กรุงเทพฯ--7 ส.ค.--ไทยออยล์
บริษัท ไทยออยล์ จำกัด รายงานผลประกอบการในช่วงครึ่งปี 2545 โดยไทยออยล์ดำเนินการผลิตที่ระดับ 92% ของกำลังการกลั่น หรือ 203,000 บาร์เรลต่อวัน สูงกว่าปีก่อน 5% ซึ่งสอดคล้องกับปริมาณความต้องการน้ำมันสำเร็จรูปในประเทศที่สูงขึ้น 5% ไทยออยล์ผลิตและจำหน่ายน้ำมันสำเร็จรูปทั้งสิ้นประมาณ 5,700 ล้านลิตร หรือคิดเป็น 30% ของความต้องการน้ำมันสำเร็จรูปในประเทศ
ภาวะตลาดน้ำมันโลกยังคงผันผวนค่อนข้างรุนแรง เนื่องจากสถานการณ์ความตึงเครียดทางการเมือง อันเป็นผลมาจากการก่อการร้ายที่อาคาร World Trade Center ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 11 กันยายน 2544 และสถานการณ์ในตะวันออกกลางที่ยังไม่คลี่คลาย ทำให้ราคาน้ำมันดิบ (โอมาน) ขยับตัวสูงขึ้นจากปลายปี 2544 กว่า 6 เหรียญต่อบาร์เรล เป็น 25 เหรียญต่อบาร์เรล ในขณะเดียวกันภาวะความต้องการน้ำมันเบนซินที่สูงขึ้นในสหรัฐอเมริกาสำหรับช่วงฤดูร้อน ประกอบกับการที่โรงกลั่นในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิคหยุดซ่อมบำรุงในช่วงไตรมาสที่ 2 ทำให้ราคาน้ำมันสำเร็จรูปสูงขึ้นโดยเฉพาะน้ำมันเตา ปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้ไทยออยล์มีกำไรขั้นต้นจากการกลั่น (GRM) ในครึ่งปีแรก 2.6 เหรียญต่อบาร์เรล และมีกำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษีและค่าเสื่อมราคา (EBITDA) จำนวน 3,144 ล้านบาท เมื่อหักดอกเบี้ยจ่าย ค่าเสื่อมราคา และนับรวมกำไรทางบัญชีจากอัตราแลกเปลี่ยนที่เงินบาทแข็งค่าขึ้นแล้ว ไทยออยล์มีกำไรจากการดำเนินงานทั้งสิ้น 1,961 ล้านบาท และเมื่อรวมกับรายได้จากบริษัทในเครืออีก 335 ล้านบาทแล้ว ไทยออยล์จึงมีกำไรสุทธิสำหรับครึ่งปีแรกสูงถึง 2,296 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม คาดว่าราคาน้ำมันในตลาดโลกจะปรับตัวลดลงในครึ่งหลังของปี 2545 ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ส่อแววว่าจะล่าช้ากว่าการคาดหมาย ไทยออยล์จึงประมาณการ GRM สำหรับครึ่งปีหลังไว้เพียง 1.3-1.4 เหรียญต่อบาร์เรล และทำให้ประมาณการ GRM ทั้งปีอยู่ที่ 1.9 เหรียญต่อบาร์เรล ซึ่งยังคงเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้
นายจุลจิตต์ บุณยเกตุ กรรมการอำนวยการ กล่าวเสริมว่า ธุรกิจในเครือที่ไทยออยล์ถือหุ้นอยู่ดำเนินงานรุดหน้าไปมาก โดยเฉพาะธุรกิจด้านไฟฟ้า ได้แก่ บริษัท ไทยออยล์เพาเวอร์ จำกัด (ไทยออยล์เพาเวอร์) และบริษัท ผลิตไฟฟ้าอิสระ (ประเทศไทย) จำกัด (ไอพีที) ต่างมีผลการดำเนินงานเป็นที่น่าพอใจ เนื่องจากธุรกิจไฟฟ้าเป็นธุรกิจที่มีศักยภาพสูงและเป็นปัจจัยพื้นฐานในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ โดยไทยออยล์เพาเวอร์และไอพีทีมีกำไรสำหรับครึ่งปีแรก 2545 จำนวน 479 ล้านบาท และ 619 ล้านบาท สำหรับรอบปีบัญชี 2544 ไทยออยล์เพาเวอร์สามารถจ่ายเงินปันผลแก่ผู้ถือหุ้นในอัตรา 0.75 บาทต่อหุ้น และไอพีทีจ่ายเงิน
ปันผลในอัตรา 0.62 บาทต่อหุ้น นอกจากนี้ บริษัท ไทยพาราไซลีน จำกัด ซึ่งเป็นผู้ผลิตสารพาราไซลีน ขนาด 289,000 ตันต่อปี ได้ดำเนินการก่อสร้างโรงงานแล้วเสร็จและเปิดดำเนินการตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา คาดว่าโครงการจะสามารถเริ่มทำกำไรได้ตั้งแต่ปลายปีนี้จากการฟื้นตัวของตลาดปิโตรเคมี ส่วนบริษัท ไทยลู้บเบส จำกัด (มหาชน) ขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจาปรับโครงสร้างหนี้ระหว่างผู้ถือหุ้นและกลุ่มเจ้าหนี้ ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อยุติในไม่ช้านี้
บริษัท ไทยออยล์ จำกัด ประกอบกิจการโรงกลั่นน้ำมันที่ทันสมัยด้วยกำลังกลั่น 220,000 บาร์เรลต่อวัน ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2545 มีสินทรัพย์รวม 87,000 ล้านบาท และมีหนี้สินระยะยาว 51,000 ล้านบาท ทุนจดทะเบียน 18,965 ล้านบาท โดยมี บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ถือหุ้นอยู่ 49.99%--จบ--
-ตม-