กรุงเทพฯ--12 ก.ย.--สหมงคลฟิล์ม
ABDUCTION (แอ๊บดักชั่น) : พลิกโลกล่าสุดนรก เป็นเรื่องราวของเด็กหนุ่มวัยรุ่นธรรมดาคนหนึ่ง เนธาน (เทย์เลอร์ เลาท์เนอร์) ที่ต้องพบกับความเปลี่ยนแปลงของชีวิตเมื่อเพื่อนสนิทของเขา คาเรน (ลิลี่ คอลลินส์) ไปพบรูปของเขาบนเว็บไซค์คนหาย ทำให้เขาได้รู้ว่าพ่อแม่ที่เลี้ยงดูมาไม่ใช่พ่อแม่ที่แท้จริง แต่ในขณะเดียวกันเมื่อเขาเริ่มสืบหาความจริงก็พบว่าตัวเองตกเป็นเป้าหมายของมือสังหารและรัฐบาล เขาจึงตัดสินใจหนีไปกับเพื่อนคนเดียวที่ไว้ใจอย่าง คาเรน และตามหาต้นตอเพื่อหยุดเหตุการณ์ทุกอย่างและได้รู้ความจริงว่าตัวเองเป็นใคร
22 กันยายนนี้ ในโรงภาพยนตร์
http://www.youtube.com/watch?v=Vn4sNhGvgzM
ประเภท Action
กำหนดฉาย 22 กันยายน 2011
บริษัทจัดจำหน่าย มงคลเมเจอร์
อำนวยการสร้าง ดัค เดวิสัน (The Departed, The Ring, How to Train Your Dragon)
กำกับ จอห์น ซิงเกิลตัน (Four Brothers, 2 Fast 2 Furious, Shaft)
เขียนบท ฌอน คริสเตนเซน (Enter Nowhere, Walter King)
นำแสดง เทย์เลอร์ เลาท์เนอร์ (เจคอบ จาก The Twilight Saga)
ลิลลี่ คอลลินส์ (The Blind Side, ซีรี่ย์ 90210)
มาเรีย เบลโล (Payback, The Mummy: Tomb of the Dragon Emperor)
อัลเฟรด โมลิน่า (Spider-Man 2, Prince of Persia: The Sands of Time)
ซีกอร์นีย์ วีเวอร์ (Avatar, Alien 1-4)
เนื้อเรื่อง
เทย์เลอร์ เลาท์เนอร์ หรือ “เจคอบ” หมาป่าล่ำบึ้กขวัญใจสาวๆจาก “แวมไพร์ ทไวไลท์” กับบทนำเต็มตัวในหนังแอ็คชั่นครั้งแรก ผลงานโดย จอห์น ซิงเกิลตัน ผู้กำกับหนังแอ็คชั่นสุดมันอย่าง Four Brothers และ 2 Fast 2 Furious
ตั้งแต่จำความได้ เนธาน ฮาร์เปอร์ (เทย์เลอร์ เลาท์เนอร์) รู้สึกว่าเขากำลังใช้ชีวิตของคนอื่น เมื่อเขาเจอรูปในวัยเด็กของตัวเองบนเว็บคนหาย ความกลัวของ เนธาน ก็กลายเป็นจริง เขาพบว่าคนที่เลี้ยงดูเขามาไม่ใช่พ่อแม่ที่แท้จริง และชีวิตที่ผ่านมาทั้งหมดก็เป็นเรื่องหลอกลวง ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อซ่อนอะไรบางอย่างที่อันตรายเกินกว่าที่เขาคาดคิด
ทันทีที่เขาเริ่มประติดประต่อเรื่องราว เนธาน ก็ตกเป็นเป้าหมายของทีมสังหารมืออาชีพ ทำให้เขาไม่มีทางเลือกนอกจากออกเดินทางกับสาวข้างบ้าน คาเรน (ลิลลี่ คอลลินส์) ผู้หญิงคนเดียวที่เขาวางใจ ทุกวินาทีมีค่าเมื่อ เนธาน และ แคเรน ต้องหลบหนีจากการตามล่าของมือสังหารและเจ้าหน้าที่รัฐบาล เขาพบว่าทางเดียวที่จะรอดก็คือไล่ตามเบาะแสไปถึงต้นตอ เพื่อค้นหาว่าเขาเป็นใครและหยุดยั้งเหตุการณ์ทุกอย่างด้วยน้ำมือของตนเอง
Abduction นำแสดงโดย เทย์เลอร์ เลาท์เนอร์ ร่วมด้วย ลิลลี่ คอลลินส์ จาก The Blind Side และกำลังจะรับบทเป็น สโนวไวท์ ปี 2012, ซิกอร์นี่ย์ วีเวอร์ จาก Avatar, มาเรีย เบลโล จาก Payback และ The Mummy: Tomb of the Dragon Emperor, อัลเฟรด โมลิน่า จาก Spider-Man 2 และ Prince of Persia: The Sands of Time และ เจสัน ไอแซ็ค ที่รับบทเป็น ลูเซียส มัลฟอย ใน Harry Potter
จุดเริ่มต้น + การตามหาผู้กำกับและนักแสดงนำ
Abduction เริ่มต้นจากไอเดียเล็กๆของผู้อำนวยการสร้าง เจเรมี่ เบล ตั้งแต่ 4 ปีที่แล้ว ซึ่งก็เริ่มเป็นรูปเป็นร่าง เมื่อเขาได้พบกับผู้เขียนบท ฌอน คริสเตนเซน โดยเขาเล่าว่า "ผมได้ยินถึงเรื่องของเด็กวัยรุ่นคนหนึ่ง ที่เห็นรูปของตัวเองในวัยเด็กในเว็บไซต์คนหาย และคิดว่ามันเป็นไอเดียที่ดี โดยหลังจากการได้พูดคุยกันผมก็บอกทุกคนว่า ขอเวลา 2 เดือนเพื่อเขียนบทร่างแรก และวันที่ 63 ผมก็ได้มอบบทของ Abduction ให้กับพวกเขา"
เอลเลน โกลด์สมิธ-วีน หนึ่งในผู้อำนวยการสร้าง ก็พูดถึงบทภาพยนตร์ที่เธอได้อ่านว่า "ฌอน เล่นสนุกกับไอเดียของการตามหาตัวตนของตัวเอง เขามีแรงบันดาลใจในการเขียนบท ซึ่งเสร็จในระยะเวลาเพียงแค่ 2 เดือนนับตั้งแต่ที่เราได้พบกัน เขาสามารถเอาเรื่องย่อสองบรรทัดมาใส่องค์ประกอบจนกลายเป็นหนัง"
ลี สโตลแมน หนึ่งในผู้อำนวยการสร้างเสริมถึงบทภาพยนตร์ว่า "สำหรับผมแล้วมันมีการหักมุมที่ยอดเยี่ยม พวกเราคาดไม่ถึงว่ามันลงเอยยังไง และผมเองก็ยังไม่เคยเห็นหนังที่พูดถึงวัยรุ่นที่มีชีวิตปกติ แต่แล้วทุกอย่างก็กลับตาลปัตรเมื่อสิ่งที่เขารู้จักมาล้วนเป็นเรื่องโกหก"
องค์ประกอบสำคัญที่สุดก็คือการที่ผู้ชมต้องเอาใจช่วย เนธาน ฮาร์เปอร์ ซึ่งเป็นตัวดำเนินเรื่อง ผู้อำนวยการสร้างก็ตกลงว่า เทย์เลอร์ เลาท์เนอร์ คือตัวเลือกแรกและสุดท้ายในการเข้ามารับบทนี้ โกลด์สมิธ-วีน เผยว่า "เทย์เลอร์ เป็นนักแสดงคนเดียวในวงการที่เหมาะสมกับบทนี้ ทั้งเรื่องของอายุ ความสามารถ และพื้นฐานด้านกีฬาและศิลปะการต่อสู้ เขามีไหวพริบและทุ่มเทกับงาน ที่สำคัญเขามีสเน่ห์ที่ดึงดูดได้ทั้งผู้ชายและผู้หญิง"
