กรุงเทพฯ--12 ก.ย.--อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ
พีซีเอส เดินเกมรุกตลาดธุรกิจรักษาความปลอดภัย หลังแนวโน้มตลาดมูลค่า 9 หมื่นล้านบาทในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ขยายตัวสูง เซ็นสัญญาโกลเบิล ซีคิวริตี้ โพรดักซ์ประเทศอังกฤษ นำเสนอนวัตกรรม “เซนตี้การ์ด” เทคโนโลยีดูแลรักษาความปลอดภัย หวังอุดช่องว่างปัญหาขาดแคลนแรงงาน — ปรับขึ้นค่าจ้าง มั่นใจดันยอดรายได้พีซีเอสเพิ่ม 10%
นายธนา ถิรมนัส กรรมการผู้จัดการ บริษัท พรอพเพอร์ตี้ แคร์ เซอร์วิสเซส (ประเทศไทย) จำกัด หรือ พีซีเอส ผู้ให้บริการดูแลอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจร กล่าวว่า พีซีเอส ได้เดินหน้าพัฒนาแผนงานให้บริการดูแลอสังหาริมทรัพย์ครบวงจรในฐานะผู้นำตลาดบริการดูแลอสังหาริมทรัพย์ โดยยกระดับงานบริการ ด้วยการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยดูแลความปลอดภัย ทดแทนการจ้างแรงงาน ซึ่งปัจจุบันประสบปัญหาขาดแคลนแรงงาน และแรงงานมีต้นทุนค่าจ้างที่สูงมากขึ้น สวนทางกับภาพรวมสังคมทั้งในและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มีความต้องการสินค้าและบริการรักษาความปลอดภัยเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
ล่าสุด พีซีเอส ได้เซ็นสัญญา กับบริษัท โกลเบิล ซีคิวริตี้ โพรดักส์ ประเทศอังกฤษ นำเข้า “เซนทรี้การ์ด” (SentryGuard) เครื่องตรวจจับการบุกรุกนวัตกรรมการดูแลรักษาความปลอดภัยที่ทันสมัย เจาะกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ทั้งภาครัฐและเอกชน รวมถึงทั้งในประเทศและประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รองรับความต้องการบริการรักษาความปลอดภัยที่เพิ่มขึ้นดังกล่าว
“ปัจจุบันพบว่าประเทศไทยยังประสบปัญหาขาดแคลนแรงงานภาคบริการ อีกทั้งปัญหาต้นทุนการจ้างแรงงานที่คาดว่าจะปรับเพิ่มขึ้นอันเนื่องจากนโยบาลของรัฐบาลที่ต้องการปรับค่าแจ้งแรงงานขั้นต่ำเพิ่มเป็น 300 บาทต่อคนต่อวันนั้น ทั้งหมดจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้องค์กรทั้งภาครัฐและเอกชนมองหาเทคโนโลยีเข้ามาช่วยเหลืองานด้านความปลอดภัยมากขึ้น โดยพบว่าการใช้เทคโนโลยีเซนทรี้การ์ดสามารถลดต้นทุนในการดูแลความปลอดภัยได้ไม่น้อยกว่า 50% เมื่อเปรียบเทียบกับการจ้างแรงงานและจะสามารถลดต้นทุนได้มากขึ้นเนื่องจากแนวโน้มของค่าจ้างแรงงานในตำแหน่งพนักงานดูแลความปลอดภัยสูงขึ้นต่อเนื่อง” นายธนากล่าว
สอดคล้องกับข้อมูลจากศูนย์วิจัยกสิกรไทย ซึ่งประเมินภาพรวมธุรกิจรักษาความปลอดภัยว่า จะมีอัตราเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจัยหนุนสำคัญคือ การขยายตัวของความต้องการทั้งจากลูกค้าภาครัฐ โดยเฉพาะการทยอยย้ายหน่วยงานราชการเข้าไปอยู่ในศูนย์ราชการที่สร้างเสร็จ และลูกค้าภาคเอกชน ที่ขยายตัวตามโครงการที่อยู่อาศัยที่เพิ่งสร้างเสร็จ ทั้งบ้านจัดสรร อาคารชุด และทาว์นเฮ้าส์ รวมไปถึงโครงการอาคารสำนักงาน และโรงงานอุตสาหกรรมในนิคมอุตสาหกรรมต่างๆ
นายโรเบิร์ต ไมเคิล พิคกิ้ง กรรมการผู้จัดการบริษัท โกลเบิล ซีคิวริตี้ โพรดักส์ กล่าวถึง การทำงานของนวัตกรรม“เซนทรี้การ์ด” ดังกล่าวว่าเซนทรี้การ์ดจะทำงานควบคู่กับพนักงานรักษาความปลอดภัย(รปภ.)มีระบบการทำงานเพื่อตรวจสอบความปลอดภัยที่ทันสมัยด้วยรังสีอินฟาเรดที่ควบคุมด้วยไมโครโปรเซสเซอร์ จึงสามารถสร้างโครงข่ายการตรวจจับวัตถุทุกชนิดที่มีความสูงตั้ง 1.3 เมตร และสามารถตรวจจับการเคลื่อนไหวภายในระยะปกป้อง 50 เมตร เช่น การคลาน การย่อง หรือการวิ่ง ทำให้สามารถสร้างอาณาจักรเพื่อตรวจจับความเคลื่อนไหวได้กว้างถึง 100 เมตร สามารถใช้ได้ในทุกสถานที่ทั้งโรงงานอุตสาหกรรมหรือห้องกรรมการบริษัท
ในส่วนของการแจ้งเตือนการบุกรุกนั้น เซนทรี้การ์ดมีระบบแจ้งเตือน 2 รูปแบบ ได้แก่ การส่งสัญญาณไปยังพนักงานรักษาความปลอดภัย ในพื้นที่ทันทีเมื่อเกิดเหตุบุกรุกหรือเมื่อมีบุคคลเข้าสู่พื้นที่ที่หวงห้าม รวมทั้งระบบเตือนภัยแบบ Passive Infra-Red (PIR) ที่สามารถเลือกรูปแบบการเตือนด้วยภาษาตามความต้องการและส่องแสงไฟกระพริบเสริม
อย่างไรก็ตามพีซีเอส ได้จัดตั้งทีมเพื่อให้บริการฝึกอบรมแก่ลูกค้าเพื่อสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับเทคโนโลยีในช่วงของการแนะนำสินค้าและบริการ คาดว่าจะสามารถสร้างยอดขายไม่ต่ำกว่า150 เครื่องในช่วงปีแรก กระตุ้นภาพรวมรายได้ของพีซีเอสให้เติบโตไม่น้อยกว่า 10%
สำหรับตลาดธุรกิจดูแลความปลอดภัยนั้น ประเทศไทยถือว่าเป็นหนึ่งในตลาดสินค้าและบริการด้านระบบรักษาความปลอดภัยและระบบป้องกันภัยที่ใหญ่ที่สุดในภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มากกว่ามาเลเซีย สิงคโปร์ และอินโดนีเซีย จากที่มีการประเมินว่า ธุรกิจรักษาความปลอดภัยในเอเชีย-แปซิฟิก มีแนวโน้มการเติบโตที่สูงคาดว่าในปี 2559 มูลค่าธุรกิจรักษาความปลอดภัยในเอเชีย-แปซิฟิกจะเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 9 หมื่นล้านบาท โดยมีอัตราการเติบโตสูงถึงปีละราว 7.5%