เอชพีใหม่พร้อมเดินหน้าบริษัทใหม่หลังการควบรวมกิจการแถลงข้อมูลผลิตภัณฑ์และโซลูชั่น แผนการตลาด กลยุทธ์ตราผลิตภัณฑ์

ข่าวเทคโนโลยี Tuesday June 4, 2002 14:15 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--4 มิ.ย.--เอชพี
เอชพีใหม่พร้อมเดินหน้า บริษัทใหม่หลังการควบรวมกิจการแถลงข้อมูลผลิตภัณฑ์และโซลูชั่น แผนการตลาด กลยุทธ์ตราผลิตภัณฑ์ และความเคลื่อนไหวในกลุ่มลูกค้าหลักต่างๆ
สองวันทำการภายหลังเสร็จสิ้นกระบวนการทางกฎหมายในการรวมกิจการเข้ากับคอมแพค คอมพิวเตอร์ คอร์ป ในที่สุด เอชพี (NYSE:HPQ) ก็ได้ประกาศเปิดตัวบริษัทที่จัดตั้งขึ้นใหม่อย่างเป็นทางการ พร้อมแถลงข้อมูลเกี่ยวกับแนวทางการนำเสนอผลิตภัณฑ์และโซลูชั่น แผนการตลาดและการส่งเสริมตราผลิตภัณฑ์ รวมถึงลูกค้ารายใหม่ๆ ซึ่งแสดงถึงความเชื่อมั่นและความตั้งใจที่จะให้การสนับสนุนบริษัทใหม่ที่เกิดจากการรวมกิจการ
คาร์ลี่ ฟิออริน่า ประธานบริษัทและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของเอชพี กล่าวว่า “หลังจากระยะเวลา 8 เดือน และอีกนับล้านชั่วโมงที่ทีมงานของเราได้จัดทำแผนการรวมกิจการ ในที่สุดเราก็พร้อมที่จะดำเนินธุรกิจภายใต้เอชพีใหม่ คณะผู้บริหารของเราประจำอยู่ใน 160 ประเทศที่เราเปิดดำเนินงาน เราได้จัดทำแผนการนำเสนอผลิตภัณฑ์ในช่วงระยะเวลา 3 ปีต่อจากนี้ สำหรับผลิตภัณฑ์แต่ละตัว และบุคลากรด้านการขายและบริการสนับสนุนกว่า 80,000 คนของเรา ก็พร้อมที่จะให้บริการแก่ลูกค้า นอกจากนั้น เว็บไซต์และระบบอีเมล์ของเราก็มีการเชื่อมโยงเข้าด้วยกัน ในขณะที่ร้านค้าระบบออนไลน์ของเราเปิดดำเนินธุรกิจในสหรัฐฯ และยังมีเว็บไซต์ร่วมที่เริ่มเปิดให้บริการในวันนี้ ซึ่งประกอบด้วย 6 ภาษา และครอบคลุม 9 ประเทศ ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ล้วนอยู่ภายใต้องค์กรใหม่ของเอชพี วันนี้จึงนับเป็นวันแห่งความภาคภูมิใจและความปลื้มปีติยินดีสำหรับเราทุกคน”
ไมเคิล คาเปลาส ประธานของเอชพี กล่าวว่า “ตอนนี้เป็นเวลาที่เหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับการจัดตั้งองค์กรใหม่ของเอชพี ด้วยสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบัน ทำให้ตลาดเทคโนโลยีสารสนเทศได้รับการผลักดันให้ก้าวไปในทิศทางที่สอดคล้องกับความแข็งแกร่งของเอชพี ทั้งนี้ ลูกค้าส่วนใหญ่ต้องการพันธมิตรทางด้านกลยุทธ์ในจำนวนที่น้อยลง ทว่าแต่ละรายจะต้องมีศักยภาพและเครือข่ายครอบคลุมทั่วโลก ลูกค้าต้องการโซลูชั่นแบบ end-to-end ที่ครบถ้วนสมบูรณ์ และใช้สถาปัตยกรรมเปิดที่เป็นมาตรฐานอุตสาหกรรม นอกจากนี้ ลูกค้ายังต้องการที่จะได้สัมผัสเทคโนโลยีด้านวิศวกรรมระดับสุดยอดที่เป็นนวัตกรรม และนั่นคือจุดเด่นที่ทำให้เอชพีแตกต่างจากคู่แข่งรายอื่นๆ นอกจากนั้น ประสิทธิภาพการดำเนินงานก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญยิ่ง และเราก็พร้อมที่จะพิสูจน์ให้เห็นถึงความสามารถของเรา เราเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่าเราสามารถที่จะเพิ่มโอกาสและคุณประโยชน์ให้แก่พนักงาน ลูกค้า ผู้ถือหุ้น และพันธมิตรของเรา เอชพีใหม่มีคุณสมบัติที่ครบถ้วนสำหรับการเป็นผู้นำตลาดอย่างแท้จริง”
ในการแถลงข่าววันนี้ ฟิออริน่า และคาเปลาส ได้แถลงรายละเอียดดังต่อไปนี้:
ความพร้อมด้านธุรกิจ
องค์กรต่างๆ ที่รองรับงานด้านธุรกิจและการดำเนินงานทั่วไปของเอชพีได้จัดตั้งเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยประกอบด้วยคณะผู้บริหาร 3 ระดับ รวมถึงผู้จัดการระดับประเทศและระดับภูมิภาค และผู้จัดการที่ทำหน้าที่ดูแลลูกค้ารายใหญ่ที่สุด 100 ราย ทั้งยังได้มีการจัดทำแผนงานโดยละเอียดสำหรับการพัฒนาผลิตภัณฑ์แต่ละตัว รวมถึงแผนงานด้านการบริการลูกค้าและแผนการควบรวมธุรกิจ นอกจากนั้น ได้มีการกำหนดกลยุทธ์การเข้าถึงตลาดสำหรับกลุ่มลูกค้าแต่ละกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นคอนซูเมอร์ องค์กรธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก หรือองค์กรขนาดใหญ่ และได้มีการตั้งเป้าหมายด้านการเงินอย่างชัดเจน
ฟิออริน่า กล่าวว่า “เอชพีใหม่นี้เป็นบริษัทด้านไอทีสำหรับคอนซูเมอร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก และเป็น ซัพพลายเออร์ด้านไอทีที่ใหญ่ที่สุดในตลาดระดับองค์กรธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก นอกจากนั้น เรายังเป็นหนึ่งในผู้นำสำหรับตลาดระดับองค์กรธุรกิจขนาดใหญ่และธุรกิจข้ามชาติ ซึ่งทำให้เราเป็นหนึ่งในบริษัทที่มีเครือข่ายลูกค้าที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลก”
กลยุทธ์การเข้าถึงตลาดของเอชพีเป็นการระดมกำลังจากทีมงานด้านการขายที่มีความทุ่มเท พร้อมด้วยเครือข่ายตัวแทนจำหน่าย ผู้ค้าปลีก และคู่ค้าอื่นๆ ทั่วโลกที่มีขนาดใหญ่ที่สุด รวมถึงเครือข่ายการขายตรง และการขายระบบ tele-Web นอกจากนั้น เอชพียังได้แต่งตั้งทีมงานเฉพาะสำหรับดูแลลูกค้ารายใหญ่ที่สุด 100 รายทั่วโลก
เอชพีใหม่ประกอบด้วยกลุ่มธุรกิจหลัก 4 กลุ่ม โดยแต่ละกลุ่มธุรกิจล้วนเป็นผู้นำตลาดในขอบเขตที่รับผิดชอบ:
กลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์องค์กรขนาดใหญ่ (Enterprise Systems Group -ESG) ภายใต้การควบคุมดูแลของ ปีเตอร์ แบล็คมอร์ รองประธานบริหาร มีหน้าที่จัดหาเทคโนโลยีที่สำคัญๆ สำหรับระบบโครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีของกลุ่มลูกค้าระดับองค์กร รวมถึงสตอเรจสำหรับองค์กร เซิร์ฟเวอร์ ซอฟต์แวร์ด้านการจัดการ และโซลูชั่นต่างๆ ผลิตภัณฑ์ของเอชพีภายใต้การดูแลของ ESG ครองตำแหน่งผู้นำตลาดอันดับหนึ่งสำหรับเซิร์ฟเวอร์ UNIX, เซิร์ฟเวอร์แบบ fault-tolerant, เซิร์ฟเวอร์ IA-32 ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Windows?, เซิร์ฟเวอร์ IA-32 ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Linux, สตอเรจระดับองค์กร, ซอฟต์แวร์ด้านการจัดการ และระบบประมวลผลด้านเทคนิคประสิทธิภาพสูง กลุ่มธุรกิจการบริการ (HP Services -HPS) ภายใต้การนำของ แอนน์ ลิเวอร์มอร์ รองประธานบริหาร ประกอบด้วยทีมบุคลากรด้านบริการไอทีชั้นนำราว 65,000 คนทั่วโลก โดย HPS ซึ่งเป็นองค์กรด้านบริการไอทีที่ใหญ่เป็นอันดับสามของอุตสาหกรรม เป็นผู้นำตลาดในด้านบริการโครงสร้างพื้นฐานระดับ mission-critical, บริการสำหรับระบบไอทีแบบเปิด และบริการผนวกรวมและสนับสนุนระบบ Microsoft สำหรับองค์กร โดยมีเครือข่ายพันธมิตรด้านช่องทางการจัดจำหน่ายใหญ่ที่สุดในอุตสาหกรรม กลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์ต่อพ่วงและการพิมพ์ (Imaging and Printing Group - IPG) อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของโยเมช โจชี รองประธานบริหาร โดยเอชพีเป็นผู้นำด้านการจัดหาโซลูชั่นด้านการพิมพ์และภาพสำหรับตลาดคอนซูเมอร์และตลาดองค์กรธุรกิจ เช่น ฮาร์ดแวร์เครื่องพิมพ์, ผลิตภัณฑ์ all-in-one, ผลิตภัณฑ์ด้านภาพดิจิตอล เช่น กล้องถ่ายรูป และสแกนเนอร์ รวมทั้งผลิตภัณฑ์ซัพพลายต่างๆ และผลจากการซื้อกิจการของ Indigo ทำให้ IPG สามารถขยายขอบเขตเข้าสู่ตลาดสิ่งพิมพ์ดิจิตอลได้อีกด้วย กลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์คอมพิวเตอร์ (Personal Systems Group - PSG) ภายใต้การกำกับดูแลของดูแอนน์ ซิตซ์เนอร์ รองประธานบริหาร PSG โดย PSG เป็นผู้นำอุตสาหกรรมด้านการจัดหาโซลูชั่นการประมวลผลส่วนบุคคล โดยนำเสนอคอมพิวเตอร์เดสก์ท็อปและโน้ตบุ๊คสำหรับองค์กรธุรกิจและผู้ใช้ทั่วไป รวมถึงเครื่องเวิร์กสเตชั่น, เครื่อง ธิน ไคลเอ็นต์, คอมพิวเตอร์พกพา และอุปกรณ์เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต นอกจากนั้น PSG ยังรับผิดชอบด้านธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีใหม่ๆ ของเอชพี เช่น ซอฟต์แวร์แบบ Embedded, ระบบประมวลผลแบบ Embedded, โซลูชั่นเครือข่ายภายในบ้าน และสตอเรจส่วนบุคคล นอกจากนั้น Worldwide Operations ของเอชพีใหม่ ยังทำหน้าที่ให้การสนับสนุนและชี้แนะแนวทางในเชิงกลยุทธ์ที่จำเป็น เพื่อให้กลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์ของเอชพีประสบความสำเร็จในการดำเนินงาน ทั้งนี้ Worldwide Operations ซึ่งอยู่ภายใต้การควบคุมดูแลของ ไมค์ วิงเลอร์ รองประธานบริหาร จะรับผิดชอบงานด้านการจัดการกระบวนการต่างๆ ที่สำคัญในลักษณะแนวราบ โดยครอบคลุมกลุ่มธุรกิจต่างๆ เช่น งานด้านซัพพลายเชน, อี-บิสซิเนส, การดำเนินการเกี่ยวกับลูกค้า, ความพึงพอใจสูงสุดของลูกค้าและคุณภาพ, พันธมิตรระดับโลก, การเงิน และเทคโนโลยีสารสนเทศ
