(ต่อ2) บทประชาสัมพันธ์ภาพยนตร์เรื่อง Minority Report จาก Twentieth Century Fox and DreamWorks

ข่าวทั่วไป Monday June 10, 2002 14:00 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--10 มิ.ย.--Twentieth Century Fox and DreamWorks
ฉากเพิ่มเติมประกอบด้วยโรงงานรถยนต์ และที่พักซึ่งผู้แสดงสตันท์ต้องร่วมแสดง ศูนย์การค้า และไซเบอร์ พาร์เลอร์ และสุดท้ายสวนส่วนบุคคลของไอริส ไฮน์แมน ซึ่งเป็นสถานเพาะปลูกดอกไม้ไม่ธรรมดาบางชนิด
ผู้ออกแบบฉาก อเล็กซ์ แมคโดเวล ซึ่งเคยมีผลงานจากรื่อง Fight Club และ Fear and Loathing in Las Vegas เริ่มงานวิจัยมาแต่เนิ่นในปี 1998 หลังจากที่ได้เข้าร่วมการประชุมระดมมันสมอง เขาก็เริ่มทำงานสร้างและออกแบบฉากอนาคตให้สมจริงกับการคลี่คลายของเนื้อเรื่องใน Minority Report "สตีเว่นไม่ค่อยกระจ่างว่าสิ่งไหนจะเข้าท่าหรือไม่สำหรับเขา" แมคโดเวลกล่าว "มันดูเหมือนจะเป็นการหลีกหนีจากภาพในหนังไซ-ไฟทั่วๆ ไป และอะไรที่ดูเป็นแฟนตาซีเกินไปเขาก็ไม่ยอมรับ เป็นงานที่ท้าทายที่จะพยายามทำให้โลกนั้นสมจริงและน่าเชื่อถือมากที่สุด"สก็อต แฟรงค์ พบว่าแมคโดเวลและทีมงานเป็นส่วนสำคัญของแรงบันดาลใจ ตลอดการเขียนสคริปท์รายละเอียดปลีกย่อยที่จำเป็นระหว่างการถ่าย "พวกเขามีไบเบิลทั้งเล่มทางด้านเทคโนโลยีเพื่อช่วยให้ผมทำงานได้" เขาขยายความ "คอมพิวเตอร์หน้าตาจะเป็นอย่างไร และวิชวลจะเป็นแบบไหน เราเขียนจากตรงนั้น เหนือสิ่งอื่นใด พวกเขาให้แรงบันดาลใจกับผมและให้ข้อมูลมากมายที่ผมได้ใช้เสริมแต่งเนื้อเรื่อง พวกเขาคิดอย่างจริงจังว่าถ้าเราจะให้เหมือนจริง จะต้องทำอย่างไร และเราจะทำอย่างนี้ได้หรือไม่?"
สปีลเบิร์กส ได้บัญญัติศัพท์วิชวลซึ่งจะสื่อสารถึงความเป็นอนาคตอีก 50 ปีข้างหน้าที่น่าเชื่อถือ โดยตั้งมั่นที่วอชิงตัน ดีซี "เรายังคงมีอนุสาวรีย์วอชิงตัน รัฐสภา และอาคารแคปิตอล" สปีลเบิร์กสให้ความเห็น "เรายังจะมีทำเนียบขาว และยังคงความเป็น District of Columbia ซึ่งจะไม่เปลี่ยนแปลงในอีกหลายร้อยปีข้างหน้า แต่รอบๆ เมืองจะเต็มไปด้วยซากปรักหักพังของสถาปัตยกรรมและเทคโนโลยีแห่งอนาคต ผมคิดว่ามันให้ความรู้สึกที่ดีในการกลับมาสู่เมืองที่ยังคงมีสัญญลักขณ์อย่างอนุสาวรีย์วอชิงตัน หรือลินคอล์น หรือเจฟเฟอร์สัน ซึ่งสร้างความสมจริง และทุกครั้งที่เห็นภาพวอชิงตัน ดีซี คุณจะจำได้ว่านี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นบนโลกของเรา โลกใบเดียวกันในอนาคตที่ไม่ห่างไกล"
"การทำงานให้หนังเรื่องนี้เป็นประสพการณ์ที่ดีเยี่ยมเพราะฉากต่างๆ และสภาพแวดล้อมที่เราสร้างขึ้นมาเพื่อให้เข้ากับเรื่อง" แมคโดเวลกล่าวต่อ "สถาปัตยกรรมแห่งอนาคตเป็นสิ่งที่แตกต่างไปมาก ด้านหนึ่งเราสร้างอาคารทำงานของรัฐบาลตามบุคลิกของแม็กซ์ วอน ซิโดว์ และอีกด้านหนึ่งเรามีสำนักงานใหญ่ของพรีไครม์ ในรูปแบบของแฟรงค์ เกรี่ ซึ่งเป็นการเลียนแบบจากสแควร์"
