กรุงเทพฯ--28 ม.ค.--โคลัมเบีย ไทรสตาร์
ลองจินตนาการว่าคุณมีตัวตนอยู่ในหลากหลายชีวิต ณ จักรภพคู่ขนาน (Parallel World) โดยแต่ละตัวตนต่างมีเป้าหมายในชีวิตแตกต่างกัน มีเส้นทางชีวิตที่ต่างกัน และมีทั้งที่เป็นคนดีและคนชั่ว
อะไรจะเกิดขึ้นถ้าหนึ่งในตัวตนของคุณที่อาศัยอยู่ในจักรภพคู่ขนานหันมาจัดการกับตัวคุณในจักรภพอื่นๆ เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับตัวเอง และกำจัดคู่เหมือนของตนในโลกขนานอื่นๆ เพื่อให้ได้เป็น "เดี่ยวมหาประลัย" ที่ไม่มีใครล้มล้างได้
ในภาพยนตร์เรื่อง The One คนที่อาศัยอยู่ต่างโลกกันใน จักรภพคู่ขนาน ต้องมาปะทะกันเมื่อเจ้าหน้าที่ผู้ชั่วร้ายรายหนึ่งที่ได้รับมอบหมายให้เป็นผู้ตรวจสอบเรื่องราวของแต่ละคนในจักรภพขนานต่างๆ ค้นพบว่า การกำจัดคู่แฝดของตนที่อาศัยอยู่ในแต่ละจักรภพคู่ขนาน จะเป็นการเพิ่มพลังและอำนาจให้ตัวเองมากขึ้น ดังนั้นเขาจึงเริ่มเดินทางข้ามมิติเพื่อไปกำจัดคู่แฝดของเขาทีละคนๆ จนในที่สุด เขาต้องเผชิญหน้ากับแฝดคนสุดท้ายที่ลุกขึ้นต่อสู้ และขัดขวางแผนการที่จะนำไปสู่เป้าหมายสุดท้าย นั่นก็คือ การเป็น "เดี่ยวมหาประลัย" ที่มีอยู่เพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น
จากฝีมือของเกลน มอร์แกน และเจมส์ หว่อง ผู้อยู่เบื้องหลังภาพยนตร์อย่าง Final Destination, Space: Above and Beyond และหลายตอนของภาพยนตร์ซีรีส์ The X-Files ภาพยนตร์เรื่อง The One นำแสดงโดยเจ็ท ลี ซึ่งมารับบทเป็นทั้งผู้ล่า และผู้ถูกตามล่าในภาพยนตร์แนวทริลเลอร์ไซ-ไฟที่เต็มไปด้วยฉากแอ็กชั่นสุดสร้างสรรค์
The One เป็นผลงานการสร้างของเรฟโวลูชั่น สตูดิโอ โดยโคลัมเบีย พิคเจอร์สทำหน้าที่จัดจำหน่าย นำแสดงโดยเจ็ท ลี, เดลรอย ลินโด้, คาร์ล่า กูจิโน่ และเจสัน สเตแธม กำกับโดยเจมส์ หว่อง และอำนวยการสร้างโดยเกลน มอร์แกนกับสตีเว่น แชสแมน เขียนบทโดยเกลน มอร์แกนและเจมส์ หว่อง โดยมีลาต้า ไรอัน, ชาร์ลส์ นิวเวิร์ธ, ท็อดด์ การ์เนอร์ และเกร็ก ซิลเวอร์แมนทำหน้าที่ผู้อำนวยการสร้างบริหาร ทีมสร้างประกอบไปด้วยผู้กำกับภาพ โรเบิร์ต แม็คแลชแลน, โปรดักชั่น ดีไซเนอร์ เดวิด แอล ชไนเดอร์, ผู้ลำดับภาพ เจมส์ โคเบลนต์ซ, ผู้ออกแบบเครื่องแต่งกาย คริสซี่ การ์โนไนด์ส-ดูเชงโก้ และผู้ประพันธ์ดนตรีประกอบ เทรเวอร์ ราบิน The One ได้รับการจัดเรทโดยสมาพันธ์ภาพยนตร์แห่งอเมริกาให้เป็นภาพยนตร์เรท PG-13 อันเนื่องมาจากฉากแอ็กชั่นและภาษาที่มีความรุนแรง
'เกี่ยวกับงานสร้าง'
