กรุงเทพฯ--12 ก.ย.--พริสไพออริตี้
เพื่อเป็นการเร่งเพิ่มยอดขายในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2554 บริษัท มาลี สามพราน จำกัด (มหาชน) ภายใต้แบรนด์ “มาลี” (Malee) ได้ส่ง “น้ำแอปเปิ้ลเขียวแกรนนี่สมิธ 100% UHT และน้ำองุ่นขาว 100% UHT” เพื่อเสริมทัพ และเป็นการต่อยอดตลาดน้ำผลไม้พร้อมดื่มระดับพรีเมียม โดยหวังขยายฐานกลุ่มวัยรุ่นและหญิงสาวรวมถึงผู้ที่ใส่ใจสุขภาพ ชูคุณค่าสุขภาพและความงามด้านผิวพรรณในหนึ่งเดียว พร้อมทั้งเร่งอัดกิจกรรมทำตลาดและประชาสัมพันธ์แบบครบวงจร และปรับโฉมแพ็คเกจจิ้งใหม่ให้มีความทันสมัย และสดใสมากขึ้น โดยมุ่งหวังที่จะได้รับการตอบรับจากกลุ่มเป้าหมายเป็นอย่างดี
ปทุมรัตน์ เพียรชอบ ผู้อำนวยการใหญ่ สายธุรกิจตราผลิตภัณฑ์ บริษัท มาลี สามพราน จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “จากปีที่ผ่านมาตลาดน้ำผลไม้ยังคงมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง สืบเนื่องจากกระแสของคนรักสุขภาพที่มีเพิ่มมากขึ้น ดังนั้น มาลีจึงต้องการเพิ่มทางเลือกที่ดีที่สุดอีกทางหนึ่งในการดูแลสุขภาพ อีกทั้งเพื่อตอกย้ำว่ามาลีเป็นแบรนด์เบอร์หนึ่งที่อยู่คู่กับตลาดน้ำผลไม้มานาน ล่าสุด เราจึงต่อยอดตลาดด้วยการส่ง
“น้ำแอปเปิ้ลเขียวแกรนนี่สมิธ 100% UHT ตรามาลี และน้ำองุ่นขาว 100% UHT ตรามาลี” น้ำผลไม้ 2 รสชาติใหม่เพื่อสุขภาพ โดยหวังเจาะกลุ่มเป้าหมายวัยรุ่นและผู้หญิง อายุระหว่าง 18-30 ปี รวมถึงผู้ที่ใส่ใจสุขภาพ โดยมีจุดขายอยู่ที่คุณประโยชน์เรื่องสุขภาพและความงามที่ผสมผสานในหนึ่งเดียว ภายใต้รสชาติที่หอมหวาน ทั้งนี้ เพื่อหวังให้มาลีเป็นแบรนด์ที่ครองใจผู้บริโภคในแง่ของผลิตภัณฑ์ที่มีทั้งความอร่อยและอุดมไปด้วยคุณค่าจากผักและผลไม้ที่มีประโยชน์มากมายต่อร่างกาย”
“ขณะที่ฝ่ายด้านการตลาด และโฆษณาประชาสัมพันธ์ของมาลีได้ทุ่มงบกว่า 20 ล้านบาท เพื่อโปรโมทตัวสินค้าและจัดกิจกรรมเพื่อประชาสัมพันธ์และทำการตลาดอย่างเต็มรูปแบบ โดยเน้นทำการตลาดทั้งทางด้าน Above the line อาทิเช่น สื่อทางวิทยุ เคเบิลทีวี สื่อสิ่งพิมพ์ต่างๆ และด้าน Below the line ซึ่งจะมีทั้งการจัดกิจกรรมโรดโชว์ต่างๆ กิจกรรมส่งเสริมการขาย ณ จุดขาย อาทิ การให้ชิมในห้างทั่วประเทศ เป็นต้น
ทั้งนี้เพื่อสร้างการรับรู้และจดจำ 2 น้ำผลไม้มาลีรสชาติใหม่นี้มากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ มาลียังทำ CRM ผ่านwww.facebook.com/MaleeSociety และ www.malee.co.th เพื่อมุ่งสื่อสารไปถึงกลุ่มเป้าหมายโดยตรง และเพื่อนำเสนอสินค้าที่มีคุณภาพและมีประโยชน์ต่อผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง และเราเชื่อว่าผู้บริโภคจะทราบและเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับตัวเองในที่สุด ซึ่งทั้งหมดนี้ มั่นใจว่าจะได้รับการตอบรับจากลุ่มเป้าหมายเป็นอย่างดี”
สำหรับตลาดน้ำผลไม้ในปี 2554 มีมูลค่ารวมประมาณ 9,600 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นน้ำผลไม้พรีเมียมประมาณ 4,000 ล้านบาท ซึ่งในกลุ่มนี้น้ำผลไม้มาลีครองแบ่งในตลาดอยู่ที่ 43%, มีเดียม 600 ล้านบาท อีโคโนมี 3,000 ล้านบาท และซูเปอร์อีโคโนมี 2,000 ล้านบาท นอกจากนี้ ผู้บริหารมาลียังเผยต่อว่า “ยอดขายในปี 2553 ที่ผ่านมา เติบโตกว่า 20% ซึ่งปัจจุบันมาลีมีส่วนแบ่งตลาดอยู่ประมาณ 23% และในปี 2554 นี้เราคาดหวังที่จะเติบโตขึ้นปีก่อน โดยเฉพาะในกลุ่มน้ำผลไม้พรีเมียมโต 20% ทั้งนี้ เพราะเรามั่นใจว่าผลจากการปรับภาพลักษณ์แบรนด์ครั้งใหญ่ในรอบ 30 ปี ทั้งในส่วนการจัดกิจกรรมทางการตลาด รวมถึงการประชาสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดทุกช่องทางกับผู้บริโภค ตลอดจนการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ออกมาอย่างต่อเนื่องเพื่อเป็นการส่งเสริมให้ผู้บริโภคหันมาจดจำและบริโภคสินค้าภายใต้แบรนด์มาลีมากยิ่งขึ้น” ปทุมรัตน์ เพียรชอบ กล่าวปิดท้าย