หลังจากที่ เลาท์เนอร์ ตอบตกลงเข้ามาแสดง ทีมงานก็ได้พัฒนาบทเพื่อให้เข้ากับบุคลิกของนักแสดงหนุ่ม จนในที่สุดหนังก็ได้รับไฟเขียว โดย อัลลี ชาร์เมอร์ ผู้บริหารของ Lionsgate และเป็นหนึ่งในผู้อำนวยการสร้าง ก็ได้พูดถึงการจุดประสงค์ในการสร้างว่า "ฉันทำงานมากในไตรภาค Bourne และก็รู้สึกถึงความเหมือนกับ Abduction ซึ่งทาง เทย์เลอร์ เองก็ระมัดระวังในการเลือกบทที่เขาต้องแสดงนำเป็นครั้งแรก ฉันคิดว่าหนังเรื่องนี้ก็เป็นตัวเลือกที่เหมาะที่สุดสำหรับเขา"
หลังจากที่ได้รับไฟเขียวในการสร้าง จอห์น ซิงเกิลตัน ผู้กำกับ 2 Fast 2 Furious และ Shaft ก็เข้ามารับหน้าที่เป็นผู้กำกับ โดยเขาและทีมงานก็ร่วมมือกันพัฒนาบทอย่างต่อเนื่อง คริสเต็นเซ่น พูดถึงเขาว่า "เขาจะส่งโน้ตเล็กๆมาให้ผม โดยให้ข้อคิดเห็นและคำแนะนำสำหรับบทภาพยนตร์ จอห์น มีทัศนคติและอัธยาศัยที่ดี พวกเราใช้ไม่นานนักก่อนที่จะเปิดกล้อง"
ซิงเกิลตัน ก็ได้พูดถึงสาเหตุที่เขาเข้ามาทำงานในโปรเจ็คนี้ว่า "สำหรับผมแล้ว Abduction เป็นเรื่องราวของวัยรุ่นที่ต้องการค้นหาตัวตนของตัวเอง ซึ่งผมคิดว่าเราก็ต่างมีช่วงเวลาที่อยากค้นหาตัวเองเช่นกัน ในหนังจะมีฉากแอ็คชั่นมากมาย แต่แรงบันดาลใจหลักของผมมาจากเรื่องราวของการผจญภัยแบบคลาสสิก ที่ตัวเอกจะเปลี่ยนแปลงไปตามประสบการณ์ที่เขาได้รับ"
แพท คราว์ลี่ย์ หนึ่งในผู้อำนวยการสร้าง ก็ได้พูดถึงการทำงานกับผู้กำกับคนนี้ว่า "จอห์น เป็นผู้กำกับนักแสดงตัวจริง นั้นคือความตื่นเต้นในการได้ร่วมงานกับเขา เขาคือผู้กำกับที่เป็นเหมือนสารานุกรมภาพยนตร์ คุณจะรู้สึกไว้วางวใจเมื่อได้คนที่มีวิสัยทัศน์ชัดเจนเข้ามาทำงาน และเขาก็ยังยอดเยี่ยมเมื่อทำงานกับนักแสดงวัยรุ่น"
ซิงเกิลตัน พูดถึงประสบการณ์ในการทำงานกับ เลาท์เนอร์ ว่า "คนดูจะได้เห็น เทย์เลอร์ เลาท์เนอร์ ในแนวทางไม่เคยเห็นมาก่อน เขาเติบโตขึ้นมาเป็นนักแสดงที่มีอนาคต ผมได้เห็นการตีความตัวละครในแนวทางของเขา ซึ่งในฐานะผู้กำกับการได้เห็นนักแสดงพยายามพัฒนาตัวเองถือเป็นสิ่งที่ดีที่สุด"
เทย์เลอร์ เลาท์เนอร์ ก็ได้เผยถึงความหลงไหลหนังแอ็คชั่นตั้งแต่ที่เขาจำความได้ "ผมชอบหนังแอ็คชั่นมาโดยตลอด และบทนี้ก็ถือเป็นบทที่ท้าทายที่สุดของผม ยิ่งไปกว่านั้นในเรื่องราวก็มีอะไรมากไปกว่าสิ่งที่คุณเห็นในตัวอย่าง ผมชอบตัวละครอย่าง เนธาน และทุกสิ่งที่เขาต้องรับมือในหนังเรื่องนี้"
การคัดเลือกนักแสดง
