเวลาสุดพิเศษนี้ของชีวิต... สิ่งที่เธอทิ้งไว้ ELIE SAAB Le Parfum จารึกรูปรอยอันเจิดจรัสแห่งความเป็นผู้หญิง มนตราพิสุทธิ์แห่งแสงสว่าง และความโก้หรูทางภูมิปัญญา ถ่ายทอดออกมาเป็นภาพอันสุดเลอเลิศบรรเจิดต่อทุกสายตาด้วยฝีมือคู่หูช่างภาพเมิร์ท กับมาร์คัส กลุ่มผลิตภัณฑ์น้ำหอม Elie Saab Le Parfum ประกอบด้วย - น้ำหอม Le Parfum eau de parfum 90 ml - 4,600 Baht - น้ำหอม Le Parfum eau de parfum 50 ml - 3,700 Baht - น้ำหอม Le Parfum eau de parfum 30 ml - 2,100 Baht - ครีมบำรุงผิว Le Parfum Scented Body Cream 150 ml - 2,650 Baht - โลชั่นบำรุงผิว Le Parfum Scented Body Lotion 200 ml - 1,850 Baht - ครีมอาบน้ำ Le Parfum Scented Shower Cream 200 ml - 1,550 Baht - สเปรย์ระงับกลิ่นกาย Le Parfum Scented Deodorant 100 ml - 1,550 Baht พบกับผลิตภัณฑ์น้ำหอมเอลี ซาบ ได้ตั้งแต่ 1 กันยายน 2554 เป็นต้นไป ที่ห้างสรรพสินค้า สยาม พารากอน ดิ เอ็มโพเรียม เซ็ลทรัล ลาดพร้าว และเซ็นทรัล ชิดลม

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