กสิกรไทยลุยต่อครึ่งปีหลัง ตั้งเป้าดึงลูกค้าใหม่อีก1 ล้านราย ชูนวัตกรรมการเงินใหม่ ๆ มัดใจลูกค้า

ข่าวเศรษฐกิจ Friday August 26, 2011 11:47 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--26 ส.ค.--ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารกสิกรไทยลุยครึ่งปีหลังหวังเพิ่มลูกค้าใหม่อีก 1 ล้านราย มัดใจลูกค้าภายใต้คอนเซ็ป “ฝาก” พร้อมอัดฉีดงบ 2,400 ล้านบาท ลงกลยุทธ์ FIT พัฒนา 3 ด้านหลัก ทั้ง คน นวัตกรรมบริการ และระบบฐานข้อมูล ครึ่งปีหลังลุยตลาดด้วยนวัตกรรมผ่าน 4 ผลิตภัณฑ์หลัก สินเชื่อ การออม-การลงทุน ดิจิตอลแบงกิ้ง และบริการที่ปรึกษา หวังดันยอดเงินฝากและกองทุนรวมเป็นขึ้นอันดับ 1 ต่อเนื่อง ครองฐานลูกค้าใหม่ 2 ล้านรายภายในสิ้นปี นายอำพล โพธิ์โลหะกุล รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ในครึ่งปีแรก 2554 ธนาคารฯ มีเป้าหมายที่จะเพิ่มฐานลูกค้าใหม่อีก 1 ล้านราย จากครึ่งปีแรกที่สามารถเพิ่มลูกค้าใหม่ได้แล้ว 1 ล้านราย ซึ่งจะทำให้ฐานลูกค้าทั้งหมดเพิ่มเป็นประมาณ 10 ล้านราย ภายในสิ้นปี 2554 ทั้งนี้ ธนาคารฯ มุ่งเน้นทำความเข้าใจ ศึกษาพฤติกรรมและความต้องการของลูกค้าแต่ละช่วงอายุในเชิงลึกแบบ 360 องศา โดยได้ออกแคมเปญ “ฝาก KBank ช่วยดูแลตลอดทุกช่วงชีวิต เพื่ออนาคตที่ดีกว่า” ซึ่งมุ่งเน้นการตอบสนองความต้องการที่แตกต่างกันในแต่ละช่วงชีวิตด้วยการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่เป็นนวัตกรรมทางการเงินอย่างต่อเนื่อง เพื่อดึงลูกค้าเดิมและลูกค้าใหม่ใช้บริการของธนาคารกสิกรไทยเป็นธนาคารหลัก(Main Bank) โดยในครึ่งปีหลังธนาคาร ฯ จะใช้กลยุทธ์ FIT Management ในการพัฒนาธุรกิจลูกค้าบุคคลเพื่อครองตลาดลูกค้ารายย่อยในฐานะผู้ให้บริการที่มีคุณภาพ ซึ่งประกอบด้วย 3 องค์ประกอบหลัก ได้แก่ 1) Friendly & Professional staff การพัฒนาพนักงานผู้ให้บริการ ให้มีความรู้ มีคุณภาพเป็นมืออาชีพพร้อมส่งมอบบริการที่เป็นเลิศให้แก่ลูกค้า โดยธนาคาร ฯ ตั้งงบประมาณในการพัฒนาพนักงานในปีนี้ ไว้ที่ 100 ล้านบาท 2) Innovative product & marketing การพัฒนานวัตกรรมการให้บริการและการตลาดอย่างต่อเนื่อง โดยใช้ลูกค้าเป็นศูนย์กลาง เพื่อให้ได้บริการที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าสูงสุด โดยปีนี้ธนาคารให้งบประมาณด้านการวิจัยความต้องการลูกค้า การพัฒนาผลิตภัณฑ์และการสื่อสารการตลาดไว้ที่ 300 ล้านบาท 3) Technhology: Data mining & CRM การพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ด้านระบฐานข้อมูลลูกค้า เพื่อนำไปสู่การสร้างประสบการณ์ที่ดีโดนใจลูกค้า ด้วยงบประมาณการลงทุนของธนาคารประมาณ 2,000 ล้านบาท