หลังจาก เลาท์เนอร์ เข้ามารับบทนำ ตัวละครที่สำคัญอีกคนก็คือ แคเรน เพื่อนบ้านของ เนธาน ที่ต้องออกเดินทางไปพร้อมกัน ซึ่งสุดท้ายแล้ว ลิลลี่ คอลลินส์ นักแสดงสาวจาก The Blind Side ก็ทำให้ผู้กำกับ จอห์น ซิงเกิลตัน ประทับใจ โดยผู้อำนวยการสร้าง แพท คราว์ลี่ย์ ได้เผยถึงการตามหานักแสดงหญิงว่า "มีนักแสดงหลายคนที่เราสนใจในบทนี้ แต่ ลิลลี่ เป็นคนที่ติดอยู่ในใจของพวกเรา เพราะว่าเธอมีความใสซื่อบริสุทธิ์อยู่รอบตัว ไม่ว่าจะอยู่ในจอหรือนอกจอ คุณจะรู้สึกว่าเธอเป็นผู้หญิงที่คุณเชื่อใจได้"
คอลลินส์ ได้พูดถึงตัวละครของเธอว่า "แคเรน เป็นผู้หญิงที่เข้มแข็งและมีความมั่นใจในตัวเอง เธอไม่ใช่แค่คนรักหรือผู้ติดตามของพระเอก แต่เธอก็มีแรงจูงใจเป็นของตัวเอง มีบทสำหรับนักแสดงวัยรุ่นสาวอยู่ไม่มากนัก ที่จะแตกต่างออกไปจากหนังตลกวัยรุ่นทั่วไป"
เจสัน ไอแซ็ค และ มาเรีย เบลโล สองนักแสดงรุ่นใหญ่ รับบทเป็น เควิน และ มาร่า พ่อแม่ที่อาจไม่ได้เป็นอย่างที่ทุกคนเห็น โดย ไอแซ็ค ก็ติดใจตัวละครนี้ในทันที ซึ่งก็ทำให้เขาพยายามใส่บุคลิกของตัวเองเข้าไปในหนัง "ผมได้อ่านบทและมันก็สนุกกว่าที่คิดไว้ ในเรื่องนี้ผมได้ชกมวยกับ เทย์เลอร์ และได้จูบกับ มาเรีย คุณจะขออะไรไปมากกว่านี้อีก (หัวเราะ)"
สำหรับ เบลโล สาเหตุที่เข้ามาก็เพราะเธอต้องการทำงานร่วมกับผู้กำกับมานาน "พอได้ยินว่า จอห์น ซิงเกิลตัน เป็นผู้กำกับหนังเรื่องนี้ ฉันก็อยากเข้ามาแสดงในเรื่องนี้ทันที และเมื่อได้อ่านบทฉันก็คิดว่าน่าจะเหมาะกับสไตล์ของเขาที่สุด มันเป็นหนังแอ็คชั่น-ทริลเลอร์ที่พิเศษตรงที่เล่าเรื่องด้วยหัวใจ"
ทางด้าน เลาท์เนอร์ ก็ได้พูดถึงแม่บนจอของเขาว่า "มาเรีย เป็นผู้หญิงที่น่ารัก และก็เป็นนักแสดงที่มีความสามารถเหลือล้น มีฉากที่น่าประทับใจระหว่างผมกับเธอในห้องนอน ที่เธอพยายามบอกว่าไม่ใช่แม่แท้ๆของผม มันเป็นอะไรที่เจ็บปวดใจมาก ผมคิดไม่ออกว่าใครจะสามารถรับบทนี้ได้เหมือนกับเธอ"
ทางด้าน ซิงเกิลตัน ก็พูดถึง เจสัน ไอแซ็ค ว่า "เขาเป็นนักแสดงที่มีพลังงานล้นเหลือ โดยมีฉากที่เขาฝึก เนธาน ซึ่งอาจจะดูโหดและรุนแรง และ เนธาน ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมพ่อของเขาถึงอยากให้เขาฝึกศิลปะการต่อสู้และกีฬาหนักขนาดนี้ แต่ต่อมาเมื่อเขาต้องเจอกับสถานการณ์เฉียดตาย ที่ทำให้เขาต้องหนีเพื่อเอาชีวิตรอด เนธาน ก็เข้าใจถึงการเตรียมพร้อมที่พ่อของเขาต้องการมอบให้"