กระแสชีวิตที่แตกต่างมีตัวตนอยู่ในจักรภพที่แตกต่างกันไป นี่คือความเป็นจริงที่ทุกคนที่สำนักงานสืบสวนจักรภพสากลยอมรับและสนับสนุน อย่างน้อยก็คือสิ่งที่เจ้าหน้าที่ประจำสำนักงานดังกล่าวยอมรับ ยกเว้นอดีตเจ้าหน้าที่สืบสวนอย่าง แกเบรียล ยูลอว์ ยูลอว์ ซึ่งเป็นที่รู้จักดี เดินทางไปแล้วยัง 123 จักรภพเพื่อตามล่าและทำลายพลังชีวิตในจักรภพอื่นๆ ของเขา เมื่อสามารถฆ่าตัวเองในแต่ละจักรภพได้ ตัวเขาในจักรภพอื่นๆ ที่ยังมีชีวิตอยู่จะได้รับพลังและความแข็งแกร่งจากพลังชีวิตที่โดนทำลายไปแล้ว และทำให้มีพลังแบบเหนือมนุษย์ธรรมดา ยูลอว์ยังคงดำเนินการตามแผน ด้วยการกำจัดตัวเขาเองในแต่ละจักรภพ ทั้งนี้ก็เพื่อความพยายามที่จะทำเป้าหมายสูงสุดของเขาให้สำเร็จ นั่นก็คือ การเป็นเพียงหนึ่งเดียวที่คงอยู่
ไม่มีใครรู้ว่าผลของปรากฏการณ์ดังกล่าวจะเป็นอย่างไร ไม่มีใครบอกได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับความสมดุลย์ที่แสนเปราะบางของจักรภพถ้ายูลอว์ประสบความสำเร็จตามแผนการที่เขาได้วางเอาไว้
ตัวตนในอีกจักรภพหนึ่งของยูลอว์ มีชื่อว่า กาบี้ และเขาก็คือพลังชีวิตสุดท้ายที่ยืนขวางทางระหว่างยูลอว์กับเป้าหมายสุดท้ายของเขา กาบี้คือสามีที่น่ารัก และเป็นเจ้าหน้าที่ที่ได้รับการยกย่องของแผนกนายอำเภอประจำนครลอสแอนเจลิส ชีวิตของกาบี้ต้องสั่นคลอนเมื่อยูลอว์ ซึ่งกำลังโดนเจ้าหน้าที่สำนักงานจักรภพตามล่าตัวอย่างหนัก บุกรุกเข้ามายังจักรภพของเขา แต่การช่วยชีวิตตัวเอง ซึ่งเป็นอีกตัวตนเดียวที่หลงเหลืออยู่ของเขา ไม่ใช่แค่การฆ่าฝาแฝดที่ชั่วร้ายที่มาจากอีกโลกหนึ่งเท่านั้น และที่กาบี้ยังไม่รู้ก็คือ ถ้ายูลอว์ตาย สำนักงานสืบสวนระหว่างจักรภพมีคำสั่งให้ออกตามล่ากาบี้เช่นกัน เพื่อไม่ให้เขากลายเป็นหนึ่งเดียวที่เหลืออยู่
นักวิทยาศาสตร์และนักคณิตศาสตร์เฝ้าไตร่ตรองถึงแนวคิดเรื่องจักรภพที่หลากหลายมานานหลายศตวรรษแล้ว มีการตั้งทฤษฎีขึ้นหลายทฤษฎี มีหนังสือถูกเขียนขึ้นหลายเล่ม แม้กระทั่งนักฟิสิกส์และนักโหราศาสตร์ต่างคาดการณ์ว่าน่าจะมีตัวตนของพวกเราแต่ละคนอยู่มากกว่าในหนึ่งจักรภพ และถึงแม้ว่าจะยังไม่พบข้อเท็จจริงที่จะสนับสนุนความเชื่อนี้ แต่บุคคลที่เป็นที่ยอมรับมากมายต่างรู้สึกว่าสมมติฐานดังกล่าวมีความเป็นไปได้ คุณจะมีสภาพแวดล้อมในชีวิตอีกที่หนึ่งจริงหรือ จะมีงานแบบเดียวกันหรือเปล่า จะเลือกคู่คนเดียวกันไหม คุณจะมีความสุขและประสบความสำเร็จมากกว่าในอีกโลกหนึ่งหรือไม่ หรือเมื่อมีโอกาสแล้ว คุณจะค้นพบไหมว่าคุณในอีกโลกหนึ่งเป็นคนที่ไม่ได้มีอะไรเหมือนกับคุณเลย จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเขาหรือเธอเป็นมนุษย์ที่ชั่วร้าย
