บริษัทจดทะเบียนมีกำไรปี 2544 รวม 2 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 5 เท่า

ข่าวทั่วไป Thursday March 7, 2002 09:13 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--7 มี.ค.--ตลท.
บริษัทจดทะเบียนประกาศผลการดำเนินงานประจำปี 2544 มีกำไรสุทธิรวมกันถึง 2 แสน 6 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนถึง 5 เท่า นำโดยกลุ่มพลังงาน วัสดุก่อสร้าง สื่อสาร ขนส่ง และธุรกิจการเกษตร ส่วนธนาคารพาณิชย์และธุรกิจเงินทุนหลักทรัพย์กำไรเพิ่มขึ้น
นางสาวโสภาวดี เลิศมนัสชัย ผู้จัดการศูนย์ระดมทุนและตลาดหลักทรัพย์ใหม่ เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนประจำปี 2544 ว่า ณ วันที่ 4 มีนาคม 2545 มีบริษัทจดทะเบียนทั้งในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และตลาดหลักทรัพย์ใหม่ (MAI) ได้นำส่งงบการเงินสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2544 แล้วรวมจำนวน 369 บริษัทจากบริษัททั้งหมด 384 บริษัท หรือคิดเป็นร้อยละ 96 ในจำนวนนี้ปรากฏว่ามีบริษัทที่มีกำไรสุทธิจำนวน 285 บริษัทหรือคิดเป็นร้อยละ 77 ของบริษัททั้งหมด โดยมีกำไรสุทธิรวม 205,921 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีผลขาดทุนสุทธิรวม 51,220 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นถึง 5.02 เท่า
"สำหรับบริษัทจดทะเบียนส่วนใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์ ได้แก่บริษัทในกลุ่มอุตสาหกรรมและบริการ (ไม่รวมสถาบันการเงินและบริษัทที่อยู่ระหว่างฟื้นฟูการดำเนินงานหรือกลุ่ม REHABCO) จำนวน 289 บริษัท มีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นถึงร้อยละ 164 โดยมีกำไรสุทธิสูงถึง 109,434 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปี 2543ที่มีผลกำไรสุทธิเพียง 41,473 ล้านบาท โดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีกำไรสุทธิสูงสุด 5 อันดับแรกได้แก่ กลุ่มพลังงาน กลุ่มวัสดุก่อสร้าง กลุ่มสื่อสาร กลุ่มขนส่ง และกลุ่มธุรกิจการเกษตร โดยทั้ง 5 กลุ่มนี้มีกำไรสุทธิรวมกัน 73,491 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 35.69 ของบริษัทจดทะเบียนทั้งหมด และ 5 กลุ่มอุตสาหกรรมดังกล่าวนี้ เป็นกลุ่มที่มีสัดส่วนมูลค่าตลาด (Market Capitalization) สูงถึงร้อยละ 42 ของมูลค่าตลาดทั้งหมด
ทั้งนี้การที่บริษัทจดทะเบียนส่วนใหญ่มีผลการดำเนินงานดีขึ้น เป็นผลมาจากการมียอดขายโดยรวมเพิ่มขึ้น และอัตราดอกเบี้ยโดยทั่วไปลดลง รวมทั้งการที่บริษัทจดทะเบียนมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน ในขณะที่ปีก่อนมีผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน" นางสาวโสภาวดีกล่าว
นางสาวโสภาวดีกล่าวต่อว่า "สำหรับผลประกอบการของสถาบันการเงินในตลาดหลักทรัพย์มีตัวเลขที่ดีขึ้น ธนาคารพาณิชย์ทั้ง 13 แห่ง และบรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย มีกำไรสุทธิรวม 84,718 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีผลขาดทุน 10,287 ล้านบาท คิดเป็น 9.24 เท่า ทั้งนี้ เนื่องมาจากในปีนี้ ธนาคารศรีนคร จำกัด (มหาชน) (BMB) และ ธนาคารนครหลวงไทย จำกัด (มหาชน) (SCIB) มีรายการพิเศษจากการโอนกลับรายการค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญเป็นรายได้ภายใต้โครงการโอนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPLs) ให้บรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย (TAMC) จำนวนรวม 99,268 ล้านบาท ส่วนผลการดำเนินงานของธุรกิจเงินทุนหลักทรัพย์ 16 บริษัทนั้น มีผลการดำเนินงานที่เป็นไปในทิศทางเดียวกันกับธนาคารพาณิชย์ โดยมีบริษัทที่มีกำไร 12 บริษัท ในขณะที่ 4 บริษัทประสบกับภาวะขาดทุน โดยมีกำไรสุทธิรวม 3,687 ล้านบาทในขณะที่ปีก่อนประสบกับภาวะขาดทุน 476 ล้านบาท "
สำหรับบริษัทจดทะเบียนที่อยู่ระหว่างฟื้นฟูการดำเนินงานหรือกลุ่ม REHABCO นั้นปรากฏว่ามีบริษัทที่นำส่งงบการเงินแล้วจำนวน 39 บริษัท จากทั้งหมด 51 บริษัท โดยบริษัทที่มีผลกำไรสุทธิมีจำนวน 22 บริษัท มีกำไรสุทธิรวม 6,871 ล้านบาทหรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 108 เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน
"ส่วนบริษัทจดทะเบียนที่อยู่ระหว่างการปรับโครงสร้างหนี้นั้น มีความคืบหน้าในการปรับโครงสร้างหนี้ถึงร้อยละ 75 โดยมีบริษัทรายงานความคืบหน้ามาทั้งสิ้น 148 บริษัท มูลค่าหนี้ที่ปรับโครงสร้างเรียบร้อยแล้วมีจำนวน 920,344 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 75 ของมูลค่าหนี้ทั้งหมด โดยวิธีการปรับโครงสร้างหนี้ส่วนใหญ่เป็นการขยายอายุหนี้ร้อยละ 54 แปลงหนี้เป็นทุน/หุ้นกู้ร้อยละ 14 ลดเงินต้นและดอกเบี้ยร้อยละ 9 ส่วนที่เหลืออีกร้อยละ 23 เป็นการโอนขายทรัพย์สิน เพิ่มทุนและอื่น ๆ" ผู้จัดการศูนย์ระดมทุนและตลาดหลักทรัพย์ใหม่กล่าวสรุป
ต้องการข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อส่วนประชาสัมพันธ์ ฝ่ายสื่อสารองค์กร :
ลดาวัลย์ กันทวงศ์ โทร.0-2229-2036 / กุลวิดา จินตกะวงส์ โทร. 0-2229-2037 / จิวัสสา ติปยานนท์ โทร.0-2229-2039--จบ--
-อน-

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