ในการทำงานร่วมกับสปีลเบิร์กส แมคโดเวล แบ่งแยกวอชิงตัน ดีซี ออกเป็นสามชั้นด้วยกัน - อนุสาวรีย์วอชิงตัน ซึ่งไม่เปลี่ยนแปลง ; และเหนือขึ้นไป "ชุมชนห้องนอน" ผ่านโพโตแมค ซึ่งแอนเดอร์ตันอาศัยอยู่ ซึ่งได้รับการพัฒนาไปอย่างเต็มที่ ; และส่วนเก่าแก่ของเมืองซึ่งไม่ได้วิ่งตามความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ซึ่งเกิดขึ้นในหมู่คนรวย "ยังมีมุมมืด ผุพังของเมืองซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงแรม และที่ซึ่งการไล่ล่าส่วนใหญ่ของเราเกิดขึ้นที่นั่น" เขากล่าว
ยานพาหนะในดีซี ได้กลายเป็นระบบ แม็ก-เล็ฟ (Magnetic Levitation) ซึ่งมีฐานจากพลังแม่เหล็ก "ระบบสามมิติของแม็ก-เลฟ เกิดจากการรวมกันระหว่างรถแท็กซี่และลิฟท์ ด้วยการปล่อยจากจุดเก็บและพาเราไปทุกที่แล้วแต่คำสั่ง" บอนนี่ เคอร์ติสเสริม "แม็ก-เลฟสามารถเคลื่อนไปได้ทั้งทางขนาน ทางตั้ง หมุน เลี้ยว ผู้โดยสารสามารถนั่งอยู่ในนั้นโดยโดยกาแฟไม่กระฉอกจากแก้ว"
"สิ่งที่ดูเป็นอนาคตมากที่สุดในหนัง และออกแนวนิยายวิทยาศาสตร์ที่สุด เห็นจะเป็นระบบแม็ก-เลฟ นี่ละ" สปีลเบิร์กสให้ความเห็นสปีลเบิร์กสและแมคโดเวลใช้เล็กซัส และให้ผู้ออกแบบรถยนต์ ฮาโรลด์ เบลเกอร์ ซึ่งมีวิสัยทัศน์ของอนาคต และเคยทำงานด้านพาหนะให้กับเรื่อง Batman and Robin, Armageddon และ อีกมากมาย เพื่อสร้างพาหนะให้กับ Minority Report.
สำนักงานของพรีไครม์นั้นเป็นอาคารที่มีอายุราว 10 ปี และถูกออกแบบให้สื่อความเป็นตัวตนพรีไครม์ "สตีเว่นชอบไอเดียที่ว่าพรีไครม์เป็นองค์กรที่โปร่งใส" แมคโดเวลกล่าว "ไม่มีสิ่งใดที่ต้องซ่อนเร้น ไม่มีความลับที่ต้องปกปิด และในขณะเดียวกันก็ซ่อนความลับที่ยิ่งใหญ่ที่สุดไว้ สิ่งที่อยู่ใน "ไข่" เราได้ความคิดเรื่องไข่นี้จากลูกหินที่ถูกหย่อนลงในน้ำ และตั้งแต่แรกเริ่มได้ออกแบบซึ่งผสานกับรูปทรงก้นหอยรวมเข้ากับคลื่นและในเวลาเดียวกัน รูปทรงสามมิติได้ถูกขยายออกเป็นส่วนเกลียวหลายชั้น"
สิ่งที่แตกต่างจากไข่ซึ่งเป็นที่อยู่ของสามพรี-ค็อกส์ คืออนุสาวรีย์ของพวกเขาซึ่งตั้งอยู่นอกอาคาร "พรี-ค็อกส์เป็นสิ่งที่ไม่เปิดเผยต่อสาธาณชนโดยสิ้นเชิง" แมคโดเวลกล่าว "พวกเขากลายเป็นตัวแทนของพระเจ้าเกือบสมบูรณ์แบบ เพราะช่วยรักษาชีวิตผู้คนไว้จากการฆาตกรรมในแต่ละวัน พรีไครม์เป็นผู้สนับสนุนความคิดนี้ ดังนั้นเราจึงอยากให้เป็นรูปปั้นในแบบราชการของวอชิงตัน ซึ่งสะท้อนความคิดเรื่องพลังแห่งสามพรี-ค็อกส์ และในเวลาเดียวกันมีความเกี่ยวเนื่องทางศาสนา เราเป็นผู้ออกแบบรูปปั้นเอง