เมื่อสองหุ้นส่วน เกลน มอร์แกน และเจมส์ หว่องเริ่มเกิดความคิดที่กลายมาเป็นบทภาพยนตร์ของพวกเขาครั้งแรก มอร์แกนจึงเริ่มต้นอ่านหนังสือเกี่ยวกับจักรภพคู่ขนาน และเกิดแรงบันดาลใจในการเขียนเรื่องเกี่ยวกับเนื้อหาดังกล่าวขึ้นมาทันที "ผมได้อ่านหนังสือ Elegant Universe กับหนังสืออีกหลายเล่ม รวมไปถึงบทความในหนังสือ Scientific American ซึ่งพูดถึงทฤษฎีต่างๆ ที่เกี่ยวกับจักรภพคู่ขนาน" มอร์แกนกล่าว "ไอเดียก็คืออาจจะมีจักรภพเป็นจำนวนนับไม่ถ้วนที่มีการเปลี่ยนแปลง ซึ่งอาจเป็นเรื่องที่น่าสนใจสำหรับเรา ทฤษฎีที่ว่า เมื่อเกิดหลุมดำขึ้นนั้น จักรภพคู่ขนานได้ถือกำเนิดขึ้นในเวลาเดียวกันโดยอยู่ห่างจากเราไปไม่ไกล มันเป็นความคิดที่แสลงใจมากกว่าเรื่องของการมีตัวตนอยู่ของมนุษย์ต่างดาวเสียอีก เพราะพวกเราหลายคนได้ยอมรับความเป็นไปได้ของเรื่องนี้ไปแล้ว"
"เราแน่ใจว่าจักรภพเหล่านั้นจะต้องมีความคล้ายคลึงกับจักรภพของเรา" หว่องบอก "แต่เปรียบได้กับผลกระทบรูบี้-โกลด์เบิร์ก ผลกระทบของเหตุการณ์หนึ่งสามารถเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์ และทิศทางที่แต่ละจักรภพคู่ขนานกำลังมุ่งหน้าไปได้"
"แก่นแท้ไม่มีวันโดนทำลายไปได้ทั้งหมด" หว่องกล่าวต่อ "ดังนั้น เราจึงคิดว่ามันคงจะน่าสนใจถ้าไม่ตัวผมหรือคุณในจักรภพที่แตกต่างไป แต่ละตัวตนของเราเชื่อมโยงถึงกันด้วยคลื่นพลังงาน ดังนั้นเมื่อเราคนหนึ่งในจักรภพหนึ่งเกิดตายไป พลังงานนั้นยังคงสถิตย์อยู่ในจักรภพอื่นๆ มันจะถูกแบ่งกระจายไปท่ามกลางตัวตนที่ยังคงมีชีวิตอยู่ทุกตัว"
"ในบางจักรภพที่เราสร้างขึ้น และมีความก้าวล้ำมากกว่า พวกเขาได้ค้นพบวิธีที่จะเดินทางไปมาระหว่างจักรภพคู่ขนาน โดยผ่านอุโมงค์หรือโพรงหนอน" หว่องยังคงอธิบายต่อ "ซึ่งคนกลุ่มเดียวกันกับที่มีแนวคิดที่เกี่ยวกับจักรภพคู่ขนานยังได้สร้างทฤษฎีที่โพรงหนอนนั้นมีอยู่ด้วย"
"โพรงหนอนที่มีขนาดเล็กมากจนแทบมองไม่เห็นนั้นสามารถปรากฏขึ้นได้ในทุกที่" มอร์แกนเป็นคนออกมาอธิบายบ้าง "แต่ความสามารถที่จะเปิดมันออกได้ แม้กระทั่งในขนาดสี่ฟุตก็ยังต้องอาศัยพลังงานมากกว่าที่มีอยู่ในจักรภพนั้นๆ เพราะเราไม่สามารถเปิดโพรงหนอนนั้นได้ เราจึงเกิดความคิดในการแยกอนุภาคตัวละครของเรา เพื่อที่ว่าพวกเขาจะสามารถผ่านโพรงเหล่านั้นไปได้ อะตอมจะแตกแยกออก และถูกดูดผ่านเข้าไปทางท่อวนเข้าสู่โพรงหนอน และกลับไปรวมตัวกันอีกครั้งในจักรภพต่อไป มันเป็นเหมือนกับการขนส่งในภาพยนตร์ Star Trek แต่วิชวลเอฟเฟ็กต์นั้นจะมีความแตกต่างกันมาก ทางมัลติเวิร์ส ออธอริตี้สามารถที่จะทำนายได้ล่วงหน้าว่าโพรงหนอนจะปรากฏขึ้นที่ใด พวกเขาจึงสามารถใช้สิ่งที่พวกเขาเรียกกันว่าอุโมงค์ควอนตั้มเพื่อขนส่งเจ้าหน้าที่ของพวกเขาผ่านเส้นทางสายไฮเวย์ที่มีขนาดเล็กแบบนี้ไปได้"
