กรุงเทพฯ--26 ส.ค.--สมาคมผู้ผลิต ผู้ค้าและส่งออกไข่ไก่
นายปรีชา สุขบุญพันธ์ ประธานชมรมผู้เลี้ยงไก่ไข่ภาคเหนือ เปิดเผยว่า ผู้เลี้ยงไก่ไข่ภาคเหนือ ที่เคยประสบปัญหาน้ำท่วมเมื่อปลายปี 2553 เกิดความไม่มั่นใจต่อสถานการณ์น้ำที่กำลังเกิดขึ้นว่า จะกระทบต่อการเลี้ยงไก่ไข่ดังเช่นที่เคยเป็น จึงชะลอการนำแม่พันธุ์ไก่ไข่เข้าเลี้ยง ส่งผลให้ปริมาณไก่ไข่ที่ออกสู่ท้องตลาดหายไปไม่ต่ำกว่า 1 แสนฟองต่อวัน
“ถึงแม้ภาวะน้ำท่วมที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ จะไม่ส่งผลโดยตรงกับการเลี้ยงไก่ไข่ แต่ก็ทำให้เกษตรกรในหลายพื้นที่ อาทิ จังหวัดน่าน แพร่ อุตรดิตถ์ และพิษณุโลก ที่เคยถูกน้ำท่วมจนเสียหายและเดือดร้อนอย่างหนักเมื่อปีที่แล้ว เกิดความกังวลว่าจะเกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยเดิมอีก จึงไม่กล้านำไก่เข้าเลี้ยง ทำให้ปริมาณไข่ไก่ในท้องตลาดลดลง วันละเกือบ 1 แสนฟอง ซึ่งภาวะความไม่มั่นใจในสถานะการณ์น้ำดังกล่าวจะเกิดเป็นลูกโซ่จากเหนือ สู่ภาคกลาง อีสาน ไปจนถึงภาคใต้ ตามภาวะน้ำที่จะท่วมไล่ไปเช่นนี้ ซึ่งจะส่งผลต่อปริมาณไข่ไก่อย่างแน่นอน” นายปรีชา กล่าวและว่าปริมาณผลผลิตไข่ไก่ที่ลดลงกว่า 10% ในปัจจุบัน เกิดจากหลายสาเหตุ ตั้งแต่ปัญหาภาวะอากาศแปรปรวนที่เกิดขึ้นอยู่ตลอด ทำให้ไก่ไข่อ่อนแอ กินอาหารน้อยลง การให้ไข่ลดลง ที่สำคัญยังมีปัญหาโรคระบาดที่เกิดขึ้นต่อเนื่องตั้งแต่กลางปี 2553 ที่ผ่านมา ซึ่งวันนี้สถานะการณ์ของโรคยังไม่คลี่คลาย ส่งผลให้ปริมาณไข่ไก่ที่ออกสู่ท้องตลาดน้อยลงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ นอกจากนี้ เกษตรกรผู้เลี้ยงไก่ไข่ยังต้องประสบปัญหาต้นทุนการผลิตสูงขึ้น จากราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์ปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องด้วย