และคิดว่าสำเร็จได้ในระดับหนึ่งซึ่งใกล้เคียงกับงานศิลปในโลกแห่งความเป็นจริง" โดยการนำของแมคโดเวล ผู้ออกแบบเครื่องแต่งกาย เดบอร่าห์ แอล สก็อต ได้ออกแบบเสื้อผ้าตามส่วนของเมืองวอชิงตัน ดีซีแห่งอนาคตในจินตนาการ "มีสามส่วนในสังคมเมืองนี้" เธออธิบาย "ผู้คนส่วนที่อยู่ชั้นในของเมืองไม่สามารถมีชีวิตฟุ่มเฟือย และชนชั้นกลางซึ่งเป็นผู้บริโภคที่เดินอยู่ตามมอลล์ และสุดท้าย พวกอนุรักษ์นิยมซึ่งใช้เงินเก่าซื้อของเก่า"
เครื่องแต่งกายของเจ้าหน้าที่พรีไครม์ สก็อตใช้เครื่องแบบของนักบินอวกาศ และนักบินของกองทัพอากาศ "ทำให้ตำรวจดูเหมือนวีรบุรุษ" เธออธิบาย ส่วนสถานแห่งการควบคุม ที่จองจำบรรดานักโทษ เธอให้พวกเขาสวมชุดหลวมคล้ายเครื่องแบบลดความร้อนของ NASA พร้อมท่อและสายช่วยชีวิต
หนึ่งในฉากที่เต็มไปด้วยจินตนาการมากที่สุดของสปีลเบิร์กส ก็คือที่อาคารโรงแรม ซึ่งเขาได้ปรึกษากับผู้กำกับภาพคามินสกี้ แมคโดเวล และผู้ควบคุมวิชวล เอ็ฟเฟ็ค สก็อต ฟาร์เรอร์ ถึงการถ่ายทำเทคยาวเทคเดียวในการติดตามบรรดาหุ่นแมงมุมจากห้องหนึ่งไปสู่อีกห้อง จนกระทั่งพวกมันสามารถพบผู้ที่ได้รับการโปรแกรมให้ค้นหาว่าเป็นแอนเดอร์ตัน
ก่อนหน้านี้ ผมให้สตีเว่นดูแบบจำลองโฟมของอาคารโรงแรม" แมคโดเวลกล่าว "เหมือนกับแบบจำลองทั่วไป ที่ไม่มีหลังคา และไม่กี่นาทีต่อมาเขาก็ว่า "จะดีไหมถ้าเราถ่ายทำภายในช็อตเดียว" ดังนั้นเครนจึงทำหน้าที่ตามการแสดง ไล่ตามแมงมุมและเผยให้เห็นแต่ละส่วนที่แสดงถึงการค้นพบแอนเดอร์ตัน เป็นเรื่องท้าทายอย่างมหาศาลของฝ่ายศิลป์จับภาพ แต่เราได้รับความช่วยเหลืออย่างมากจากทีมงานแอนนิเมติคของ Pixel Liberation Front พวกเขาใส่ทุกอย่างลงในสตอรี่บอร์ดสามมิติในคอมพิวเตอร์ เราจึงสามารถจัดทิศทางการเลื่อนเครนได้อย่างสมบูรณ์ก่อนการถ่ายทำจริงเสียอีก"งานสร้างแอนนิเมติคของ PLF ไม่เพียงแต่ช่วยให้เห็นถึงการถ่ายทำแต่ละช็อต แต่ยังช่วยในด้านเครน กล้อง แสง และนักแสดง ในการเคลื่อนไหวอย่างถูกต้องในฉาก "ผมต้องการให้ใช้เพียงช็อตเดียว มองตรงจากด้านบน ผมไม่รู้หรอกว่ามันทำได้หรือไม่" สปีลเบิร์กสกล่าว "ดังนั้น ผมจึงออกแบบช็อตกับเจ้าหน้าที่คอมพิวเตอร์และซอฟท์แวร์ของเขา พวกเขายังแสดงให้ผมเห็นว่าให้ถ่ายโดยการใช้เครนในฉาก เราสามารถเห็นจากจอได้ก่อนเลยว่าช็อตนั้นจะออกมาเป็นอย่างไร"
สตันท์และแอ็คชั่น
งานแอ็คชั่นซึ่งสปีลเบิร์กสวางแผนไว้ให้ Minority Report เป็นการรวมตัวแสดงสตันท์ซึ่งเสมือนการย้อนไปสู่ผลงานเลื่องชื่อในอดีตของผู้กำกับคนดังในเรื่อง อินเดียน่า โจนส์ "สำหรับหนังเรื่องนี้ เราไปไกลกว่านั้น ด้วยภาพคนบินมากที่สุดเท่าที่เคยเห็นในหนังมาก่อน" ผู้ประสานงานสตันท์ ไบรอัน ซเมอร์ซ กล่าว (Mission: Impossible 2).