"การค้นพบเหล่านี้คือสิ่งที่สร้างความแตกต่างระหว่างแต่ละจักรภพ แม้กระทั่งคนแบบเดียวกันที่อาศัยอยู่ในแต่ละจักรภพ" หว่องกล่าว "เราจะได้เห็นจักรภพถึงห้าจักรภพด้วยกันในภาพยนตร์เรื่องนี้"
หุ้นส่วนคู่นี้ยังได้พัฒนาและขัดเกลาเรื่องราวของพวกเขาขณะที่เดินทางโดยรถยนต์ไปยังลาสเวกัส เมื่อพวกเขาเดินทางกลับไปยังลอส แอนเจลิส พวกเขาได้นำไอเดียดังกล่าวนี้ไปเสนอให้กับโจ รอธ ประธานของเรฟโวลูชั่น สตูดิโอส์ ซึ่งเป็นคนเปิดไฟเขียวให้โปรเจ็กต์นี้ดำเนินงานสร้างทันที "โจได้ตั้งบริษัทเรฟโวลูชั่น สตูดิโอส์ และพวกเขาก็สนใจในการสร้างภาพยนตร์แนวไซไฟแอ็กชั่น" หว่องเล่า "และเพราะเกลนกับผมเองก็สนใจในการสร้างภาพยนตร์แนวนั้นเช่นกัน เราได้พูดคุยกันถึงไอเดียในเรื่องจักรภพคู่ขนาน รวมไปถึงเรื่องการหาตัวนักแสดงที่สามารถเล่นได้หลากหลายบทบาทที่แตกต่างกันไปด้วย"
"เราจำเป็นต้องตัดสินใจว่าใครจะเป็นคู่ต่อกรที่ดีที่สุดของตัวละครเอกของเรื่อง" หว่องบอก "ถ้าคุณใช้คนที่เป็นนักต่อสู้ที่เก่งจริงๆ คู่ต่อสู้ก็จะต้องเป็นตัวเขาเองนั่นแหละ ในเรื่องของฉากแอ็กชั่น คุณมีฮีโร่ที่ต่อสู้กับคนที่ไม่ได้เป็นฮีโร่ เป็นบทคู่ที่แสดงโดยนักต่อสู้ที่มีเชิงศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัวที่เก่งที่สุดในโลก เพื่อให้สามารถขยายความเป็นไปได้ของฉากแอ็กชั่น"
ท็อดด์ การ์เนอร์ หัวหน้าฝ่ายโปรดักชั่นของเรฟโวลูชั่น สตูดิโอส์ และยังเป็นผู้อำนวยการสร้างบริหารของภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วย คาดว่าด้วยบทคู่แฝดนี้ เขาสามารถทำให้เจ็ท ลีกลายเป็นดาราดังได้ "เจ็ทกำลังแสดงภาพยนตร์เรื่อง Kiss of the Dragon อยู่ในปารีส" มอร์แกนบอก "ท็อดด์เดินทางไปในวันพฤหัส และพอวันจันทร์ เขาก็โทรศัพท์มาบอกว่าเจ็ทตกลงแล้ว ซึ่งก็ถือว่ายอดมาก เพราะจิมกับผมไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าเราจะได้ร่วมงานกับดาราระดับโลกที่มีทั้งความยิ่งใหญ่และมีความสามารถที่เหลือเชื่อเช่นนี้"
เจ็ท ลี ซึ่งหลายคนยกย่องว่าเป็นสุดยอดแห่งปรมาจารย์ด้านศิลปะการต่อสู้ของโลก รู้สึกติดใจต่อคอนเซปต์ของเรื่อง และโอกาสที่เขาจะได้เล่นเป็นตัวละครที่มีความแตกต่างกันไปในภาพยนตร์เรื่องเดียว "ผมเชื่อว่าอาจจะมีจักรวาลอยู่มากกว่าหนึ่ง" ลีบอก "ผมชอบความมีเหตุมีผลของไอเดียดังกล่าวนี้ มันเป็นความท้าทายที่จะได้เล่นเป็นคนสามคนที่มีความแตกต่างกันในภาพยนตร์เรื่องนี้ เป็นผู้ชายคนเดียวกันที่มีความแตกต่างกันในแต่ละจักรภพ ผู้ชายแต่ละคนจะมีพลังที่แตกต่างกันไป"