อัลเฟรด โมลิน่า เข้ามาแสดงใน Abduction โดยรับบทเป็น เบอร์ตัน เจ้าหน้าที่ซีไอเอที่ต้องการจับตัว เนธาน เขาพูดถึงตัวละครของเขาว่า "ผมไม่เคยแสดงเป็นเจ้าหน้าที่ซีไอเอมาก่อน และก็ยังไม่เคยร่วมงานกับ จอห์น ซิงเกิลตัน ซึ่งผมเองก็เป็นแฟนหนังของเขามานาน รวมถึงโอกาสในการร่วมงานกับนักแสดงดาวรุ่งอย่าง เทย์เลอร์ และ ลิลลี่ ผมคิดว่านี่คือส่วนผสมของหนังบล็อคบัสเตอรี่ผมไม่ได้สัมผัสมานานแล้ว"
นักแสดงในตำนานอีกคนอย่าง ซีกอร์นีย์ วีเวอร์ ก็เข้ามารับบทเป็น ดร. เบนเน็ตต์ ซึ่งถูกเขียนในบทเป็นผู้ชายในตอนแรก โดยผู้อำนวยการสร้าง สโตลแมน ก็ได้อธิบายว่า "พวกเราเปลี่ยนหลังจาก ซีกอร์นีย์ ให้ความสนใจในหนังเรื่องนี้ มันเป็นเรื่องที่สุดยอดในการได้ ซิกอร์นี่ย์ เข้ามาแสดง เธอเป็นนักแสดงที่ทุกคนฝันที่จะได้ร่วมงาน"
วีเวอร์ ก็ได้พูดถึงเรื่องราวใน Abduction ว่า “ฉันคิดว่ามันเป็นหนัง coming-of-age ที่ถูกซ่อนอยู่ในหนังแอ็คชั่น เกี่ยวกับเด็กสองคนที่แสดงให้เห็นถึงไหวพริบและความกล้าหาญ เมื่อพวกเขาต้องติดอยู่ในวงเวียนของอาชญากรรมระดับชาติ พวกเขาเป็นเหมือนเบี้ยบนกระดานขนาดใหญ่ที่มีทั้งซีไอเอและองค์กรลับ"
ไมเคิล นีควิสต์ รับบทเป็น คอสลอฟ ศัตรูตัวฉกาจของ เนธาน โดย สโตลแมน ก็ได้พูดถึงการเลือกนักแสดงจากสวีเดนคนนี้เข้ามารับบท "พวกเราได้เห็นฝีมือการแสดงของเขาใน The Girl with the Dragon Tattoo และก็รู้สึกทึ่ง เขาอาจไม่เป็นที่รู้จักนักในฮอลลิวู้ด แต่ในสวีเดนเขาคือระดับซุปเปอร์สตาร์ เขาสามารถแสดงให้ดูร้ายแต่ก็ยังมีสเน่ห์น่าดึงดูดได้"
นีควิสต์ ก็พูดถึงการเข้ามารับบทนี้ว่า "ผมรู้สึกติดใจกับเรื่องราวการออกตามหาตัวตนของตัวเอง และผมก็ชอบผลงานของ ซิงเกิลตัน เขาโทรมาหาและเราก็ได้พูดคุยกันเกี่ยวกับมุมมองในหนัง เขาส่งบทมาให้อ่านและผมก็ชอบมันมาก และอีกสาเหตุก็คือผมชอบบทบาทผู้ร้ายที่สามารถเล้นสนุกกับมันได้เยอะกว่า"
เบื้องหลังการสร้าง + ฉากแอ็คชั่น
หลังจากได้นักแสดงครบแล้ว Abduction ก็เปิดกล้องในวันที่ 12 กรกฏาคม 2010 ในเมืองพิตส์เบิร์ก และใช้เวลาถ่ายทำทั้งสิ้น 51 วัน ผู้อำนวยการสร้าง คราว์ลี่ย์ เล่าถึงสาเหตุในการเลือกเมืองนี้ว่า "พิตส์เบิร์กเป็นเมืองที่มีสเน่ห์ มันมีสะพานมากมาย มีแม่น้ำหลักสามสาย และก็มีทัศนียภาพที่น่าทึ่ง คุณจะเห็นตึกระฟ้าที่ทอดตัวอยู่ตรงข้ามกับสนามอเมริกันฟุตบอล สนามเบสบอล และสนามฮ๊อกกี้ นี่คือเมืองที่คุณสามารถมองได้จนถึงเส้นขอบฟ้า มันทั้งใหญ่และกว้างขวาง"
