กรุงเทพฯ--31 ส.ค.--แบลบเบอร์เมาท์
ช่วงหลายปีที่ผ่านมา คนทั่วโลกต่างให้ความสำคัญ กับการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติเพิ่มมากขึ้น จนเกิดกระแสโลกสีเขียว เป็นเพราะเราต่างตระหนักถึงความสำคัญของสิ่งแวดล้อม เนื่องจากที่ผ่านมา มนุษย์ต่างใช้ทรัพยากรอย่างไม่รู้คุณค่า ส่งผลให้ทุกวันนี้ โลกของเรากำลังเผชิญกับภาวะโลกร้อน ดังนั้น องค์กรธุรกิจหลายๆประเภท จึงให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เพิ่มมากขึ้น ซึ่งหนึ่งในนั้นคือธุรกิจร้านซาลอน ที่หลายคนคงไม่คิดว่าร้านซาลอนจะสามารถนำกระแสนี้เข้ามาใช้กับร้านได้
แต่สำหรับร้าน ToB1 Hair Station สาขาล่าสุด เซ็นทรัลเวิลด์ สามารถฉีกกฎร้านซาลอนแบบเดิมๆ ด้วยคอนเซ็ปต์ For the love of hair, For the sake of earth ในแบบ ECO Salon ที่มาพร้อมหลัก 3R : Reduce Reuse Recycle โดยร้าน ToB1 แห่งนี้เป็นร้านซาลอนต้นแบบเพื่อสิ่งแวดล้อมของเมืองไทย
ทุกฟังก์ชั่นของร้านจะถูกออกแบบ โดยเน้นให้ความรู้สึกอบอุ่นและเป็นธรรมชาติ เพราะถูกตกแต่งด้วยสีเขียวของต้นไม้ และคำนึงถึงการลดการใช้พลังงานที่สิ้นเปลือง มีการนำกระจกเงามาช่วยตกแต่งภายในร้าน เพื่อให้เกิดมีมิติ และแสงสะท้อนของกระจกจะช่วยเพิ่มแสงสว่างอีกด้วย โดยเลือกใช้โคมไฟแบบเฉพาะจุด และหลอดประหยัดไฟ เพื่อลดการใช้พลังงาน รวมถึงมีการติดตั้งเครื่องฟอกอากาศขนาดใหญ่ใต้เพดาน ลดการฟุ้งกระจายของละออง ที่อาจก่อให้เกิดภาวะโลกร้อนในชั้นบรรยากาศของโลกได้ ส่วนบริเวณผนังและพื้น เลือกใช้พื้นไม้รีไซเคิล
นอกจากการออกแบบร้านซาลอนที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมแล้ว ผลิตภัณฑ์ที่ให้ บริการกับลูกค้า ยังเป็นผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีระดับโลกล่าสุด ที่มาจากส่วนผสมพืช ออแกนิคธรรมชาติ ไม่มีสารเคมี ด้วยผลิตภัณฑ์ ESSENSITY จากชวาร์สคอฟ โปรเฟสชั่นแนล อาทิ แชมพูสระผม ที่สามารถล้างออกได้ง่าย ทำให้ใช้น้ำน้อยลงในการล้างผม และน้ำที่ไหลทิ้งก็ยังไม่มีสารเคมีตกค้าง ทำให้ไม่ก่อให้เกิดมลภาวะต่อสิ่งแวดล้อมภายหลัง
นายสมพงษ์ พรปทุมชัยกิจ กรรมการผู้จัดการ ToB1 GROUP ผู้บริหาร ร้านซาลอน ToB1 Hair Station กล่าวว่า ร้านซาลอนแห่งนี้ มุ่งหวังที่จะเป็นแรงจูงใจให้ช่างผม และลูกค้าเกิดจิตสำนึกและรู้คุณค่าของสิ่งแวดล้อม การทำร้านซาลอนในรูปแบบ Eco Salon มีกระบวนการคิดที่ซับซ้อนมากกว่าการทำร้านซาลอนรูปแบบปกติ โดยต้องคำนึงถึงสิ่งที่ส่งผลต่อสิ่งแวดล้อมในทุกๆจุด ทำให้ต้นทุนในการก่อสร้างเพิ่มขึ้นประมาณ 30% จากร้านซาลอนปกติจะใช้งบประมาณการก่อสร้างประมาณ 2 ล้านบาท ซึ่งงบประมาณการก่อสร้างที่เพิ่มขึ้นนั้น แต่ในระยะยาวแล้วเราจะประหยัดทรัพยากรโลกอีกมาก ตนมองว่าการทำธุรกิจ เมื่อเราได้ผลประโยชน์จากการทำธุรกิจแล้ว ควรที่จะต้องคืนกลับสิ่งดีๆสู่สังคมเช่นกัน