คาเปลาส กล่าวว่า “นอกเหนือจากขนาดองค์กร ขอบเขตความกว้าง และความเป็นผู้นำตลาด ซึ่งเป็นปัจจัยที่สำคัญอย่างยิ่งแล้ว เอชพียังมีความแข็งแกร่งในด้านที่สำคัญที่สุด นั่นคือ ในด้านที่เกี่ยวกับลูกค้าของเรา ช่วงเวลา 3 เดือนก่อนหน้าการรวมกิจการ เป็นช่วงที่เกิดภาวะชะลอตัวในการใช้จ่ายด้านไอที ประกอบกับความไม่แน่นอนในเรื่องการรวมกิจการ แต่กลับกลายเป็นว่าทีมงานด้านการขายของเอชพีและคอมแพค สามารถหาลูกค้าใหม่ คิดรวมกันเป็นมูลค่ากว่า 5 พันล้านดอลลาร์ ทั้งในภาคการเงิน ภาคการผลิต พลังงาน และการสื่อสาร เราไม่เคยยอมถอยแม้แต่ก้าวเดียวในเรื่องการตอบสนองความต้องการของลูกค้า”
นอกจากนั้น บริษัทฯ ยังระบุว่า ได้มีการเปิดตัวเว็บไซต์ hp.com ภายใต้รูปโฉมใหม่ ในวันเดียวกันนี้ โดยนำเสนอใน 6 ภาษา และครอบคลุม 9 ประเทศ เว็บไซต์ดังกล่าวทำหน้าที่เป็นเกตเวย์ที่จะช่วยเพิ่มความสะดวกสำหรับลูกค้าในการดูและค้นหาข้อมูลในเว็บไซต์ใหม่ของเอชพี รวมถึงเว็บไซต์เก่าของคอมแพคและเอชพี เกตเวย์ดังกล่าวได้รับการแปลเป็นภาษาต่างๆ 21 ภาษา สำหรับ 72 ประเทศ แต่ยังอยู่ในระหว่างการแก้ไขปัญหาเรื่องข้อจำกัดทางกฎหมายในประเทศเหล่านี้ ทั้งนี้ ภายใน 30 วัน เว็บไซต์ hp.com จะได้รับการติดตั้งใน 35 ประเทศ ซึ่งคิดเป็นกว่า 95 เปอร์เซ็นต์ของการเชื่อมต่อเข้าสู่เว็บไซต์ของบริษัทฯ และภายใน 60 วัน เว็บไซต์ hp.com จะได้รับการติดตั้งอย่างเสร็จสมบูรณ์ในทุกประเทศที่ได้รับอนุญาตตามกฎหมาย
แผนการพัฒนาผลิตภัณฑ์และกลยุทธ์ด้านตราผลิตภัณฑ์
นอกจากนี้ เอชพีใหม่ยังได้เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับแผนการพัฒนาผลิตภัณฑ์ ทั้งในส่วนของฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ รวมถึงแผนการสำหรับการรวมธุรกิจ และผลิตภัณฑ์เพื่อให้ลูกค้าได้รับประโยชน์สูงสุดจากการลงทุน (รายละเอียดเกี่ยวกับแผนการพัฒนาผลิตภัณฑ์สามารถดูได้จากรายงานของเอชพี ที่ http://www.hp.com/hpinfo/newsroom/press/index.htm#whitepaper)
คาเปลาส กล่าวว่า “ข้อความสำคัญที่เราต้องการจะบอกแก่ลูกค้าก็คือ เอชพีใหม่เป็นบริษัทที่นำเสนอผลิตภัณฑ์และโซลูชั่นที่ดีที่สุดและมีความหลากหลายมากที่สุดในอุตสาหกรรม เราตระหนักดีว่าลูกค้าได้ลงทุนอย่างสูงในการจัดซื้อเทคโนโลยีของเอชพีและคอมแพค ด้วยเหตุนี้ เราจึงตั้งใจที่จะช่วยให้ลูกค้าได้รับประโยชน์สูงสุดจากการลงทุนดังกล่าว ด้วยการนำเสนอแผนงานโดยละเอียดเกี่ยวกับการปรับเปลี่ยนและการรวมธุรกิจ”
