กรุงเทพฯ--7 ก.ย.--สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย
ศ. ซาอิด อิรานดุส อธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย (เอไอที) กล่าวในโอกาสงานฉลองครบรอบ 52 ปีของการก่อตั้งสถาบันเอไอที ซึ่งจัดขึ้นเมื่อเร็วๆนี้ (5 ก.ย.) สถาบันเอไอทีได้มีส่วนอย่างมากในการสร้างแบรด์ให้กับการศึกษาของประเทศไทย และให้ความมั่นใจว่าประเทศไทยจะเป็นจุดหมายปลายทางทางการศึกษาของนักศึกษาจากทั่วโลก
อธิการบดีสถาบันเอไอทียังกล่าวอีกว่านับตั้งแต่การก่อตั้งสถาบันฯเมื่อพ.ศ. 2502 สถาบันเอไอทีได้ดึงดูดนักศึกษา อาจารย์ ผู้ฝึกอบรม และพันธมิตรด้านการศึกษาจากทั่วโลกมาโดยตลอด นับตั้งแต่วันที่สถาบันเอไอทีได้รับการก่อตั้งเป็นสถาบันบัณฑิตวิทยาลัยวิศวกรรมศาสตร์ สปอ. สถาบันเอไอทียังได้ทำหน้าที่เสมือนแม่เหล็กดึงดูดนักศึกษาจากนานาประเทศซึ่งต้องการจะศึกษาในสถาบันการ ศึกษาระดับสูงระหว่างชาติที่ตั้งอยู่ในประเทศไทย
“สถาบันเอไอทีได้ช่วยให้ประเทศไทยเป็นที่รู้จักในฐานะศูนย์กลางการศึกษาและการเรียนรู้ระดับสูง และนี่ไม่ได้เป็นความช่วยเหลือที่เล็กน้อย” อธิการบดีอิรานดุส กล่าว และเสริมอีกว่าจากการที่สถาบันเอไอทีเปลี่ยนสถานะเป็นสถาบันระหว่างชาติระหว่างรัฐบาล บทบาทและความสำคัญของสถาบันเอไอทีมีมากขึ้น
อธิการบดีสถาบันเอไอทีกล่าวอีกว่าสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี ทรงเคยศึกษาที่สถาบันเอไอทีและทรงเป็นพระอาจารย์กิตติมศักดิ์ของสถาบันเอไอที นอกจากนี้ศิษย์เก่าเอไอทียังดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีทั้งในประเทศไทยและในอีกหลายๆประเทศในเอเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พวกเขาได้ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งประธานกรรมการบริหารของบริษัทใหญ่ๆ และมีส่วนในการช่วยสร้างความก้าวหน้าทางด้านเศรษฐกิจให้แก่ภูมิภาคเอเชีย
อธิการบดีสถาบันเอไอทียังให้รายละเอียดเกี่ยวกับความสำเร็จต่างๆสถาบันเอไอที โดยกล่าวว่าสถาบันฯได้รับการยกย่องจากรางวัลรามอน แมกไซไซเมื่อพ.ศ. 2532 และได้รับรางวัล Friendship Order จากรัฐบาลเวียดนามเมื่อพ.ศ. 2549
จากรายงานของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) สถาบันเอไอทีเป็นสถาบันการศึกษาระดับสูงที่มีการทำวิจัยโดยเฉลี่ยสูงสุดต่อคน และยังได้รับการระบุจากมูลนิธิร็อคกี้เฟลเลอร์ว่าเป็นศูนย์แห่งความเป็นเลิศในการทำวิจัย
อย่างไรก็ตามสถาบันเอไอทีจะไม่ขึ้นอยู่กับชื่อเสียงเกียรติยศ และจะเริ่มดำเนินการในแผนที่จะใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่จากสถานะความเป็นสถาบันระหว่างชาติระหว่างรัฐบาล “นี่จะเป็นการทำให้มั่นใจว่าไม่ใช่แต่เพียงสถาบันเอไอทีเท่านั้น หากยังรวมถึงประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่จะเป็นจุดหมายปลายทางที่สำคัญที่สุดสำหรับนักศึกษาที่มีความปรารถนาที่จะแสวงหาการศึกษาระดับสูงที่มีคุณภาพ” อธิการบดีสถาบันเอไอทีกล่าวต่อ
อธิการบดีสถาบันเอไอทีได้กล่าวในพิธีที่จัดขึ้นในโอกาสฉลองครบรอบ 52 ปีแห่งการก่อตั้งสถาบันที่โรงแรมเรเนซองส์ ราชประสงค์ กรุงเทพฯ ในวันที่ 5 กันยายน 2554 งานฉลองดังกล่าวยังมีการเปิดตัวงานวิจัยด้านนาโนเทคโนโลยีซึ่งมีการแสดงผลงานวิจัยซึ่งพัฒนาเป็นสินค้า 16 ตัว และมีการนำเสนอความสำเร็จต่างๆของศูนย์วิจัยความเป็นเลิศด้านนาโนเทคโนโลยี หรือ CoEN ของสถาบันเอไอที โดยมีแขกผู้มีเกียรติมาร่วมงานมากมาย ซึ่งเป็นคณะทูตานุทูต อธิการบดีของมหาวิทยาลัยต่างๆ และศิษย์เก่า คณาจารย์ พนักงานและนักศึกษาเอไอที อาทิ ดร. นินนาท โอฬารวรวุฒิ เลขาธิการสมาคมสถาบันอุดมศึกษาอาเซียน ดร. ทองฉัตร หงส์ลดารมภ์ นายกสภามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ดร.มัทนา สานติวัตร อธิการบดีมหาวิทยาลัยกรุงเทพ
ในภาพ: ศ. ซาอิด อิรานดุส (ที่ 2 จากขวา) อธิการบดีสถาบันเอไอที กำลังให้การต้อนรับแขกผู้มีเกียรติที่มาร่วมงานฉลองครบรอบ 52 ปีของการก่อตั้งสถาบันเอไอที