โดยในส่วนของนวัตกรรมทางการเงินที่ธนาคารจะใช้ในการบุกตลาดครึ่งปีหลัง จะประกอบด้วยด้วย 4 กลุ่มผลิตภัณฑ์หลัก ได้แก่ กลุ่มผลิตภัณฑ์สินเชื่อบุคคล ซึ่งมีผลิตภัณฑ์และโครงการสำคัญที่ออกในครึ่งปีหลัง อาทิ โครงการเดินบัญชีเพื่ออนาคต เพื่อช่วยให้กลุ่มลูกค้าที่ไม่มีเอกสารแสดงรายได้สามารถขอสินเชื่อและบริการทางการเงินจากธนาคารได้ โดยลูกค้าเพียงออมเงินกับธนาคารเป็นจำนวนเงินเท่ากันทุกเดือน ขั้นต่ำเพียง 4,000 บาทต่อเดือน เป็นเวลา 1-2 ปีติดต่อกัน ในขณะที่สินเชื่อบุคคลมียอดรวมครึ่งปีแรกกว่า 230,000 ล้านบาท เติบโตจากสิ้นปี 2553 ถึง 7% กลุ่มผลิตภัณฑ์การออมและการลงทุน ครึ่งแรกปี 2554 มีเงินฝากและกองทุนรวมถึง 1.7 ล้านล้านบาท เป็นอันดับ 1 ในตลาด เติบโตจากสิ้นปีที่แล้ว 8% และมีนวัตกรรมบริการที่แนะนำสู่ตลาดในช่วงครึ่งปีหลัง ได้แก่ ประกันชีวิตมนุษย์เงินเดือน ซึ่งมุ่งคุ้มครองชีวิตและโรคร้าย รวมทั้งเป็นเงินออมสำหรับกลุ่มผู้มีรายได้ประจำ กองทุนคุ้มครองเงินต้น ซึ่งเป็นการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนที่ดีเมื่อเทียบกับการฝากออมทรัพย์ ขณะเดียวกันยังปิดความเสี่ยงโดยการคุ้มครองเงินต้น จึงเป็นทางเลือกให้แก่นักลงทุนที่ต้องการลดผลกระทบจากการลดวงเงินคุ้มครองเงินฝาก นอกจากนี้ กองทุนเพื่อการลดหย่อนภาษี LTF และ RMF ก็ยังเป็นผลิตภัณฑ์ที่เป็นที่นิยมของลูกค้าบุคคลในช่วงปลายปีเช่นกัน กลุ่มผลิตภัณฑ์ธนาคารอีเล็กทรอนิกส์ ซึ่งธนาคารครองอันดับ 1 ในตลาด ได้แก่ บริการธนาคารทางโทรศัพท์มือถือ (K-Mobile Banking) และบริการธนาคารทางอินเทอร์เน็ต (K-Cyber Banking) ซึ่งจะมีการออกนวัตกรรมบริการสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดร่วมกับวีซ่ารุกการทำธุรกรรม Mobile Commerce เวอริฟาย บาย วีซ่า ผ่านสมาร์ทโฟนเป็นครั้งแรกของโลก เพื่อรองรับความการใช้งานของลูกค้ากลุ่มคนรุ่นใหม่ที่นิยมทำธุกรรมผ่านช่องทางดิจิตอลสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง บริการให้คำปรึกษา โดย K-WePlan ซึ่งจะช่วยในลูกค้าบุคคลทั่วไปสามารถเข้าถึงการวางแผนทางการเงินได้ง่ายขึ้น โดยที่ปรึกษามืออาชีพของเครือธนาคารกสิกรไทย นอกจากนี้ ยังมีการเพิ่มช่องทางให้คำปรึกษาที่มีรูปแบบทันสมัย เช่น การพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ K-WePlan ผ่าน Face time บนไอแพด เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้าได้มากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ ในครึ่งปีแรก 2554 ธนาคารฯ มีรายได้จากค่าธรรมเนียมประมาณ 6,400 ล้านบาท เพิ่มจากปีที่แล้ว 20% จากการเติบโตในส่วนของ ธุรกิจแบงก์แอสชัวรันส์ เงินโอน บัตรเครดิต