เทย์เลอร์ เลาท์เนอร์ ก็เห็นด้วยกับการเลือกที่นี่เป็นสถานที่ถ่ายทำ "พวกเราถ่ายทำ Abduction ทั่วทั้งเมืองพิตส์เบิร์ก ทั้งในแม่น้ำ ป่า ถนน สนามเบสบอล ไนท์คลับ ร้านอาหาร และทุกซอกทุกมุม การเดินทางรอบเมืองทำให้ผมทำความรู้จักกับเมืองที่น่าอยู่แห่งนี้"
Abduction ถ่ายทำตามลำดับเรื่องราว ซึ่งก็สร้างความตื่นเต้นและความรู้สึกร่วมให้กับทีมนักแสดง โดยฉากแรกที่ถ่ายทำก็คือฉากในโรงเรียน โดยทีมงานก็ได้ไปถ่ายทำกันใน แฮมป์ตัน ไฮสกูล โดยก็ใช้วงโยธวาทิต เชียร์ลีดเดอร์ และทีมมวยปล้ำของโรงเรียนมาเป็นนักแสดงประกอบของเรื่อง
ในวันที่สามของการถ่ายทำ ทีมงานก็ได้ไปถ่ายทำบนถนนแถบชานเมือง ซึ่งก็เป็นฉากสตันท์แรกในหนัง เลาท์เนอร์ ก็ได้เล่าถึงประสบการณ์ว่า "นี่คือครั้งแรกที่คุณจะได้เห็น เนธาน ซึ่งเกาะอยู่บนหลังคารถกระบะ ที่กำลังทำความเร็วกว่า 75 ไมล์ต่อชั่วโมง ผมสนุกกับการถ่ายากนี้มาก ทีมงานเขายึดผมเอาไว้กับรถกระบะด้วยสลิง เพื่อที่จะได้ไม่กระเด็นหลุด อย่างไรก็ตามผมก็ยังถูกเหวี่ยงไปมาตามความแรง มันเป็นฉากที่เจ๋งมาก"
ไม่เพียงแค่นั้น เพราะ เลาท์เนอร์ ก็จะคอยมองหาโอกาสในการแสดงฉากสตันท์ด้วยตัวเอง "ในเรื่องนี้ผมได้รับโอกาสในการแสดงฉากสตันท์เสี่ยงตายมากมาย เช่นฉากที่ผมต้องสไลด์ตัวลงมาตามกระจก ผมยังวิ่งหลบหลีกสิ่งกัดขวางแบบพวกฟรีรันนิ่ง และก็ยังมีฉากฝึกชกมวยกับ เจสัน ที่สวนหลังบ้าน มันเป็นบทที่ต้องอาศัยความพร้อมของร่างกาย แต่ผมก็ไม่รีรอที่จะทำมันด้วยตัวเอง ผมรู้สึกสนุกในการได้ทำสิ่งเหล่านี้"
ผู้กำกับฉากแอ็คชั่น แบรด มาร์ติน ที่เคยทำงานมาในหนังบล็อคบัสเตอร์อย่าง Mr. & Mrs. Smith และ Die Hard 4 ก็เข้ามาออกแบบฉากสตันท์ที่มีความซับซ้อนและน่าตื่นเต้น เขาเล่าว่า "ผมดีใจที่ได้เข้ามาทำงานตั้งแต่เริ่มต้น เพราะมันทำให้ผมสามารถพัฒนาฉากแอ็คชั่นให้เข้ากับสถานการณ์ พวกเราออกแบบห้ เนธาน เอาความสามารถที่เขาฝึกมาทั้งชีวิตมาใช้ในสถานการณ์จริง ที่เกิดขึ้นกับเขาในภายหลัง"
ไม่ใช่แค่เพียง เลาท์เนอร์ เท่านั้นที่ต้องฝึก เจสัน ไอแซ็ค ที่รับบทเป็นพ่อของ เนธาน ก็ต้องฝึกหนักไม่แพ้นักแสดงหนุ่ม เขาเล่าว่า "ตั้งแต่เริ่มต้นพวกเขาบอกผมว่า "ถ้าคุณตกลงเล่นบทนี้ คุณก็จำเป็นต้องฝึกชกมวยทุกวัน" ซึ่งเป็นเพราะพ่อของ เนธาน ต้องเตรียมเขาให้พร้อม ดังนั้นผมจึงได้ซ้อมกับนักชกนวมทองของอังกฤษ และเมื่อผมมาถึงพิตส์เบิร์ก ผมก็ยังได้ซ้อมกับคนที่ออกแบบฉากต่อสู้ใน 300 อีกด้วย"