ดังนั้น การทำร้านซาลอนในรูปแบบ Eco Salon จึงเป็นการคืนสิ่งแวดล้อมที่ดีกลับสู่ธรรมชาติ แม้ว่าจะเป็นเพียงจุดเริ่มต้นเล็กๆก็ตาม โดยร้านแห่งนี้จะช่วยประหยัดพลังงานไฟฟ้าได้ประมาณ 30% จากการที่วางแผนผังร้านซาลอน ให้แสงไฟอยู่ในจุดที่ช่างผมจะใช้งาน โดยเป็นลักษณะการใช้โคมไฟ แทนการใช้หลอดไฟที่ฝังอยู่บนเพดาน รวมถึงประหยัดน้ำได้ถึง 20% เพราะผลิตภัณฑ์ที่ใช้กับร้านสามารถล้างออกได้ง่าย เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติ
ทั้งนี้ ปัจจุบันกลุ่มบริษัทฯ มีร้านซาลอนทั้งสิ้น 27 สาขา แบ่งเป็นร้านซาลอน ToB1 Hair Station มีทั้งสิ้น 19 สาขา และ ร้านซาลอน www.red 8 สาขา มีสัดส่วนรายได้ 80 ต่อ 20 โดยในส่วนของร้าน ToB1 Hair Station จะมีจุดเด่นในเรื่องการบริการที่มีความเป็นมิตรกับลูกค้า ซึ่งลูกค้าที่เข้ารับบริการจะสัมผัสได้ถึงความเป็นกันเองของช่างผมที่พร้อมจะให้การบริการที่ดีเลิศ แต่ยังคงไว้ซึ่งความเป็นส่วนตัวให้กับลูกค้า โดยบริการทรีทเมนท์ดูแลเส้นผม จะมีห้องส่วนตัวคอยให้บริการ พร้อมด้วยมี I-Pad 2 อำนวยความสะดวกให้กับลูกค้า เพื่อเป็นการตอบสนองไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่
คุณสมพงษ์ กล่าวต่อว่า กลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ToB1 Hair Station จะอยู่ช่วงอายุระหว่าง 20-35 ปีขึ้นไป ซึ่งในปี 2553 ที่ผ่านมา มีลูกค้าเข้ารับบริการที่ร้าน 20,000 คนต่อเดือน คาดว่าปีนี้จะเพิ่มขึ้น 20% เนื่องจากปีนี้บริษัทฯ มีการขยายสาขาเพิ่มขึ้น 2 -3 สาขา ได้แก่ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล พระราม9 ศูนย์การค้าเซ็นทรัล พิษณุโลก และCommunity Mall แห่งใหม่ บริเวณถนนเกษตร-นวมินทร์ ซึ่งการขยายสาขา ToB1 Hair Station ต่อไปในปีหน้านั้น จะเน้นการเป็น Eco Salon เพราะการรักษาสิ่งแวดล้อมเป็นเรื่องที่จะต้องปลูกฝังในจิตสำนึก เพื่อเป็นการช่วยฟื้นฟูธรรมชาติที่เสียไป
ส่วนภาพรวมของธุรกิจร้านซาลอนนั้น ไม่ว่าจะเกิดวิกฤติเศรษฐกิจหรือไม่ก็ตาม ธุรกิจนี้ไม่เกิดผลกระทบอย่างแน่นอน เพราะปัจจุบันทุกคนต้องการให้ตัวเองดูดีอยู่ตลอด เวลา แต่สิ่งสำคัญคือทุกแบรนด์ จะต้องมีการพัฒนาตัวเองให้เกิดมาตรฐานที่ตั้งไว้ เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าที่มีความหลากหลาย และมีความรู้เกี่ยวกับเรื่องความสวยความงามเพิ่มขึ้น เนื่องจากสามารถศึกษาข้อมูลต่างๆ ได้จากสื่อต่างๆและอินเตอร์เน็ต ดังนั้น ลูกค้าจะเน้นให้ความสำคัญกับแบรนด์มากขึ้นนับจากนี้ไป