ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตตราสารหนี้ใหม่ในวงเงินไม่เกิน 1,000 ล้านบาท “บ. แสนสิริ” ที่ระดับ “BBB”

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday September 6, 2011 10:42 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--6 ก.ย.--ทริสเรทติ้ง บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศผลอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่มีประกันชุดใหม่ในวงเงินไม่เกิน 1,000 ล้านบาทของ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “BBB” พร้อมทั้งประกาศคงอันดับเครดิตองค์กรของบริษัทที่ระดับ “BBB+” และคงอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่มีประกันชุดปัจจุบันของบริษัทที่ระดับ “BBB” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงสถานะผู้นำของบริษัท ตลอดจนผลงานที่ได้รับการยอมรับในตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่อาศัย รวมถึงแบรนด์ที่มีชื่อเสียงในตลาดคอนโดมิเนียม ความหลากหลายของสินค้า และยอดขายรอการส่งมอบจำนวนมากที่เป็นหลักประกันรายได้ของบริษัท อย่างไรก็ตาม จุดแข็งดังกล่าวถูกลดทอนบางส่วนจากลักษณะของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นวงจรขึ้นลง รวมทั้งจากการเพิ่มขึ้นของค่าวัสดุก่อสร้างและค่าจ้างแรงงาน ตลอดจนอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น และอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทที่อยู่ในระดับสูง แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงการคาดการณ์ว่าบริษัทจะสามารถส่งมอบที่อยู่อาศัยส่วนที่เหลือได้ตามกำหนด อีกทั้งจะสามารถเสริมสภาพคล่องให้แข็งแกร่งขึ้นหลังจากการโอนโครงการคอนโดมิเนียมหลายโครงการในช่วงครึ่งหลังของปี 2554 ไปจนถึงปี 2556 โดยบริษัทมีความท้าทายในการดำรงอัตรากำไรจากการดำเนินงานให้อยู่ในระดับเดียวกับผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำรายอื่น ในขณะเดียวกัน บริษัทก็ควรจะรักษาอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนไม่ให้สูงไปกว่าระดับปัจจุบันแม้จะต้องดำเนินการตามแผนการขยายโครงการจำนวนมาก ทริสเรทติ้งรายงานว่า บริษัทแสนสิริเป็นหนึ่งในผู้ประกอบการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของไทย ณ เดือนสิงหาคม 2554 บริษัทมีโครงการที่อยู่อาศัยเพื่อขายจำนวน 48 โครงการ คิดเป็นมูลค่ารวมประมาณ 62,000 ล้านบาท โดยแบ่งออกเป็นโครงการคอนโดมิเนียม 44% บ้านเดี่ยว 38% และทาวน์เฮ้าส์ 18% ของมูลค่าโครงการทั้งหมด ราคาขายเฉลี่ยของที่อยู่อาศัยโดยรวมอยู่ที่ 4 ล้านบาทต่อหน่วย ณ เดือนสิงหาคม 2554 บริษัทมียอดขายรอการรับรู้รายได้ประมาณ 29,000 ล้านบาท ในขณะที่มีมูลค่าโครงการพร้อมขายประมาณ 17,000 ล้านบาท บริษัทมีความได้เปรียบในการแข่งขันจากการมีแบรนด์ที่ได้รับการยอมรับเป็นอย่างดี รวมถึงการมีกลยุทธ์ทางการตลาดที่แข็งแกร่ง และสินค้าที่มีคุณภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดคอนโดมิเนียม ทริสเรทติ้งกล่าวว่า ยอดขายของบริษัทแสนสิริขึ้นสู่สถิติสูงสุดที่ระดับ 24,995 ล้านบาทในปี 2553 โดยเพิ่มขึ้นอย่างมากจาก 13,964 ล้านบาทในปี 2552 และ 10,446 ล้านบาทในปี 2551 จากการมียอดขายที่เพิ่มขึ้นในโครงการคอนโดมิเนียมเป็นหลัก ทั้งนี้ โครงการคอนโดมิเนียมส่วนใหญ่ที่เปิดตัวในปี 2553 ได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้า โดยยอดขายคอนโดมิเนียมพุ่งขึ้นเป็น 14,486 ล้านบาทในปี 2553 ซึ่งสูงกว่าระดับ 6,315 ล้านบาทในปี 2552 เป็นอย่างมาก ยอดขายของบริษัทในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2554 เพิ่มขึ้นเล็กน้อยโดยอยู่ที่ 14,007 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9% จาก 12,839 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปี 2553 ยอดขายบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮ้าส์ในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2554 เพิ่มขึ้นประมาณ 76% และ 39% ตามลำดับ จากช่วงเดียวกันของปี 2553 ทั้งนี้ ยอดขายคอนโดมิเนียมกลับลดลงประมาณ 44% อยู่ที่ 3,658 ล้านบาทในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2554 จาก 6,474 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปีก่อนเนื่องจากมีโครงการคอนโดมิเนียมที่เปิดขายเพียงโครงการเดียวในช่วงดังกล่าว