แต่ ไอแซ็ค ก็ยอมรับว่ามันลำบากเพราะคนตรงข้ามเขาก็คือ เทย์เลอร์ เลาท์เนอร์ "ผมต้องทำให้คนดูเชื่อว่าตัวเองเป็นผู้ฝึก เทย์เลอร์ ซึ่งเป็นนักแสดงที่ฝึกศิลปะการต่อสู้จริงๆมาตั้งแต่ 6 ขวบ ก่อนที่จะถ่ายทำ ผู้กำกับถามว่าตอนนี้ผมคิดว่าตัวเองเก่งแค่ไหนแล้ว ผมเลยบอกเขาไปว่า ก็พอใช้ได้สำหรับคนที่ฝึกมา 2 อาทิตย์ (หัวเราะ)"
ความได้เปรียบของ เลาท์เนอร์ ก็คือมีพื้นฐานของการต่อสู้มาก่อน เขาเล่าว่า "ผมฝึกศิลปะการต่อสู้มาเป็น 10 ปีแล้ว และผมก็ยังคอยทบทวนอยู่ตลอดเพื่อไม่ให้ลืม ดังนั้นในฉากต่อสู้ผมจึงแสดงได้คล่องแคล่วกว่าที่ทุกคนคาดไว้ นี่ถือเป็นข้อดีของการมีพื้นฐานมาเหมือนกัน"
ลิลลี่ คอลลินส์ ก็ต้องร่วมแสดงในฉากแอ็คชั่นด้วยเช่นกัน โดยเป็นฉากบนสะพานและแม่น้ำที่ซูเทอร์สวิลล์ เธอเล่าว่า "มันเริ่มตั้งแต่ตี 5 โดยเป็นฉากที่ฉันต้องลงไปในแม่น้ำและวิ่งผ่านป่า มันเป็นประสบการณ์ที่ไม่มีวันลืม ฉันได้แผลและรอยฟกช้ำมาทั้งตัว แต่ฉันก็คิดว่ายิ่งตัวเองมีแผลมากแค่ไหน ฉันก็จะยิ่งชินเร็วมากขึ้นเท่านั้น"
วันที่ 22 สิงหาคม 2010 ทีมงานได้ไปที่ พีเอ็นซี พาร์ค ของทีมเบสบอลอาชีพ พิตส์เบิร์ก ไพเรท เพื่อถ่ายทำฉากไคลแม็กซ์ของหนัง เพื่อที่จะเพิ่มความสมจริงให้กับฉากนี้ ทีมงานก็ได้แบ่งกล้องออกเป็น 3 ทีม เพื่อจับเอาบรรยากาศเกมการแข่งขันเบสบอลที่กำลังเกิดขึ้น ด้วยยอดผู้เข้าชมมากกว่า 26,000 คน เลาท์เนอร์ พูดถึงความรู้สึกว่า "มันน่าทึ่งมาก ทุกอย่างสับสนวุ่นวาย เพราะว่าเรามีเวลาเตรียมตัวก่อนการถ่ายทำเพียงแค่ไม่กี่ชั่วโมง"
มันถือเป็นการแข่งกับเวลาของทีมนักแสดงและทีมงาน ซึ่งมันก็หมดเร็วกว่าที่ทุกคนคาดไว้ เมื่อเกมการแข่งขันจบในเวลาเพียงแค่ 2 ชั่วโมง 18 นาที สั้นที่สุดในรอบ 2 ปีของการแข่งขัน ผู้อำนวยการสร้าง คราว์ลี่ย์ เล่าว่า "พวกเราคิดว่ามันน่าจะใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงกว่าๆ แต่แล้วเวลามันก็หายไปกว่าชั่วโมง พวกเราพยายามเก็บภาพให้ได้มากที่สุด และทำให้นักแสดงอยู่ในฉากเพื่อความสมจริง สุดท้ายแล้วเราก็รู้สึกพอใจกับสิ่งที่ได้มา"
สถานที่แห่งนี้ก็ยังมีฉากสตันท์ที่ใหญ่ที่สุดของ เลาท์เนอร์ เมื่อเขาต้องสไลด์ตัวลงมาตามหลังคากระจก โดยในตอนแรก มาร์ติน และ ซิงเกิลตัน ได้ออกสำรวจสถานที่ และให้ทีมสตันท์ลองแสดงตามสถานที่ต่างๆ แต่เมื่อ เทย์เลอร์ เห็นการสไลด์ตัวลงมาตามกระจก เขาก็บอก มาร์ติน ว่าต้องการแสดงทันที