"เจ็ทอยากจะทำให้ภาพยนตร์ทุกเรื่องมีความพิเศษอย่างที่มันเกี่ยวพันกับชีวิตของเขา" ผู้อำนวยการสร้างสตีเว่น แชสแมนกล่าว "ถ้ามันเป็นเพียงแค่ภาพยนตร์แอ็กชั่น และไม่มีอะไรให้คนดูนำติดตัวกลับไปด้วยเลย เขาก็จะไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่ ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับการค้นหาอำนาจ และมีสถานการณ์มากมายที่พวกเราทุกคนต่างต้องเผชิญหน้าในชีวิตของเรา ในขณะเดียวกัน มันก็เป็นเรื่องเกี่ยวกับความสมดุลระหว่างความดีและความชั่วด้วย"
"กาบี้ที่เป็นคนดี กับยูลอว์ที่เป็นคนชั่ว จริงๆ แล้วก็ไม่ได้เป็นคู่อาฆาตกันแต่อย่างใด" แชสแมนอธิบายต่อ "กาบี้ไม่ได้ต้องการเป็นส่วนหนึ่งของเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับตัวเขาเลย และยูลอว์ก็เชื่อว่าเขากำลังสร้างระบบของจักรภพที่มีความแตกต่างกันทั้งหมดนี้"
"ในกรณีนี้ กาบี้คือคนที่มีความสมดุลในชีวิต เขามีภรรยา มีงาน มีแม้กระทั่งสุนัขที่เขารัก" ลีกล่าวอีก "เขาไม่เข้าใจถึงสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นกับเขา เมื่อพลังงานของตัวตนของเขาในจักรภพอื่นๆ ได้แผ่ซ่านเข้ามายังร่างกายของเขา เขาไม่ได้ต้องการจะเป็นซูเปอร์แมน ดูเหมือนยูลอว์ที่ชั่วร้ายจะไม่สามารถหยุดตัวเอง เมื่อเขายังคงดำเนินการตามแผนการ เมื่อเขาฆ่า เขาจะถูกครอบงำโดยความยิ่งใหญ่ และพลังของเขาก็จะเพิ่มขึ้น แต่คุณต้องชอบตัวละครทั้งสองตัวถึงจะเล่นเป็นสองตัวละครนี้ได้ดี แม้กระทั่งตัวที่เป็นคนเลว"
"ยูลอว์เชื่อในสไตล์ที่หยิ่งยโสของเขาว่า เขาคือผู้ที่มีพลังชีวิตที่ดีที่สุด" หว่องอธิบาย "เขากำลังเก็บสะสมสิ่งที่เป็นของเขาโดยชอบธรรม ซึ่งก็คือพลังชีวิตของเขาเอง"
มอร์แกนรู้สึกฉงนกับคำถามเดียวกันที่เกิดขึ้นกับเขาตลอดการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องนี้ "กาบี้กับยูลอว์คือคนเดียวกันหรือไม่ ถ้าเราทำงานของเราได้ดี คนดูไม่เพียงแต่จะได้ดูภาพยนตร์เรื่องหนึ่งที่มีฉากแอ็กชั่นยอดเยี่ยมเท่านั้น แต่พวกเขายังจะเดินออกไปจากโรงภาพยนตร์พร้อมกับถามว่า 'ตัวฉันอีกคนหนึ่งในจักรภพอื่นจะเป็นยังไงบ้าง' นั่นคือคำถามเดียวกันกับที่เกิดขึ้นกับกาบี้ แต่เขาดูจะไม่มีเวลามาพิจารณาหาคำตอบสักเท่าไหร่"
"จะไม่มีกลางคืนถ้าปราศจากกลางวัน หรือจะไม่มีความดีถ้าปราศจากความชั่ว" มอร์แกนกล่าวต่อ "เราต้องยอมรับด้านมืดของตัวเราเอง มันแค่อยู่ตรงนั้น แต่ยูลอว์จะไม่ยอมรับความจริงข้อนี้ เขาจึงอยากจะกลายเป็นพระเจ้า และได้ทุกอย่างมาเป็นของเขาคนเดียว เจ็ทได้นำมุมมองต่อชีวิตเช่นนั้นมาสู่ภาพยนตร์เรื่องนี้"