ทอม ครูซ ผู้ซึ่งส่วนใหญ่ไม่ชอบใช้ตัวแสดงสตันท์แทน ท่ามกลางความท้อแท้ของผู้กำกับ ผู้ซึ่งรำลึกได้ถึงการได้พบกับการแสดงสตันท์ของครูซ "ผมแวะไปหาเขาครั้งแรกที่กองถ่ายเรื่อง Mission: Impossible 2," สปีลเบิร์กสกล่าว "ทอมกำลังกระโดดจากความสูง 90 ฟุต ด้วยลวดโยงเส้นเดียว … โดยไม่มีแผ่นรองรับป้องกันด้านล่าง ผมถามจอห์น วู (ผู้กำกับ) ว่า 'คุณปล่อยให้เขาทำอย่างนั้นได้ไง?' จอห์นมองหน้าผมแล้วบอก 'ผมห้ามเขาไม่ได้นี่'
"ผมจึงตกลงกับทอม" สปีลเบิร์กสกล่าวต่อไป "ผมบอกว่า 'คุณต้องให้ผมตัดสินใจว่าคุณจะแสดงสตันท์ได้ตอนไหน และคุณต้องยอมรับคำปฏิเสธ' แต่เขาก็เป็นคนแสดงสตันท์เองเป็นส่วนใหญ่"
ตลอดทั้งเรื่อง แอนเดอร์ตันถูกไล่ล่าโดยเจ้าหน้าที่พรีไครม์ ซึ่งเชื่อว่าเขากำลังจะก่อคดีฆาตกรรม พวกเขาสามารถรู้ความเคลื่อนไหวทุกฝีก้าว การตบตาและหนีให้พ้นจึงเป็นเรื่องที่ต้องการความกล้าและความคล่องแคล่วเฉลียวฉลาด หนึ่งในบรรดาฉากเหล่านั้นเกิดในถิ่นอยู่อาศัย ซึ่งไม่เพียงแต่เคลื่อนไหวในทางราบ แต่ยังเป็นการไล่ล่าในแนวตั้งอีกด้วย ในขณะที่แอนเดอร์ตันพยายามหลบหนีเหล่าตำรวจด้วยอุปกรณ์การบิน "เราเคยดูหนังเกี่ยวกับคนบินมาแล้ว ผู้ควบคุม สเปเชียล เอ็ฟเฟ็ค ไมเคิล แลนเทียรี่กล่าว "การบินที่ให้ความรู้สึกเหมือนถูกโยงด้วยบางสิ่ง แต่ในเรื่องนี้ เราต้องการให้อุปกรณ์บินนั้นทำงานได้จริงๆ และปล่อยให้ผู้โดยสารอยู่ตามลำพังในการขี่ มันบินขึ้น ลง ไถลไปตามพื้น พุ่งเข้าไปในตึกบ้าง กระแทกกับเพดาน และไปต่อเรื่อยๆ ประมาณว่าเป็นงานแอ็คชั่นของสตีเว่นในระดับ Raiders ที่เราคิดว่าเราทะยานขึ้นให้พ้นเพื่อหาอากาศหายใจ แต่ยังมีอย่างอื่นที่อยู่เหนือขึ้นไปอีก"
ซเมอร์ซทำงานอย่างใกล้ชิดกับแมคโดเวลในการขึงสายระโยงเพื่อให้คนหลายคนสามารถบินได้พร้อมกันอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน บนถนนเฮนเนสซี แถบวอร์เนอร์ บราเดอร์ส ในเบอร์แบงค์ ฝ่ายศิลป์และทีมงานสร้างฉากได้จัดทำฉากยาว 400 ฟุต และสูง 50 ฟุตขึ้น และสมบูรณ์ด้วยอิฐจริงและซีเมนต์ เพื่อให้เหมือนโลเคชั่นจริงในดาวน์ทาวน์แอลเอ "ในขณะเดียวกันทีมงานจัดฉากก็สร้างโครงนอก ซึ่งสูงสามสิบฟุตเหนือฉากของเราและกลายเป็นการขึงโยงของฉากการบินที่น่าทึ่งที่สุดเท่าที่เคยเห็น" แมคโดเวลกล่าว "ตอนที่สร้างเสร็จ เรามีตึกที่สูงที่สุดในเบอร์แบงค์"ด้วยระบบอุปกรณ์ช่วยเหล่านี้ ทำให้ซเมิร์ซสามารถโยงตัวห้อยโหนซึ่งเหล่าสตันท์และดาราใช้บินได้ "เรามีเคเบิล 200 เส้นกระจายอยู่ในอากาศ และเคเบิลยาวหนึ่งไมล์ครึ่งเพื่อใช้โยงกับพวกสตันท์ในแต่ละจุดของโครง" ซเมิร์ซอธิบาย "เพื่อให้เห็นภาพว่าเกิดอะไรขึ้นเบื้องหลังฉาก เราใช้คน 2-3 คน ในการทำให้คนหนึ่งคนเหาะเหิรเดินอากาศ คิดดูว่าเรามีคนหกคนเหาะอยู่ตลอดเวลา แน่นอน หนึ่งในหกต้องเป็นทอม ครูซ แต่เพราะเราเคยร่วมงานกับเขา ทอมจึงเข้าขาได้ดี ทีมงานมาจากหนังที่ทอมเล่นสองเรื่องหลังสุด เขาจึงเชื่อมือเราและรู้สึกไม่เกร็งขณะติดอยู่กับลวดตั้งแต่ต้นจนจบ "เรามีทีมงานที่ยอดเยี่ยม" ครูซเสริม "พวกเขารู้ดีว่าผมทำอะไรได้บ้าง และจัดการให้ตามนั้น มีเล่ห์เหลี่ยม แต่สนุกดี ไบรอันจะต้องให้ปลอดภัยไว้ก่อน มันจึงตื่นเต้นแต่ปลอดภัย"
"เราสร้างผลงานซึ่งแตกต่างจากสิ่งที่ผู้ชมเคยเห็นมาก่อน" ซเมิร์ซเสริม "ผู้กำกับบางคนมักใช้วิชวล เอ็ฟเฟ็ค แต่สตีเว่นคิดว่าจะดีกว่าถ้าทำให้ดูสมจริงที่สุดเท่าที่จะเป็นได้ เรื่องสุดหินก็คือการใช้วิชวล เอ็ฟเฟ็คเพื่อช่วยลบเคเบิลออกจากทุกช็อต!"
ขั้นตอนเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงการผสานกันระหว่างภาพจริงและแอนนิเมชั่นซึ่งมีส่วนสร้างภาพแอ็คชั่นให้กับ Minority Report "ผมคิดว่านี่คือสิ่งทีทำให้หนังของสตีเว่นออกมาดี" เคอร์ติส กล่าว "เราใช้สถานที่จริงมากมายและดาราเล่นสตันท์ แน่นอน ILM ต้องลบเส้นลวดออก ตกแต่งตึกให้กลมกลืน และสร้างท้องฟ้าและเพดานแทนเคเบิลและตัวโยง แต่การที่เรามีภาพโลกของจริง นักแสดงจริง เสื้อผ้า และอุปกรณ์บินจริง - รวมทั้งไฟจริงและฝุ่น ของไมเคิล แลนเทียรี่ มารวมกันทำให้ภาพบนจอไม่สามารถทำได้ด้วย CGI"
(ยังมีต่อ)

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