กรุงเทพฯ--30 ส.ค.--IR network
บล.คันทรี่ กรุ๊ป หรือ CGS อวดผลงานครึ่งปีแรกดีต่อเนื่อง กวาดกำไรอีก 177.44 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 646.98% พลิกจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่เคยขาดทุน 32.44 ล้านบาท พร้อมโชว์ยอดกำไรสะสม 265.60 ล้านบาท ผู้บริหารระบุเป็นผลจากการรุกพัฒนาในทุกด้านให้แข็งแกร่ง ทั้งบุคลากรและเทคโนโลยี จนได้รับการยอมรับจากลูกค้าและมาใช้บริการมากขึ้น พร้อมเผยกลยุทธ์ครึ่งปีหลังยังเดินหน้าเพิ่มโปรดักส์ใหม่อย่างต่อเนื่อง ควบคู่การบริหารต้นทุนให้ลดลงอย่างมีประสิทธิภาพ รับมือการแข่งขันหลังเปิดเสรีค่าคอมมิสชั่น
ดร.ประสิทธิ์ ศรีสุวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทหลักทรัพย์ คันทรี่ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (CGS) เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานตามงบการเงินที่แสดงเงินลงทุนตามวิธีส่วนได้เสียสำหรับงวดครึ่งปีสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2554 ซึ่งได้ผ่านการตรวจสอบจากผู้สอบบัญชีรับอนุญาตแล้ว โดยบริษัทมีกำไรสุทธิจำนวน 177.44 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 209.88 ล้านบาท หรือร้อยละ 646.98 เมื่อ เปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีขาดทุนสุทธิจำนวน 32.44 ล้านบาท โดย ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2554 บริษัทมีกำไรสะสม จำนวน 265.60 ล้านบาท
ทั้งนี้ CGS มีรายได้รวม 799.81 ล้านบาท ประกอบด้วยรายได้ค่านายหน้าจำนวน 619.57 ล้านบาท รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการจำนวน 7.25 ล้านบาท กำไร จากเงินลงทุนและตราสารอนุพันธ์จำนวน 80.88 ล้านบาท ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนตามวิธีส่วนได้ เสียจำนวน 18.95 ล้านบาท และรายได้จากดอกเบี้ยรับและเงินปันผลและดอกเบี้ยเงินให้กู้ยืมเพื่อซื้อ หลักทรัพย์จำนวน 65.20 ล้านบาท และรายได้อื่นๆ จำนวน 7.96 ล้านบาท ซึ่งทำให้รายได้รวมเพิ่มขึ้น 193.69 ล้านบาท หรือร้อยละ 31.96 เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวมจำนวน 606.12 ล้านบาท
ส่วนค่าใช้จ่ายรวมสำหรับงวดครึ่งปีสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2554 จำนวน 622.37 ล้านบาท ลดลง 16.19 ล้านบาท หรือร้อยละ 2.54 เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่จำนวน 638.56 ล้านบาท
"เป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างยิ่งสำหรับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง โดยสามารถทำให้ผลประกอบการงวด 6 เดือนเติบโตอย่างโดดเด่นสมกับที่ CGS มีการพัฒนาในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มผลิตภัณฑ์ทางการเงิน เพื่อให้สามารถรองรับความต้องการของลูกค้าได้อย่างครบวงจร การพัฒนาระบบด้านไอทีให้มีความทันสมัย การบริหารความเสี่ยงต่างๆ การพัฒนาศักยภาพของทีมมาร์เก็ตติ้ง รวมไปถึงขยายฐานนักลงทุนรายย่อยและนักลงทุนสถาบันให้เติบโตมากขึ้น เพื่อให้องค์กรแข็งแกร่งและเป็นการเตรียมพร้อมรับมือกับการแข่งขันที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ที่คาดว่าจะเพิ่มดีกรีความร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ ไปจนถึงการเปิดเสรีค่าคอมมิสชั่นในปี 2555 ซึ่งทั้งหมดล้วนแล้วแต่เป็นการแสดงให้เห็นว่าคณะผู้บริหารและทีมงานบริษัท มีความมุ่งมั่นที่จะบริหารงานและสร้างความประทับใจให้กับผู้ถือหุ้นตลอดจนสร้างความแข็งแกร่งอย่างยั่งยืนให้กับ CGS ในอนาคต"
เขากล่าวต่อถึง แผนธุรกิจในครึ่งปีหลัง ยังคงเน้นการเพิ่มโปรดักส์ใหม่ๆ อย่างต่อเนื่องตามนโยบายของการเป็นโบรกเกอร์ประเภท One Stop Service เช่น ธุรกิจ “SBL” คือ การยืมและให้ยืมหลักทรัพย์ เพื่อให้สามารถบริการและตอบสนองความต้องการลูกค้าได้อย่างครบวงจร และ “Derivative Warrants” หรือที่เรียกว่าใบสำคัญแสดงสิทธิ์ ในขณะเดียวกันยังคงให้ความสำคัญกับการบริหารต้นทุนให้ลดลงอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะการนำระบบเทคโนโลยี เข้ามาใช้เพื่อให้เกิดความสะดวกในการทำงานและช่วยลดต้นทุนได้มากยิ่งขึ้น