ลีซึ่งเป็นชาวพุทธยินดีเสมอที่จะร่วมแบ่งปันเวลาและปรัชญาของเขากับทีมงาน เขาได้นำบรรยากาศที่สงบเยือกเย็นมาสู่กองถ่าย และยังมีความปรารถนาที่จะร่วมแบ่งปันสิ่งที่เขาได้เรียนรู้มาจากการเดินทางในชีวิตของเขาให้กับคนดูด้วย "ผมต้องการพูดคุยกับคนดูผ่านภาพยนตร์แต่ละเรื่องที่ผมแสดง" ลีบอก "ชีวิตเป็นเรื่องของความสมดุล มันคือมุมมองที่มีต่อโลก เป็นเรื่องเกี่ยวกับความพยายามเข้าใจผู้คน เพื่อจะเดินไปในรอยเท้าของคนอีกคนหนึ่ง มันยังเกี่ยวข้องกับการมุ่งมั่นกับวันนี้ ไม่ต้องห่วงเรื่องอนาคต"
เมื่อลีจะต้องเล่นถึงสามบทบาทที่แตกต่างกัน จึงเป็นเรื่องสำคัญมากสำหรับทีมงานที่จะต้องหานักแสดงสมทบที่มีความสามารถพอกันมาร่วมแสดงกับลี เป็นคนที่จะต้องเผชิญหน้ากับความท้าทายในการแสดงบทที่มากกว่าหนึ่งบทบาท
"เมื่อเจ็ทรับปากมาแสดงภาพยนตร์เรื่องนี้ เราก็อยากจะเลือกนักแสดงที่มีบุคลิกต่างจากบุคลิกเงียบขรึมของเจ็ทมาแสดง" หว่องกล่าว "เขาเป็นคนใจเย็น มีความลึกซึ้ง เราจึงต้องการจะสร้างตัวละครที่มีลักษณะแตกต่างออกไป เราอยากให้เจ้าหน้าที่คนอื่นๆ ดูก้าวร้าว และดูมีลักษณะคุกคาม"
เจ้าหน้าที่รายหนึ่งที่มีลักษณะเช่นนั้นก็คืออดีตคู่หูของยูลอว์ที่ชื่อ แฮร์รี่ โรเด็คเกอร์ โรเด็คเกอร์ (เดลรอย ลินโด) ซึ่งทำงานให้กับมัลติเวิร์ส ออธอริตี้มานานหลายปี ปัจจุบันเขาก็คือผู้ได้รับมอบหมายให้ค้นหาและขัดขวางเพื่อนเก่าของเขา "หน้าที่ของโรเด็คเกอร์ก็คือการขัดขวางยูลอว์ไม่ให้กระทำการขั้นสุดท้าย นั่นก็คือการกลายเป็นหนึ่งเดียว ซึ่งจะทำให้จักรวาลนี้ต้องพบกับความยุ่งเหยิงและอาจจะถูกทำลายในที่สุด" ลินโดกล่าว
"คงจะยุติธรรมแล้วที่จะบอกว่านี่คือเรื่องราวเกี่ยวกับความดีต่อสู้กับความชั่ว" ลินโดกล่าวต่อ "ผมตีความหมายของเรื่องราวนี้เสมือนกับลัทธิฟาสซิสต์ เพราะมันต้องเกี่ยวข้องกับชายคนหนึ่งที่พยายามจะกลายเป็นคนที่รวบอำนาจไว้คนเดียว ปกครองเพียงคนเดียว หน้าที่ของผมคือหยุดเขาจากการกลายเป็นคนที่มีอำนาจเบ็ดเสร็จเช่นนั้น"
ลินโดและลีเคยร่วมงานกันมาแล้วระยะสั้นๆ ในภาพยนตร์แนวแอ็กชั่นผจญภัยเรื่อง Romeo Must Die "ผมได้รู้จักเจ็ทดีขึ้นในภาพยนตร์เรื่องนี้" ลินโดบอก "เพราะตอนที่เราแสดงภาพยนตร์เรื่อง Romeo Must Die ผมเองก็กำลังแสดงภาพยนตร์อีกเรื่องหนึ่งอยู่ในเวลาเดียวกัน ผมจึงมาทำงานได้แค่ประมาณสองอาทิตย์เท่านั้น แต่ครั้งนี้เรามีเวลาร่วมงานกันนานมากขึ้น มันสนุกดี"
"สำหรับเจ็ท ดูเขาสบายใจเหลือเกินที่จะมาที่กองถ่ายเพื่อร่วมทำงานกับเดลรอย" แชสแมนบอก "เดลรอยคือนักแสดงคนหนึ่งที่มีฝีมือดีที่สุดที่ผมเคยพบมา และเขายังมีความชื่นชมในตัวเจ็ท คุณมีฝีมือพอๆ กับคนที่คุณร่วมงานด้วย แล้วพวกเขาก็ดูจะพัฒนาการร่วมงานให้เข้าขากันดีมากขึ้นด้วย"
โรเด็คเกอร์ได้ร่วมกันตามล่าตัวยูลอว์ร่วมกับเจ้าหน้าที่อีกคนหนึ่งที่ชื่อ อีธาน ฟันสช์ ที่รับบทแสดงโดยเจสัน สเตแธม "ตัวละครของผมถูกดึงตัวมาเพื่อภารกิจพิเศษนี้ ก็เพราะยูลอว์ไม่ใช่ผู้ร้ายธรรมดาทั่วไป" สเตแธมอธิบาย "โรเด็คเกอร์จะมีลักษณะที่ดูเป็นตำรวจมากกว่า ในขณะที่ผมจะดูมีลักษณะแบบทหารที่มาจากจักรภพที่มีอาชญากรใจอำมหิตอยู่เยอะ ฟันสช์จึงถูกดึงตัวเข้ามาทำหน้าที่ในการเผชิญหน้าแบบนี้ เขาถูกดึงตัวมาให้ต้องมาลุยกับพวกอาชญากร"
นอกเหนือจะทำหน้าที่จัดการให้กับเจ็ท ลีแล้ว แชสแมนยังเป็นตัวแทนให้กับสเตแธมด้วย "เจสันก็คือบรู๊ซ วิลลิสอังกฤษที่ยังหนุ่มแน่น เขาเป็นคนที่ดูงามสง่าและดูดีมากเมื่ออยู่บนจอ"
"เจสันแสดงได้ดีมาก" หว่องบอก "เขามีพลังและไม่กลัวเกรงอะไร"
มอร์แกนมีมุมมองต่อนักแสดงแต่ละคนในแบบฉบับของเขาเอง "การที่เขามาจากอีกวัฒนธรรมหนึ่ง บางครั้ง เราต้องอธิบายให้เจ็ทฟังว่าทำไมมุขบางมุขมันถึงได้ตลก เขาจะตัดสินเองว่ามันดูสมเหตุสมผลไหมสำหรับเขา กับเดลรอย เขาอยากจะรู้อยู่เสมอว่าทำไมตัวละครของเขาถึงได้รับแรงกระตุ้นที่จะทำบางสิ่งบางอย่าง พูดบางอย่าง แม้กระทั่งยืนอยู่ในบางที่ เขาจะคอยกระตุ้นคุณตลอด ส่วนเจสันนั้นจะเป็นคนที่กระตือรือร้นที่จะลองทำทุกอย่าง ดังนั้น คุณจึงมีดาราระดับโลกอย่างเจ็ท ลี มีนักแสดงมืออาชีพที่ผ่านประสบการณ์มามากมายอย่างเดลรอย ลินโด และมีนักแสดงหน้าใหม่อย่างเจสัน ที่มีทั้งความสามารถอยู่ภายใน และมีหลักในการทำงานที่เข้มงวด มันน่าสนใจที่ได้มาเห็นว่าพวกเขาทำงานด้วยกันอย่างไร" มอร์แกนบอก
นักแสดงสมทบคนอื่นๆ ได้แก่ คาร์ล่า กูจิโน่ ซึ่งรับบทเป็นภรรยาสาวผู้เสียสละของกาบี้ที่ชื่อว่า ทีเค และยังรับบทเป็นแฟนสาวของยูลอว์ที่ชื่อว่า แมสซี่ วอลช์
"คาร์ล่าเดินเข้ามาในนาทีสุดท้าย" มอร์แกนอธิบาย "เราโชคดีมากที่ได้เจอเธอ มันอาจจะไม่ใช่บทเด่นมากนัก แต่มันก็เป็นบทที่มีความสำคัญมาก ถ้าคุณไม่ชอบเธอ ถ้าคุณไม่เชื่อในตัวเธอ เรื่องก็คงจะพังพินาศหมด"
"คาร์ล่าคือหนึ่งในนักแสดงที่ยินดีจะทดลองทุกอย่าง และเดินหน้าไปพร้อมกับมัน" หว่องบอก "เมื่อเธอเดินมาที่ฉากในรูปลักษณ์ของตัวละครที่แตกต่างกันไป แม้กระทั่งทีมงานก็ยังจำเธอไม่ได้ เธอเป็นผู้หญิงที่เซ็กซี่ที่สุดที่คุณเคยเห็นมา จากนั้นเธอก็จะกลายเป็นภรรยาสาวที่แสนติดดินและน่ารัก และเป็นผู้หญิงทำงาน คุณจะเห็นเรื่องราวที่แตกต่างกันที่เธอใส่ให้กับตัวละครแต่ละตัว มันคือคำชมที่มีต่อความสามารถของเธอ"
"ทีเคคือผู้หญิงหัวรั้น แล้วเธอก็รักกาบี้มาก" กูจิโน่บอก "จากวินาทีแรกที่เราเปิดตัวเธอ เธอก็อยู่ในช่วงวิกฤตแล้ว เพราะว่าสามีของเธอซึ่งเป็นตำรวจ กำลังมีปัญหา เราจะรู้สึกได้เลยถึงความรักและความผูกพันระหว่างเขากับเธอ เธอมีความเป็นผู้หญิงในทุกด้าน ในทางตรงกันข้าม แมสซี่เป็นผู้หญิงที่เป็นตัวอันตราย เป็นหญิงสาวที่พูดน้อย แต่ต่อยหนักในแบบฉบับของเธอเอง"