เลาท์เนอร์ พูดถึงประสบการณ์ในการแสดงฉากนี้ว่า "หลังจากที่ตัวละครของผมวิ่งหนีการตามล่ามาทั้งสนาม ผมก็มาถึงจุดตรงบันไดเลื่อน ที่มีบานกระจกทอดตัวลงมาจนถึงด้านล่าง เนธาน ตัดสินใจกระโดดขึ้นไปบนกระจกและสไลด์ลงมาชั้นล่างอย่างรวดเร็ว มันเป็นฉากสตันท์ที่สุดยอด ผมคิดว่าตัวเองเป็นเหมือน แจ็คกี้ ชาน เลย (หัวเราะ)"
ซิงเกิลตัน ได้กล่าวชื่นชมถึงความกล้าของ เลาท์เนอร์ ว่า "สิ่งที่ยอดเยี่ยมในตัว เทย์เลอร์ ก็คือ เขาสามารถแสดงฉากสตันท์ด้วยตัวเองเกือบทั้งหมด เขาชกมวยได้ ขี่มอเตอร์ไซด์ได้ มีพื้นฐานของศิลปะการต่อสู้ สามารถตีลังกาได้ถ้าต้องการ และเขาก็ตื่นเต้นที่จะทำทุกอย่างด้วยตัวเอง เทย์เลอร์ มองนักแสดงอย่าง แฮร์ริสัน ฟอร์ด หรือ ทอม ครูส เป็นนักแสดงตัวอย่าง เขาอยากได้ประสบการณ์ในการแสดงฉากเหล่านั้น และมันเป็นประโยชน์สำหรับผู้กำกับ นั้นคือผมไม่ต้องใช้มุมกล้องเข้าช่วยในการถ่ายทำเลย เพราะนั้นคือตัวเขาเองทั้งหมด"
จอห์น ซิงเกิลตัน ได้สร้างความสมดุลระหว่าง แอ็คชั่น ดราม่า ความตื่นเต้น และอารมณ์ขันให้ Abduction โดย ซีกอร์นีย์ วีเวอร์ ก็ได้พูดถึงตัวผู้กำกับว่า "ฉันคิดว่าเขาเชื่อมหนังทุกแนวเข้าด้วยกันอย่างลงตัว คุณจะได้เห็นทั้งพล็อตเรื่องที่ซับซ้อน ได้เห็นเรื่องของความรักที่น่าประทับใจ และฉากสตันท์ที่น่าทึ่ง ต้องมีผู้กำกับที่มีประสบการณ์แบบเขาเท่านั้นที่ทำให้ทุกอย่างมีความโดดเด่น"
มาเรีย เบลโล ก็ชี้ให้เห็นถึงความมั่นใจและวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนของ ซิงเกิลตัน "มันมีความน่าสนใจเกี่ยวกับตัวของ จอห์น เพราะว่าเขารู้ว่าภาพที่คนดูเห็นจะออกมาในรูปแบบไหน และจากผลงานที่ผ่านมาของเขาก็ทำให้ฉันเชื่อใจ ฉันได้เรียนรู้อะไรหลายอย่างจากสไตล์การกำกับของเขา"
ท้ายที่สุดแล้วสิ่งที่ผู้ชมจะได้รับนอกเหนือจากฉากแอ็คชั่นที่ตื่นเต้นใน Abduction นั้นก็คือการถือกำเนิดของแอ็คชั่นสตาร์คนใหม่ โดยผู้กำกับ จอห์น ซิงเกิลตัน กล่าวสรุปเอาไว้ว่า "ผมเชื่อว่าผู้ชมจะต้องทึ่งกับสิ่งที่ เทย์เลอร์ เลาท์เนอร์ ทำในหนังเรื่องนี้ ทุกคนรู้ดีอยู่แล้วว่าเขาเป็นผู้ชายหน้าตาดี แต่สิ่งที่เขาทำในฐานะนักแสดงจะทำให้ทุกคนเห็นว่า เขาได้เติบโตขึ้นมาเป็นแอ็คชั่นสตาร์ที่จะอยู่ในวงการอีกนาน เขามีทั้งสเน่ห์ อารมณ์ขัน ความโรแมนติก และยังจัดการผู้ร้ายได้อีก คุณจะต้องการอะไรไปมากกว่านี้"