กรุงเทพฯ--6 ก.ย.--IR network
บมจ.สาลี่อุตสาหกรรม ประเมินกลุ่มอุตสาหกรรมลูกค้าหลัก อิเล็กทรอนิกส์ ยานยนต์ และสินค้าอุปโภคบริโภคครึ่งปีหลังเติบโตได้อีก 10-15% เผยมีลุ้นรับออเดอร์ใหม่เพิ่มเติม ล่าสุดวางแผนซื้อเครื่องจักรเพิ่มอีกมูลค่า 40-50 ล้านบาท หลังจากที่ลงทุนซื้อเครื่องจักรเพิ่มในปีนี้ไปแล้วกว่า 150 ล้านบาท "สาทิส ตัตวธร" เผยใช้กลยุทธ์ปั้นลูกค้าหน้าใหม่ เกาะติดลูกค้าเก่า เน้นผลิตลินค้าคุณภาพและใส่ใจด้านการบริการเป็นหลัก ช่วยดันออเดอร์เข้าต่อเนื่อง
นายสาทิส ตัตวธร กรรมการผู้จัดการ บริษัท สาลี่อุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน) (SALEE) เปิดเผยว่า จากการขยายตัวของกลุ่มอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ และสินค้าอุปโภคบริโภค ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าหลักของกลุ่มบริษัท ยังมีแนวโน้มเติบโตได้อีกประมาณ 10 - 15% ในช่วงที่เหลือของปีนี้ จึงทำให้ประเมินว่าภาพรวมธุรกิจในครึ่งปีหลังของกลุ่มบริษัทน่าจะขยายตัวอยู่ในทิศทางที่ดีตามไปด้วยโดยเห็นได้จากแนวโน้มคำสั่งซื้อที่เข้ามาอย่างต่อเนื่องในครึ่งปีหลัง
"กลุ่มบริษัท SALEE ได้เพิ่มเครื่องจักรเข้ามาค่อนข้างมากในช่วงที่ผ่านมา โดยในครึ่งปีแรกต่อต้นครึ่งปีหลังของปีนี้ บริษัทได้เพิ่มเครื่องฉีดพลาสติกเข้ามาแล้วจำนวน 8 เครื่อง ส่วนเครื่องพิมพ์ฉลากได้ซื้อเพิ่มอีก 3 เครื่อง และเพิ่มเครื่องทำแม่พิมพ์อีก 4 เครื่อง รวมเป็นเงินลงทุนทั้งสิ้นมากกว่า 150 ล้านบาท ส่งผลให้กำลังการผลิตโดยรวมเพิ่มขึ้นมากกว่า 30% และในช่วงที่เหลือของปีนี้ มีแผนเพิ่มกำลังการผลิตโดยลงทุนเพิ่มเครื่องจักรอีกประมาณ 40 - 50 ล้านบาท เพื่อรองรับออเดอร์ใหม่ที่จะเพิ่มเข้ามา"
เขากล่าวต่อถึงกลยุทธ์ ในการรักษาฐานลูกค้าเก่าและขยายฐานลูกค้ารายใหม่ให้มากขึ้นนั้น บริษัทจะเน้นการผลิตลินค้าที่มีคุณภาพและการบริการเป็นหลัก เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าได้เป็นอย่างดี พร้อมกับการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีอย่างต่อเนื่องกับลูกค้าเดิมที่มีอยู่ ซึ่งเชื่อว่าน่าจะผลักดันให้มีคำสั่งซื้อเข้ามาต่อเนื่องจากครึ่งปีแรก
พร้อมกันนี้ SALEE ได้ประกาศผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 2/2554 สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2554 มีกำไรสุทธิรวม 26.36 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 15.90 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นในอัตรา 66% โดยมีสาเหตุหลักมาจากยอดขายในไตรมาส 2/2554 เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 205.96 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 37.51 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนมียอดขายอยู่ที่ 149.78 ล้านบาท ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นตามการเติบโตของอุตสาหกรรมอุปโภคบริโภค โดยเฉพาะธุรกิจด้านพิมพ์ฉลาก และบริษัทยังสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารได้ดีขึ้น โดยเห็นได้จากอัตราค่าใช้จ่ายในการขายและบริการได้ลดลจาก 18.90% ของยอดขายในไตรมาส 2/2553 เหลือเพียง 14.70% ของยอดขายในไตรมาส 2/2554 ดังนั้นจึงทำให้มั่นใจว่าเป้าหมายรายได้รวมปีนี้ น่าจะเติบโตตามเป้าที่วางไว้ประมาณ 900-1,000 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราการเติบโตประมาณ 30% จากปี 2553