"เรื่องแรกที่เจ็ทบอกกับฉันก็คือ ความสัมพันธ์ระหว่างตัวละครสองตัวนี้มีความสำคัญแค่ไหน" กูจิโน่กล่าว "สำหรับเจ็ท ความผูกพันระหว่างกาบี้กับทีเค คือหัวใจของเรื่องนี้ มันให้ความรู้สึกแบบมนุษย์ ฉันเองก็ชอบความคิดที่ว่าจิตวิญญาณของคนคือสิ่งที่มีมากกว่าแค่ร่างกาย และมันอาจจะสืบเนื่องต่อไปมากกว่าแค่ในหนึ่งชีวิตก็ได้"
ทุกอย่างขึ้นอยู่กับโปรดักชั่น ดีไซเนอร์ เดวิด แอล สไนเดอร์ ผู้รับผิดชอบสร้างภาพลักษณ์ของจักรภพคู่ขนานขึ้นในภาพยนตร์เรื่องนี้ เขาพยายามสร้างความหลากหลายแตกต่างให้เกิดขึ้นในจักรภพเหล่านี้ "ความจริงที่ว่าจิม หว่องคือมือเขียนบทด้วยนั้น มันช่วยให้หลายสิ่งหลายอย่างง่ายขึ้นเยอะ เพราะว่าเขาสามารถอธิบายสิ่งที่เขาต้องการออกมาได้จริงๆ ผมก็เพียงแค่สร้างภาพจากถ้อยคำที่เขากับเกลนเขียนขึ้นมาเท่านั้น"
"ความท้าทายที่น่าสนใจที่สุดก็คือการสร้างสิ่งที่เราเรียกกันว่า จักรภพเอ และจักรภพซี" สไนเดอร์อธิบาย "มันถูกกำหนดให้มีลักษณะที่เหมือนกัน ยกเว้นการเปลี่ยนแปลงเล็กๆ น้อยๆ คนดูจะได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นในเวลาเดียวกันสองครั้ง มันเป็นฉากที่แตกต่างกันในโลเกชั่นที่แตกต่างกันสองแห่ง เราทำการเปลี่ยนแปลงยวดยานพาหนะ โฆษณา โทนสี และรายละเอียดต่างๆ มันเป็นเพราะการเขียนบทที่ชาญฉลาดที่ทำให้ผมทำงานได้อย่างสนุกสนานจริงๆ"
"คุณมักจะพยายามทำสิ่งที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน" สไนเดอร์กล่าวต่อ "ดังนั้น เราจึงพยายามนำความหลากหลายมาสู่จักรภพที่แตกต่างกัน และไม่นำไปเปรียบเทียบกับภาพยนตร์เรื่องอื่นๆ มัลติเวิร์สเอเจนซี่ในอนาคตจะมีลักษณะแบบสปาร์ตั้นและยึดถือประโยชน์เป็นสำคัญ ไม่มีรอยขีดข่วนบนพื้น ไม่มีฝุ่นผง สะอาดหมดจด แต่โรงงานในปัจจุบันจะเต็มไปด้วยรายละเอียด น้ำมัน และฝุ่นละออง บ้านที่กาบี้กับทีเคอาศัยอยู่ได้รับการดูแลรักษาเป็นอย่างดี แต่ก็อบอวลไปด้วยความรักและค่อนข้างเก่าแก่ ทุกโลเกชั่นจะมีลักษณะเฉพาะของมันเอง"
การเตรียมงานพรีโปรดักชั่นยังรวมถึงการออกแบบฉากต่อสู้ที่มีอยู่อย่างมากมาย ซึ่งเป็นฝีมือการออกแบบของผู้กำกับคิวบู๊ชื่อก้องโลก คอรี่ หยวน (หรือเป็นที่รู้จักในประเทศจีนในชื่อ หยวนไกว) เพราะหยวนปักหลักอยู่ในฝรั่งเศสเพื่อดูแลฉากต่อสู้ให้กับภาพยนตร์เรื่อง Kiss of the Dragon เขากับทีมงานจึงเดินทางมายังอเมริกาเพื่อเริ่มต้นออกแบบฉากต่อสู้ให้กับภาพยนตร์เรื่อง The One เพียงแค่สามอาทิตย์ก่อนหน้าที่งานถ่ายทำจะเริ่มต้นขึ้น โจนาธาน กีควอน ผู้ช่วยผู้กำกับคิวบู๊ (ยังมีต่อ)
-อน-