และกองทุนรวม ปัจจุบันธนาคารกสิกรไทยมีกลุ่มลูกค้าบุคคล (Retail Banking) อยู่ 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มลูกค้าบุคคลทั่วไป (Mass Segment) เป็นกลุ่มลูกค้าทั่วไปที่มีความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินพื้นฐานที่ง่าย สะดวกและรวดเร็ว ที่มีเงินฝากในธนาคารกสิกรไทยเฉลี่ยย้อนหลัง 3 เดือน น้อยกว่า15,000 บาทต่อเดือน เช่น นิสิต นักศึกษา หรือผู้ที่อยู่ในวัยเริ่มทำงาน มีการใช้ผลิตภัณฑ์ (Product Holding) ของธนาคารกสิกรไทยเฉลี่ย 2.72 ผลิตภัณฑ์ต่อคน และใน 3 ปีข้างหน้าธนาคารฯ ตั้งเป้าเพิ่มการถือครองผลิตภัณฑ์เป็น 4.03 ผลิตภัณฑ์ต่อคน กลุ่มลูกค้าบุคคลระดับกลาง (Middle Income Segment) เป็นกลุ่มลูกค้าผู้มีรายได้ประจำ ที่ทำงานในภาครัฐ ภาคเอกชน ที่มีเงินฝากหรือเงินลงทุนในเครือธนาคารกสิกรไทย เฉลี่ยย้อนหลัง 3 เดือน ตั้งแต่ 15,000 บาทต่อเดือนขึ้นไป แต่น้อยกว่า 10 ล้านบาท ปัจจุบันเป็นลูกค้าธนาคารแล้ว 36.5% และใช้ธนาคารกสิกรไทยเป็นธนาคารหลัก 17% มีการถือครองผลิตภัณฑ์ (Product Holding) ของธนาคารกสิกรไทยเฉลี่ย 3.05 ผลิตภัณฑ์ต่อคน และใน 3 ปีข้างหน้าธนาคารฯ ตั้งเป้าเพิ่มการถือครองผลิตภัณฑ์เป็น 4.5 ผลิตภัณฑ์ต่อคน กลุ่มลูกค้าบุคคลพิเศษ (Affluent Segment) เป็นกลุ่มลูกค้าระดับพิเศษที่มีรายได้สูง ที่ได้ให้ความไว้วางใจกับเครือธนาคารกสิกรไทยดูแลรักษาเงินฝาก หรือเงินลงทุน เฉลี่ยย้อนหลัง 6 เดือน ตั้งแต่ 10 ล้านบาทขึ้นไป แต่น้อยกว่า 50 ล้านบาท ปัจจุบันเป็นลูกค้าธนาคารแล้ว 50% และใช้ธนาคารกสิกรไทยเป็นธนาคารหลัก 17% มีการถือครองผลิตภัณฑ์ (Product Holding) ของธนาคารกสิกรไทยเฉลี่ย 5.41 ผลิตภัณฑ์ต่อคน และใน 3 ปีข้างหน้าธนาคารฯ ตั้งเป้าเพิ่มการถือครองผลิตภัณฑ์เป็น 6.65 ผลิตภัณฑ์ต่อคน นายอำพล กล่าวว่า ด้วยกลยุทธ์ “ฝาก” และนวัตกรรมทางการเงินใหม่ รวมทั้งการให้บริการที่มีคุณภาพของเครือธนาคารกสิกรไทยดังกล่าว จะช่วยให้ธนาคารฯ สามารถเพิ่มลูกค้าใหม่ และเพิ่มการถือครองผลิตภัณฑ์ของลูกค้าแต่ละกลุ่มมากขึ้น ประกอบกับเครือข่ายการให้บริการที่เข็มแข็ง ผ่านสาขาของธนาคารกสิกรไทยมากกว่า 800 สาขาทั่วประเทศ เอทีเอ็มราว 7,400 เครื่อง และทีมงานผู้ให้บริการมืออาชีพของเครือธนาคารกสิกรไทย จะนำธนาคารสู่ความสำเร็จในธุรกิจลูกค้าบุคคลตามเป้าหมายสำหรับปลายปี 2554 โดยการครองอันดับหนึ่งยอดเงินฝากและกองทุนรวมต่อเนื่อง ยอดสินเชื่อบุคคลเติบโตสอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจ รายได้ค่าธรรมเนียมเติบโตจากปี 2553 มากกว่า 20% และจำนวนลูกค้าใหม่ประมาณ 2 ล้านราย

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