ทริสเรทติ้งกล่าวถึงรายได้รวมของบริษัทแสนสิริว่าเพิ่มขึ้นประมาณ 18% เป็น 18,596 ล้านบาทในปี 2553 จาก 15,824 ล้านบาทในปี 2552 รายได้รวมในช่วงครึ่งแรกของปี 2554 อยู่ที่ 7,887 ล้านบาท ลดลง 26% จากช่วงเดียวกันของปี 2553 ซึ่งอยู่ที่ระดับ 10,697 ล้านบาท การลดลงของรายได้เป็นผลมาจากการสิ้นสุดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจด้านภาษีของรัฐบาลในช่วงกลางปี 2553 ซึ่งเป็นปัจจัยกระตุ้นความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2553 ให้สูงกว่าระดับปกติ อัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทปรับตัวดีขึ้นในช่วงระหว่างปี 2553 จนถึงครึ่งแรกของปี 2554 อย่างไรก็ตาม การสิ้นสุดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจด้านภาษีของรัฐบาลและการส่งเสริมด้านการตลาดที่มากขึ้นทำให้ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารของบริษัทสูงขึ้น ส่งผลให้อัตรากำไรจากการดำเนินงานที่ปรับปรุงแล้วลดลงเป็น 15.03% ในปี 2553 และ 13.06% ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2554 จาก 18.19% ในปี 2552 บริษัทมีกระแสเงินสดที่อ่อนตัวลง โดยอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมลดลงเป็น 10.24% ในปี 2553 จาก 12.05% ในปี 2552 และอยู่ที่ 3.85% (ยังไม่ได้ปรับอัตราส่วนให้เป็นตัวเลขเต็มปี) ในช่วงครึ่งแรกของปี 2554 การขยายโครงการจำนวนมากในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาทำให้อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทอยู่ในระดับสูงกว่าผู้ประกอบการที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์หลายราย โดยอยู่ที่ระดับ 63%-64% ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2553 และสิ้นเดือนมิถุนายน 2554 ความต้องการที่อยู่อาศัยขึ้นอยู่กับความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและภาวะเศรษฐกิจเป็นสำคัญ โดยปกติภาครัฐมักให้การสนับสนุนอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ในช่วงที่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย ในช่วงครึ่งหลังของปี 2552 ตลาดที่อยู่อาศัยของไทยเริ่มฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญเนื่องจากแรงกระตุ้นของมาตรการจูงใจด้านภาษีของภาครัฐในช่วงปี 2551-2553 และภาวะเศรษฐกิจในประเทศที่ฟื้นตัวเร็วกว่าที่คาดไว้ อย่างไรก็ตาม ตลาดที่อยู่อาศัยอยู่ในสภาวะทรงตัวตลอดปี 2553 ทั้งนี้ ผู้ประกอบการหลายรายได้เร่งซื้อที่ดินเพิ่มตั้งแต่ปลายปี 2552 ซึ่งส่งผลทำให้อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของผู้ประกอบการหลายรายเพิ่มสูงขึ้นอย่างมากในปี 2553 การเปลี่ยนแปลงนโยบายอัตราส่วนเงินให้สินเชื่อต่อมูลค่าหลักประกัน (LTV Ratio) ของธนาคารแห่งประเทศไทยในปี 2554 และแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในช่วงวงจรขาขึ้นเป็นปัจจัยหลักที่คาดว่าจะชะลอความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยเพื่อการเก็งกำไรในตลาดคอนโดมิเนียมลง ในขณะเดียวกันก็ลดทอนความสามารถในการซื้อที่อยู่อาศัยของกลุ่มผู้มีรายได้น้อย ดังนั้น จึงคาดว่าอัตราการเติบโตของตลาดที่อยู่อาศัยในปีนี้จะต่ำลงเมื่อเทียบกับปีก่อน อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการรายใหญ่หลายรายน่าจะแย่งส่วนแบ่งทางการตลาดจากผู้ประกอบการรายเล็กเพราะผู้ประกอบการรายใหญ่พยายามเพิ่มความหลากหลายของธุรกิจโดยการเข้าไปแข่งขันในตลาดที่อยู่อาศัยในระดับราคาที่ต่ำลง สถานการณ์ดังกล่าวจะเป็นสาเหตุที่ทำให้การแข่งขันทวีความรุนแรงยิ่งกว่าในอดีต ในส่วนนโยบายของรัฐบาลที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์นั้น ทริสเรทติ้งจะติดตามผลกระทบที่จะเกิดขึ้นอย่างใกล้ชิดต่อไป ทริสเรทติ้งกล่าว บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) (SIRI) อันดับเครดิตองค์กร: คงเดิมที่ BBB+ อันดับเครดิตตราสารหนี้: SIRI126A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2555 คงเดิมที่ BBB SIRI167A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2559 คงเดิมที่ BBB หุ้นกู้ไม่มีประกันในวงเงินไม่เกิน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนภายในปี 2559 BBB แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable (คงที่)

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