รายละเอียดที่สำคัญเกี่ยวกับแผนการพัฒนาผลิตภัณฑ์ มีดังนี้:
เซิร์ฟเวอร์ -- บริษัทฯ เปิดเผยว่า จะใช้ยี่ห้อเอชพี เป็นยี่ห้อหลักสำหรับผลิตภัณฑ์เซิร์ฟเวอร์ทั้งหมด นอกจากนั้น บริษัทฯ ยังได้เน้นย้ำถึงจุดยืนที่จะนำเสนอผลิตภัณฑ์ Intel? Itanium? Processor Family (IPF) โดยกล่าวว่าเมื่อมีการเปิดตัวโพรเซสเซอร์ Itanium รุ่นที่สาม (Madison) เอชพีก็จะนำเสนอเครื่องเซิร์ฟเวอร์ที่ขับเคลื่อนด้วยโพรเซสเซอร์ Itanium ที่ครอบคลุมตั้งแต่ตลาดระดับ low end ไปจนถึง high end รวมถึงเซิร์ฟเวอร์ NonStop ของเอชพี ที่ใช้ชิป Itanium
ในส่วนของเซิร์ฟเวอร์ระดับมาตรฐานอุตสาหกรรม เซิร์ฟเวอร์ ProLiant จะเป็นผลิตภัณฑ์เซิร์ฟเวอร์ IA-32 ของเอชพี พร้อมด้วยสถาปัตยกรรมเบลดเซิร์ฟเวอร์ ProLiant สำหรับศูนย์ข้อมูล และเบลดในตระกูล Powerbar ของเอชพี ซึ่งจะได้รับการปรับปรุงเพื่อให้เหมาะกับตลาดโทรคมนาคม
สำหรับเซิร์ฟเวอร์ RISC เอชพีจะยังคงดำเนินการตามแผนการที่ได้เผยแพร่ก่อนหน้านี้สำหรับระบบ PA-RISC และ AlphaServer โดยเซิร์ฟเวอร์ PA-RISC จะมีเป้าหมายอยู่ที่โอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ รวมทั้งจุดที่มีการติดตั้งอยู่แล้วในปัจจุบัน ในขณะที่ AlphaServers จะโฟกัสจุดที่มีการติดตั้งอยู่แล้วเป็นอันดับแรก รวมถึงส่วนที่ต้องการระบบประมวลผลด้านเทคนิคประสิทธิภาพสูง
เซิร์ฟเวอร์แบบ fault- tolerant ในตระกูล NonStop ของคอมแพค ได้รับการเปลี่ยนชื่อเป็นเซิร์ฟเวอร์ HP NonStop
สำหรับตลาด UNIX นั้น HP-UX จะยังคงเป็นแพลตฟอร์มที่มีความสำคัญในเชิงกลยุทธ์ระยะยาวของเอชพี ฟีเจอร์ที่ก้าวล้ำของ Tru64 UNIX รวมถึงระบบคลัสเตอร์และระบบไฟล์ จะค่อยๆ ถูกรวมเข้าไว้ใน HP-UX นอกจากนั้น เอชพีจะดำเนินการตามแผนการพัฒนา OpenVMS ที่ได้ประกาศก่อนหน้านี้ รวมถึงการย้ายไปสู่ Itanium
สตอเรจ -- StorageWorks จะถูกใช้เป็นชื่อผลิตภัณฑ์สำหรับผลิตภัณฑ์และโซลูชั่นสตอเรจระดับองค์กร ส่วน OpenView จะเป็นชื่อซอฟต์แวร์ด้านสตอเรจของเอชพี ในขณะที่ ENSA (enterprise network storage architecture) จะเป็นตัวย่อที่ใช้เรียกสถาปัตยกรรมสตอเรจของเอชพี
ซอฟต์แวร์ -- กลยุทธ์ด้านซอฟต์แวร์ของเอชพีจะมุ่งเน้นด้านการลงทุนในส่วนของโซลูชั่นด้านการจัดการ OpenView, Utility Data Center (UDC), โซลูชั่นด้านโทรคมนาคม Opencall รวมทั้งมิดเดิลแวร์สแต็ค J2EE และ .NET
บริษัทฯ จะใช้ชื่อ OpenView สำหรับซอฟต์แวร์ด้านการจัดการที่เหมาะสมทั้งหมด และจะผนวกรวม TeMIP เข้ากับผลิตภัณฑ์ในตระกูล OpenView โดยกลุ่มผลิตภัณฑ์ OpenView ของเอชพีจะมุ่งเน้นด้านโซลูชั่นการจัดการที่ครบถ้วน ครอบคลุมการจัดการทั้งในส่วนของเครือข่ายและอุปกรณ์ IP รวมทั้งการจัดการบริการบนเว็บ
