นักวิชาการชวนแม่บ้านปรับพฤติกรรมการกิน ชวนลูกออกกำลัง ลดปัญหาเด็กไทยพัฒนาการถดถอย

ข่าวทั่วไป Friday September 9, 2011 10:11 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--9 ก.ย.--โอกิลวี่ พับลิค รีเลชั่นส์ เวิลด์วายด์ ในหลายปีที่ผ่านมา เด็กไทยมีพัฒนาการถดถอยลง โดยเฉพาะรายงานช็อคคนทั่วประเทศเมื่อเร็วๆ นี้ว่าเด็กไทยมีความฉลาดทางสติปัญญาต่ำกว่ามาตรฐาน สาเหตุหลักมาจากภาวะทุพโภชนาการ การใช้ชีวิตไม่สมดุล ออกกำลังกายน้อย หลายฝ่ายจึงได้หันมาส่งเสริมการปรับพฤติกรรมการกินอยู่ให้เหมาะสม และกระตุ้นการออกกำลังกาย เช่นกิจกรรมการแข่งขันฟุตบอลเยาวชนระดับโลก ดานอน เนชั่นส์ คัพ เมื่อเร็วๆ นี้ มร. โลรองต์ บัวซิเยร์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ดานอน แดรี่ (ประเทศไทย) กล่าวว่า “ดานอนอยู่ในธุรกิจอาหารของโลกมานานกว่า 90 ปี เราเล็งเห็นว่าสุขภาพและพัฒนาการของทุกคนเป็นเรื่องใหญ่ เราเชื่อว่าธรรมชาติของเด็กต้องไม่อยู่นิ่ง แต่คอมพิวเตอร์ ทีวี เกม และการพัฒนาสมัยใหม่ทำให้เด็กๆ ยุคนี้ ออกกำลังน้อยเกินไป ดานอนจึงได้จัดการแข่งขันฟุตบอลเยาวชนระดับโลกที่เต็มไปด้วยความท้าทาย สนุกสนาน เพราะการเล่นกีฬาช่วยให้มีการพัฒนาทั้งร่างกาย กล้ามเนื้อ ความว่องไว การพัฒนาสมองเช่น ไหวพริบ การพัฒนาด้านอารมณ์และสังคม คือ การทำงานเป็นทีม รู้แพ้รู้ชนะ การเคารพกฎกติกา และที่สำคัญคือ เราช่วยให้เด็กมีเป้าหมายในชีวิต และช่วยสานฝันเด็กๆ ที่อยากเป็นคนเก่ง อยากไปเตะบอลระดับโลก อยากพบกับนักเตะในดวงใจ ซึ่งในโครงการดานอน เนชั่นส์ คัพของเรานี้ ทีมตัวแทนประเทศไทยจะได้ไปแข่งกับอีก 39 ทีมจากทั่วโลก และมีโอกาสพบกับซีเนดีน ซีดาน นักเตะระดับโลกด้วย” การแข่งขันฟุตบอลเยาวชนระดับโลกครั้งนี้ ยังจะกระตุ้นให้เด็กไทยทั่วประเทศได้สนใจออกกำลังกายกลางแจ้งมากขึ้น พ่อแม่พี่น้อง ญาติ และเพื่อนๆ ที่ตามมาเป็นกำลังใจ ก็มีโอกาสจะได้มาร่วมเล่นหรือออกกำลังกายมากขึ้น สร้างความใกล้ชิดกระชับความสัมพันธ์ในครอบครัวได้เป็นอย่างดี กิจกรรมส่งเสริมการออกกำลังกายและการเล่นกีฬา นับเป็นการกระตุ้นการพัฒนาเด็กได้อย่างมีคุณภาพ ทั้งในด้านร่างกายและสติปัญญา โดยมีรายงานวิจัยจำนวนมากที่แสดงให้เห็นว่า การออกกำลังกายทำให้หัวใจและหลอดเลือดแข็งแรง สามารถสูบฉีดโลหิตไปเลี้ยงสมองดี และร่างกายสามารถผลิตสารกระตุ้นสมอง ทำให้สมองทำงานได้ดีขึ้น ฉับไว และมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ดร. อาณดี นิติธรรมยง รองผู้อำนวยการฝ่ายการศึกษาและกิจกรรมพิเศษ สถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า “การออกกำลังกายเป็นเรื่องสำคัญ เพราะนอกจากจะช่วยพัฒนาการด้านต่างๆแล้ว ยังช่วยให้ร่างกายใช้พลังงานได้เต็มที่ เรารับประทานอาหารเข้าไปเท่าไร ก็ควรใช้พลังงานให้สมดุล ไม่เช่นนั้นพลังงานจะสะสมมากเกินไปจนเกิดโรคอ้วน ซึ่งโรคอ้วนไม่ได้แปลว่าได้รับสารอาหารครบเสมอไป คนที่เป็นโรคอ้วนอาจขาดสารอาหารบางอย่างได้ด้วยเหมือนกันถ้าพฤติกรรมการรับประทานไม่ถูกต้อง” ดร. อาณดี กล่าวเสริมว่า ปัจจุบันนี้เด็กไทยก่อนวัยเรียน 1 ใน 5 คน มีปัญหาโภชนาการ ขณะที่เด็กวัยเรียนมีปัญหานี้ประมาณ 1 ใน 10 คน ซึ่งถือว่าน่าเป็นห่วงมาก เพราะหากปล่อยทิ้งไว้ โอกาสที่เด็กเหล่านี้จะโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ที่ไม่มีคุณภาพก็มีมาก “ไม่น่าเชื่อว่า ต้นเหตุของภาวะทุพโภชนาการเกิดจากแม่บ้านเป็นส่วนใหญ่ เพราะแม่บ้านมักเป็นคนกำหนดและจัดหาอาหารของครอบครัว แต่ส่วนมากยังขาดความรู้ว่าโภชนาการที่เหมาะกับแต่ละวัยเป็นอย่างไร หลายคนยุ่งจนไม่มีเวลาเอาใจใส่ควบคุมการรับประทานอาหาร ปล่อยให้ลูกเลือกกินตามใจปาก หรือใช้วิธีซื้ออาหารสำเร็จรูป ทำให้ควบคุมเรื่องสารอาหารที่จำเป็นไม่ได้ ดังนั้น การแก้ปัญหาเรื่องพัฒนาการและพฤติกรรมของคนในครอบครัวต้องเริ่มจากที่แม่บ้าน” ดร. อาณดีกล่าว หนึ่งในอาหารที่มีประโยชน์ ราคาไม่แพง ที่คนทุกเพศทุกวัยสามารถรับประทานได้ทุกวัน โดยที่แม่บ้านไม่ต้องเหนื่อย ได้แก่ นม ซึ่งนอกจากจะมีสารอาหารและแร่ธาตุที่จำเป็นแล้ว ยังรับประทานได้ทันที มีให้เลือกหลากหลายรูปแบบและรสชาติ ไม่ว่าจะเป็นนมสดรสต่างๆ นมเปรี้ยวชนิดพร้อมดื่ม หรือโยเกิร์ตชนิดถ้วย ซึ่งมีทั้งแบบธรรมดาและแบบที่มีประโยชน์เฉพาะด้าน เช่น ช่วยในการขับถ่าย เป็นต้น โยเกิร์ตเป็นทางเลือกที่น่าสนใจเพราะนอกจากจะให้แคลเซียม โปรตีน และวิตามินบีแล้ว คนที่แพ้นมก็รับประทานได้ เพราะน้ำตาลแลคโตสที่ทำให้แพ้นั้นถูกย่อยไปแล้ว และยังมีเอนไซม์ที่ช่วยย่อยโปรตีนในนมด้วย “ทั้งเด็ก ผู้ใหญ่และผู้สูงวัย ควรดื่มหรือรับประทานผลิตภัณฑ์นมให้ได้ทุกวันวันละ 1-2 แก้ว จะเป็นนมสด หรือโยเกิร์ตก็ได้ จึงจะได้รับสารอาหารที่จำเป็นต่อพัฒนาการอย่างครบครัน และควรออกกำลังกายไปพร้อมกัน เพื่อให้ร่างกายนำแคลเซียมในนมไปเพิ่มความหนาแน่นของกระดูกได้อย่างมีประสิทธิภาพ ยิ่งเริ่มได้ตั้งแต่ในวัยเด็กจะยิ่งดี เพราะร่างกายเราจะสร้างความแข็งแรงของกระดูกได้จนถึงอายุ 30 ปีเท่านั้น หลังจากนั้นแคลเซียมจะช่วยชดเชยส่วนที่สึกหรอเท่านั้น การสร้างนิสัยการรับประทานอาหารที่ถูกต้อง และการออกกำลังกายเป็นประจำตั้งแต่ยังอายุน้อย จะเป็นการปลูกฝังรากฐานของการใช้ชีวิตที่ถูกต้องให้กับเด็กต่อไป” ดร. อาณดีกล่าวสรุป

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