เอชพีกล่าวว่า บริษัทฯ จะยังคงลงทุนทางด้านซอฟต์แวร์ UDC โดยจะใช้ประโยชน์จากซอฟต์แวร์การจัดการระบบ Insight Manager และ กลยุทธ์ Adaptive Infrastructure ของคอมแพค รวมถึง Toptools เพื่อนำเสนอหนึ่งในโซลูชั่นด้านการจัดการที่มีความครบถ้วนสมบูรณ์และมีความยืดหยุ่นในการปรับขนาดมากที่สุดในอุตสาหกรรม
ในส่วนของซอฟต์แวร์สำหรับโทรคมนาคม บริษัทฯ จะผนวกรวมซอฟต์แวร์ด้านโทรคมนาคมของเอชพีและคอมแพคเข้าด้วยกัน กลายเป็นผลิตภัณฑ์ในตระกูล Opencall ซึ่งใช้สำหรับการพัฒนา ผนวกรวม และนำเสนอบริการด้านเสียง ข้อมูล และบริการที่ผนวกรวมสื่อด้านต่างๆ
นอกจากนี้ เอชพีจะโฟกัสในส่วนของเซิร์ฟเวอร์ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ UNIX, Windows และ Linux ซึ่งจำเป็นต้องอาศัยโซลูชั่นด้านมิดเดิลแวร์เพื่อสนับสนุนการทำงานของแพลตฟอร์มทั้งหมด เอชพีจะใช้ประโยชน์จากความสัมพันธ์อันใกล้ชิดกับบริษัทที่เป็นพันธมิตร ในการเสริมสร้างประสิทธิภาพให้กับมิดเดิลแวร์ สแต็คสำหรับ J2EE และ .NET เพื่อนำเสนอระบบที่ครบถ้วนสมบูรณ์สำหรับองค์ประกอบของโครงสร้างพื้นฐานด้านแอพพลิเคชั่นของเอชพีและพันธมิตร ทั้งนี้ เอชพีจะช่วยให้ลูกค้าสามารถจัดการ สแต็คในสภาพแวดล้อมแบบ heterogeneous โดยจะจัดหาส่วนสนับสนุนการทำงานร่วมกัน โดยอาศัยหน่วยงานด้านบริการและโซลูชั่นของเอชพี
กลุ่มผลิตภัณฑ์คอมพิวเตอร์ | กลยุทธ์ด้านตราผลิตภัณฑ์สำหรับตลาดผลิตภัณฑ์คอมพิวเตอร์ จะมุ่งเน้นการใช้ประโยชน์จากความแข็งแกร่งของยี่ห้อเอชพี สำหรับผลิตภัณฑ์ชนิดต่างๆ รวมถึงความแข็งแกร่งของยี่ห้อคอมแพคสำหรับตลาดคอมพิวเตอร์พีซีทั่วโลก
เอชพีประกาศว่า ลูกค้าจะสามารถหาซื้อเครื่องพีซีและโน้ตบุ๊คสำหรับคอนซูเมอร์ ทั้งรุ่นที่ใช้ยี่ห้อเอชพี และยี่ห้อคอมแพค ได้ตามร้านค้าทั่วไป และสามารถสั่งซื้อทางระบบออนไลน์ได้เช่นกัน ในส่วนของเครื่องพีซีและโน้ตบุ๊คสำหรับองค์กรธุรกิจ จะยังคงใช้ยี่ห้อคอมแพค ในขณะที่ยี่ห้อเอชพีจะถูกยกเลิก สำหรับผลิตภัณฑ์ โซลูชั่น และบริการอื่นๆ ทั้งหมด จะใช้เฉพาะยี่ห้อเอชพีเท่านั้น ส่วนชื่อของผลิตภัณฑ์ที่ยังเหลืออยู่จะยังคงใช้ตามเดิมต่อไป
กลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์ต่อพ่วงและการพิมพ์ | ประเภทและสายผลิตภัณฑ์ในกลุ่มผลิตภัณฑ์การพิมพ์และภาพ จะยังคงเหมือนเดิม ไม่เปลี่ยนแปลง ยกเว้นผลิตภัณฑ์ที่ใช้ยี่ห้อคอมแพค นอกจากนั้น เครื่องดิจิตอลโปรเจกเตอร์ของเอชพีและคอมแพค จะถูกรวมเป็นสายผลิตภัณฑ์เดียว ภายใต้ยี่ห้อเอชพี โดยการเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไปภายในช่วงระยะเวลา 12 เดือนถัดไป--จบ--
-สส-

แท็ก ข้อมูล   เอชพี  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